วิสัยทัศน์ ‘นวัตกรรม’ จากยูนิโคล่ : Product Innovation Awards 2020 : รางวัลสินค้าไลฟ์สไตล์ ประเภทเสื้อผ้า-เครื่องนุ่งห่ม

หัวใจสำคัญที่ทำให้ยูนิโคล่ (Uniqlo) เดินทางมาไกลมาก ๆ เกิดจากหลักปรัชญา LifeWear ที่มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เชื่อมโยงกับผู้บริโภค โดยใช้นวัตกรรมในเทคโนโลยีต่าง ๆ มาพัฒนาเสื้อผ้าให้ได้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด


ต้องย้ำชัด ๆ ว่า การที่ ‘ยูนิโคล่‘ ยึดหลักปรัชญา LifeWear มีความหมาย คือ เสื้อผ้านั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้สวมใส่ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เชื่อมโยงกับลูกค้าทุกคนนั้น ทุกอย่างคือ กระบวนการสร้าง Brand Character ที่ผ่านคิดค้นมาเป็นอย่างดี

แน่นอนว่าด้วยข้อดีต่าง ๆ ของเทคโนโลยีนี้ ทำให้ผู้บริโภคต่างลงคะแนนท่วมท้นกับแนวคิดนวัตกรรม ประเภทเสื้อผ้า-เครื่องนุ่งห่ม จากการจัดอันดับรางวัล Product Innovation Awards 2020 ในกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์

คุณเขมจิรา เทศประทีป ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จของยูนิโคล่ว่า ยูนิโคล่เป็นแบรนด์เครื่องแต่งกายแบรนด์แรก ๆ ที่พุ่งความสนใจและเดินหน้าบุกเบิกโซลูชันเครื่องแต่งกายป้องกันรังสียูวี โดยได้เปิดตัวเสื้อผ้าในกลุ่มยูวี UV Protection หรือเครื่องแต่งกายที่ป้องกันรังสียูวีตั้งแต่ปี 2547

จากนั้นก็ได้มีการออกแบบและพัฒนาสินค้าในกลุ่มนี้ออกมาอย่างต่อเนื่องสำหรับทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และเด็ก โดยมีทั้งเสื้อยืด เสื้อพาร์กา เสื้อเชิ้ต แจ็คเก็ต และคาร์ดิแกน  โดยจุดเด่นของเสื้อผ้าในกลุ่ม UV Protection นอกจากจะถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้ช่วยปกป้องผิวขณะเผชิญแสงแดดที่จัดจ้าในช่วงฤดูร้อนแล้ว ยังเหมาะที่จะสวมใส่ในชีวิตประจำวันที่เราสามารถเผชิญรังสียูวีได้ในทุกโอกาส ซึ่งเครื่องแต่งกายกันยูวีสามารถป้องกันรังสียูวีได้มากถึง 90%เพียงแค่หยิบมาสวมใส่ก็สามารถป้องกันรังสียูวีได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ

สินค้าของยูนิโคล่ในกลุ่ม UV Protection นี้ เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนปรัชญา LifeWear อย่างเห็นได้ชัดในแง่ของการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง โดยคำนึงถึงความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้สวมใส่ รวมทั้งมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตเพื่อตอบโจทย์ เนื่องจากประเทศไทยมีดัชนีรังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสียูวี เฉลี่ยที่ 11 – 12 ซึ่งจัดว่าอยู่ในระดับสูงสุดมาตลอด 8 – 9 ปีที่ผ่านมา

ดังนั้น การปกป้องผิวจากรังสียูวีจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้คนทุกเพศทุกวัยและในทุก ๆ วัน ซึ่งหลายคนอาจปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดด แต่ก็ยังมีอีกวิธีง่าย ๆ และมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิว นั่นคือการสวมเสื้อผ้าในกลุ่ม UV Protection

