เอไอเอ เพิ่มความเหนือชั้น ด้วยโปรแกรมสุขภาพที่ให้มากกว่าความคุ้มครอง

ในภาวะที่โรคระบาดมีความรุนแรง และมีผลต่อการใช้ชีวิตเป็นอย่างมากทำให้บริษัทประกันชีวิตต้องเป็นที่พึ่งให้กับผู้เอาประกันได้มากกว่าความคุ้มครอง เพราะเป้าหมายของผู้เอาประกันคือต้องการสิ่งที่จะช่วยให้มั่นใจว่าจะสามารถใช้ชีวิตที่ดีต่อไปได้ถึงแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

หนึ่งในโปรแกรมดูแลสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อย่าง “เอไอเอ ไวทัลลิตี้” ที่ดูแลลูกค้าในทุกกิจกรรมการใช้ชีวิต จึงได้ต่อยอดความสำเร็จด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ สู่ “เอไอเอ ไวทัลลิตี้ พลัส” ที่มากด้วยสิทธิประโยชน์ ช่วยให้สมาชิกดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น

คุณเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด  เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ “เอไอเอ ไวทัลลิตี้ พลัส” ต่อยอดมาจาก “เอไอเอ ไวทัลลิตี้” ซึ่งเป็นประกันที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพให้ได้รับความคุ้มครองหากในกรณีเกิดความเจ็บป่วยหรือเกิดเรื่องไม่คาดฝันในชีวิต พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์มากมาย ทั้งส่วนลดเบี้ยประกันภัย และสิทธิประโยชน์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพของสมาชิก ซึ่งที่ผ่านมาเอไอเอ ไวทัลลิตี้ ได้รับการตอบรับที่ดีตั้งแต่เปิดให้บริการมาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกประมาณ 5 แสนคน ถือว่าเป็นหนึ่งในโปรแกรมดูแลสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

โดยแนวคิดของผลิตภัณฑ์นี้มาจากข้อมูลสถิติการเสียชีวิต หรือเจ็บป่วยของคนไทยที่ส่วนใหญ่เกิดจากไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารไม่ถูกหลัก หรือไม่ออกกำลังกาย ดังนั้น เอไอเอจึงออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ให้มากกว่าความคุ้มครอง เพื่อช่วยแก้ปัญหาตั้งแต่สาเหตุของการเกิดโรค นำมาสู่ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ

นี่คือการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ของเอไอเอ เราจะเป็นมากกว่าบริษัทประกันชีวิตที่่มอบความคุ้มครอง แต่เราพร้อมจะช่วยปรับพฤติกรรมของสมาชิก โดยใช้รางวัลจูงใจ และเมื่อสมาชิกมีสุขภาพดีขึ้นโอกาสเจ็บป่วยก็จะน้อยลง ย่อมส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการเอาประกันภัยลดลง และหากสมาชิกมีสุขภาพที่ดี มีสถานะไวทัลลิตี้ที่สูงขึ้น ก็จะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน

อัปเกรดผลิตภัณฑ์สู่ เอไอเอ ไวทัลลิตี้ พลัส

หลังจากที่ เอไอเอ ไวทัลลิตี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เอไอเอจึงได้พัฒนาโปรแกรม และเพิ่มแรงจูงใจที่มากขึ้นลงไปในโปรแกรมไวทัลลิตี้ โดยการอัปเกรดเป็น “เอไอเอ ไวทัลลิตี้ พลัส” ซึ่งสมาชิกสามารถอัปเกรดขึ้นด้วยค่าใช้จ่ายต่อปีเพียง 1,400 บาท แต่จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่ากว่า

สำหรับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจากโปรแกรมปกติมีมากมาย เช่น สิทธิประโยชน์ที่ได้จากการขอเงินคืนจากการตรวจสุขภาพ ซึ่งจะอิงตามสถานะไวทัลลิตี้ สูงสุด 1,200 บาทต่อปี รวมถึง Travel Reward ที่จะช่วยสมาชิกออกค่าใช้จ่ายที่พักโรงแรมสูงสุด 25% และที่น่าสนใจก็คือ มีกิจกรรม Active Challenge เป็นเป้าหมายระยะสั้นที่ช่วยให้สมาชิกออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุก 2 สัปดาห์ โดยเอไอเอ ไวทัลลิตี้ พลัส จะส่งภารกิจไปให้กับสมาชิก หากสามารถทำสำเร็จในแต่ละภารกิจก็จะได้รับของรางวัล

เอไอเอ ไวทัลลิตี้ เป็นโปรแกรมฟรีสำหรับสมาชิก แต่สมาชิกที่พร้อมดูแลตัวเองให้ได้ดีขึ้นสามารถอัปเกรดเป็นโปรแกรมเอไอเอ ไวทัลลิตี้ พลัส โดยมีเป้าหมายคือ การเก็บสะสมคะแนน เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่าค่าใช้จ่าย

3 จุดเด่นของผลิตภัณฑ์เอไอเอ ไวทัลลิตี้ พลัส

1. เอไอเอ ไวทัลลิตี้ พลัส เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นด้วยพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ โดยออกแบบตามหลักการ Behavior Styles ที่ต้องเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์เพื่อสร้างแรงจูงใจสำหรับการดูแลสุขภาพ โดยเอไอเอได้ศึกษาข้อมูลตามหลักวิทยาศาสตร์เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้กับมนุษย์ เพื่อให้เกิดแรงผลักดันสำหรับการออกกำลังกายและดูแลสุขภาพในทุกมิติ

เราศึกษาข้อมูลด้านสถิติและวิทยาศาสตร์มาเป็นอย่างดี ดังนั้น เกณฑ์การให้คะแนนหรือของรางวัลจากการออกกำลังกายจะเป็น Dynamic Goal โดยเริ่มจากเป้าหมายระยะสั้น เป็นเป้าหมายที่คนทั่วไปสามารถทำได้ และเมื่อสามารถผ่านเป้าหมายแรกได้ก็จะมีเป้าหมายระยะยาว และจะมีของรางวัลให้ทุกเป้าหมาย กลับกันหากไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้ ของรางวัลต่าง ๆ ก็จะถูกปรับลดลงมา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการออกแบบเพื่อกระตุ้นให้คนผลักดันตัวเองไปสู่เป้าหมาย”

2. การมีพันธมิตรที่หลากหลาย โดยเอไอเอ ไวทัลลิตี้ พลัส มีพันธมิตรชั้นนำมากมาย เพื่อช่วยให้สมาชิกสามารถเก็บสะสมคะแนน หรือสามารถใช้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างเพลิดเพลินยิ่งขึ้น ขณะที่ยังเดินหน้าเพิ่มพันธมิตรใหม่ ๆ ให้หลากหลายและครอบคลุมทุกหมวดหมู่มากขึ้น เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้เหมาะกับพฤติกรรมของลูกค้า

3. สามารถเชื่อมต่อเข้ากับผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพได้อย่างดี หากลูกค้าของเอไอเอ ไวทัลลิตี้ พลัส ดูแลรักษาสุขภาพได้เป็นอย่างดี ก็จะสามารถสะสมคะแนนและปรับสถานะไวทัลลิตี้ให้สูงขึ้น เพื่อได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้นได้ ถือเป็นการทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว

ทั้ง 3 จุดเด่นนี้ทำให้โปรแกรม เอไอเอ ไวทัลลิตี้ พลัส เป็นโปรแกรมที่แตกต่าง และไม่ง่ายเลยที่จะมีคู่แข่งรายใดเลียนแบบได้ทั้งหมด

มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับ Lifestyle ผู้บริโภค

คุณเอกรัตน์ กล่าวว่า เอไอเอได้พัฒนาโปรแกรมเอไอเอ ไวทัลลิตี้ พลัส อย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของแบบประกันสุขภาพ หรือโรคร้ายแรงของของเอไอเอ จะถูกนำเข้ามาเชื่อมต่อกับเอไอเอ ไวทัลลิตี้ เพื่อให้ได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัย และเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้สมาชิกอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ เอไอเอจะปรับเปลี่ยนพันธมิตรต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา และในระยะยาวจะต้องศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ เช่น การดูแลสุขภาพจิต ซึ่งเอไอเอเล็งเห็นว่าจากสถานการณ์ที่ค่อนข้างเคร่งเครียดจากภาวะเศรษฐกิจและโรคระบาด ทำให้คนมีปัญหาด้านนี้เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะเป็นอีกส่วนที่ทางเอไอเอจะสามารถขยายการดูแลได้ในอนาคต

คุณเอกรัตน์ กล่าวในตอนท้ายว่า อุตสาหกรรมประกันมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ความกังวลจากภาวะเศรษฐกิจอาจจะส่งผลให้กำลังซื้อชะลอตัวลงไปบางช่วง แต่ปัจจุบันประชากรในประเทศไทยยังมีส่วนน้อยที่มีประกันส่วนบุคคล ดังนั้น การเติบโตของบริษัทประกันจึงขึ้นอยู่กับว่า เราจะสามารถหานวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้กับผลิตภัณฑ์ได้อย่างไร เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละกลุ่ม

เป้าหมายของ เอไอเอ ไวทัลลิตี้ พลัส คือการเติบโตไปได้เร็วที่สุด โดยที่ต้องมองว่า จะทำอย่างไรให้เป็นประโยชน์และดีต่อสมาชิกมากที่สุด ซึ่งหลักการและแนวคิดเหล่านี้นำพวกเขามาสู่รางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2022 ประเภท ประกันสุขภาพ ได้อย่างไม่มีข้อกังขา