BMW X1 หรูหรา แต่จับต้องได้

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย  มีผลงานที่น่าทึ่งในช่วงเวลาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ยากลำบากอย่าง COVID-19 พวกเขาแสดงให้เห็นถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการอันยอดเยี่ยม ด้วยการเป็นแชมป์รถยนต์พรีเมียมในประเทศไทยถึง 2 ปีติดต่อกัน

ปี 2021 ที่ผ่านมาพวกเขามียอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูไปกว่า 9,982 คัน ตรงนี้ช่วยตอกย้ำความแข็งแกร่งของทั้งแบรนด์และสินค้า รวมไปถึงบริการหลังการขายของ บีเอ็มดับเบิลยู ได้เป็นอย่างดี

โดยคุณอเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ  บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เผยว่า ในไตรมาสแรกของปี 2022 บีเอ็มดับเบิลยูทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ถือเป็นไตรมาสที่ประสบความสำเร็จมาก เรียกได้ว่า เป็นความสำเร็จระดับประวัติศาสตร์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เลยทีเดียว เพราะความต้องการรถยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยูสูงมาก ซึ่งตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไว้เนื้อเชื่อใจของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถยนต์อเนกประสงค์หรูหราระดับต้นในกลุ่ม Sports Activity Vehicle อย่าง “BMW X1 sDrive20d M Sport” ที่คุณอเล็กซานเดอร์  บอกว่า นอกจากจะได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทยแล้ว รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการออกแบบให้เป็น ICONIC DESIGN ของทาง BMW โดยในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์หรูหราระดับต้น BMW X1 ถือเป็นผู้นำในกลุ่มนี้ พร้อมด้วยราคาที่จับต้องได้ง่าย โดยเริ่มต้นที่ 2,359,000 บาท เท่านั้น ตรงนี้ทำให้กลุ่มลูกค้าระดับกลางสามารถเข้าถึงรถยนต์รุ่นนี้ได้ไม่ยาก

ขณะเดียวกันก็มีคุณภาพรถยนต์ที่มั่นใจได้เป็นอย่างดี ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้ พร้อมการผสานเข้ากับนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่าง Apple CarPlay จอภาพ BMW Head-Up Display และจอภาพขนาด 10.25 นิ้ว ที่มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยอัจฉริยะที่ประกอบไปด้วยระบบ Parking Assistant และเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้า และหลัง BMW X1 จึงเป็นที่สุดแห่งความลงตัว

ขณะที่ในแง่การขับขี่ใช้งานทั่วไป BMW X1 สามารถปรับโหมดตามความต้องการได้ 3 โหมด คือ Eco Pro, Comfort และ Sport ซึ่งแต่ละโหมดจะปรับการตอบสนองของคันเร่งและการควบคุมของพวงมาลัยไฟฟ้า โดยในโหมด Sport นั้นจุดเด่นคือ มีอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจ สามารถบังคับทิศทางได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ Comfort โหมดมาตรฐาน เหมาะกับการขับขี่แบบคงความสมดุลของสมรรถนะตามสไตล์ BMW ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

และโหมดสุดท้ายคือ Eco Pro ซึ่งออกแบบมาให้สอดคล้องไปกับสถานการณ์ของโลกในวันนี้ที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่ความยั่งยืน โดยจะเน้นไปที่การใช้งานในชีวิตประจำวันคือ การขับขี่ที่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ เหมาะกับการขับขี่ทั่ว ไป นอกจากนี้ โหมด Eco Pro ยังทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงระบบปรับอากาศ เพื่อลดภาระของเครื่องยนต์

ด้านงานดีไซน์ของ BMW X1 สะท้อนให้เห็นถึงการออกแบบที่โฉบเฉี่ยว ผ่านกระจังหน้าทรงไตคู่ BMW และไฟหน้า LED ไฟตัดหมอก LED รวมทั้งล้อขนาด 19 นิ้ว (ในรุ่น M Sport) และกระจกมองข้างพร้อมระบบไฟ LED-Projection “X1” ตลอดไปจนถึงไฟท้าย LED และปลายท่อไอเสียสุดโดดเด่น เมื่อคุณก้าวเข้าไปในรถ ระบบไฟ Ambient light พร้อมปรับบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้อบอุ่นและผ่อนคลาย

นอกจากนั้น ในส่วนของแผงหน้าปัดยังได้รับการตกแต่งด้วยงานเดินตะเข็บสวยหรู หุ้มด้วยหนัง Dakota ที่สอดรับกับพรมปูรองพื้นได้อย่างลงตัว ส่วนของเบาะหลังสามารถปรับได้พร้อมมอบพื้นที่กว้างบริเวณที่นั่งด้านหลัง หรือจะเพิ่มความกว้างของบริเวณพื้นที่จัดเก็บสัมภาระในห้องจัดเก็บสัมภาระก็ได้เช่นกัน

โดยคุณอเล็กซานเดอร์ ปิดท้ายว่า เป้าหมายของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ในปี 2022 นี้ คือการเปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่นวัตกรรมให้มากขึ้น เพื่อส่งมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในวันนี้

เมื่อลูกค้าเดินเข้ามาในโชว์รูมของบีเอ็มดับเบิลยู จะต้องได้รับการดูแลตั้งแต่ต้นจนจบตามแนวทางของการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง หรือ Customer Centric ขณะเดียวกันการนำบริษัทก้าวสู่เส้นทางแห่งความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจก็อยู่ใน DNA ของพนักงานทุกคนในเครือบีเอ็มดับเบิลยู เพื่อตอบรับกับเทรนด์ของโลกแห่งอนาคต