เพราะยูนิโคล่นำ 2 เทคโนโลยีมาใช้ในการผลิต ได้แก่ 1. เทคโนโลยีด้านการผสมผสานวัสดุที่สามารถสะท้อนรังสียูวีเข้าไปในเส้นใยผ้า และ 2. เทคโนโลยีด้านการผสมผสานวัสดุที่สามารถป้องกันรังสียูวีเข้าไปในเนื้อผ้า

ด้วย 2 เทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้สินค้าในกลุ่ม UV Protection มีค่า UPF 40 และสามารถป้องกันรังสียูวีได้ถึง 90% โดยค่า UPF หรือค่าป้องกันรังสียูวีของสิ่งทอต่าง ๆ เป็นค่าที่แสดงให้เห็นว่ารังสียูวีสามารถผ่านเส้นใยผ้าเข้าสู่ผิวหนังได้มากน้อยแค่ไหน ยิ่งค่า UPF สูงก็ยิ่งสามารถป้องกันรังสียูวีได้มากขึ้น

นอกจาก 2 เทคโนโลยีที่กล่าวไปแล้ว สินค้าในกลุ่ม UV Protection บางรุ่นยังมีการนำเทคโนโลยี AIRism เข้ามาร่วมด้วย จึงช่วยให้สามารถป้องกันรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่เนื้อผ้ายังคงเบาสบาย ระบายความชื้นได้อย่างรวดเร็ว เพื่อคงความแห้งสบาย ยืดหยุ่นแนบกระชับ แต่ไม่รัดจนอึดอัด

“การนำเทคโนโลยีมาใช้จึงมีส่วนช่วยให้เราสามารถผลิตเสื้อผ้าที่มีคุณภาพดี มีความหลากหลายให้เลือกได้เหมาะกับทุกโอกาส ในราคาที่ผู้บริโภคพึงพอใจ โดยกลุ่มเสื้อผ้าในกลุ่ม UV Protection ในปีนี้ 2563 จะเป็นครั้งแรกที่ทางยูนิโคล่ประเทศไทยมีการทำการตลาดด้วยการโฆษณาทางโทรทัศน์ โดยได้ร่วมงานกับ
พรีเซ็นเตอร์คนไทยอย่างคุณญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ เพื่อสร้างการรับรู้มากยิ่งขึ้น

แต่ในขณะเดียวกันทางยูนิโคล่เองก็ใช้ช่องทาง ณ ร้านสาขา ในการสร้างการรับรู้และความเข้าใจแก่กลุ่มเสื้อผ้า UV Protection มากยิ่งขึ้น อาทิ การติดตั้งเครื่องแสดงสาธิตประสิทธิภาพของเนื้อผ้า UV Protection ในการช่วยสะท้อนรังสียูวี

นอกจากนั้น นวัตกรรมอย่าง UV Protection ก็ได้มีการนำเข้าไปใช้กับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น อาทิ  ล่าสุด คอลเลคชั่นพิเศษ UNIQLO x Marimekko ได้มีการนำนวัตกรรม UV Protection ไปใช้กับหมวกภายใต้คอลเลคชันพิเศษดังกล่าว ซึ่งนับเป็นการขยายตลาดกลุ่มสินค้า UV Protection ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับในระดับโกลบอลเอง ยูนิโคล่ยังมีกระบวนการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ โดยปัจจุบันยูนิโคล่มีการจัดตั้งศูนย์ R&D หรือ Research & Development ขึ้นเพื่อการพัฒนาและค้นคว้านวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงการติดตามเทรนด์แฟชั่นที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพื่อเข้าใจและประเมินถึงความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต ซึ่งเป็นการตั้งคำถามถึงกับความต้องการของผู้บริโภค

หลังจากที่ศูนย์ R&D ศึกษาข้อมูล ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการร่วมมือกันเพื่อกำหนดคอนเซ็ปต์ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละซีซั่น และหลังจากนั้นทางด้านดีไซเนอร์จะไปออกแบบ เพื่อผลิตออกมาเป็นตัวอย่าง ซึ่งกว่าจะออกมาเป็นสินค้าถึงผู้บริโภค จะมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงเรื่องทรงและสี เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด”