“ถุงยางอนามัย” ในวิถีเมืองพุทธอย่างไทยที่ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องเพศสัมพันธ์มากนัก จะซื้อก็เนียมอาย จะขายก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง เพราะถูกจัดอยู่ในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ แต่ตลาด ถุงยางอนามัย ในไทยมีมูลค่าราว 1,423 ล้านบาท มีปริมาณการขายกว่า 70 ล้านชิ้นเลยทีเดียว แม้ในปีที่ผ่านมายอดจะลดลงบ้างด้วยหลายปัจจัย อย่างปัญหาเศรษฐกิจ หรือภาครัฐไม่ค่อยผลักดัน การให้ความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของถุงยางอนามัยก็ลดลง แคมเปญที่ออกมาก็จะมีแต่ “ยืดอกพกถุง” ที่กระทรวงสาธารณะสุขตั้งมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2550 ทำให้ทางผู้ผลิตต้องหมั่นสร้างกลยุทธ์เพื่อเพิ่มยอดขาย
โดยคู่ที่น่าจับตามองคือ Durex บริษัทผลิตถุงยางอนามัยอันดับต้นของโลก และอันดับ 1 ของไทย ปะทะ Onetouch ถุงยางสายเลือดไทย ที่ครองตลาดเป็นอันดับ 2 ในไทย
คุณสามารถลงทุน “หุ้นถุงยาง” ได้ ด้วยการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ชื่อย่อหลักทรัพย์ TNR หรือ บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)
ส่องกลยุทธ์ : ถุงยางเป็นมากกว่าเรื่องเซ็กซ์
ในตลาดถุงยางอนามัย การโฆษณาขายสินค้านี้จัดเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะต้องคิดในแง่จิตวิทยาผู้บริโภคด้วย ถ้าพูดถึงด้านการคุมกำเนิดอย่างเดียว ผู้คนก็จะไม่ค่อยให้สนใจ แต่หากไปพูดถึงเรื่องคุณสมบัติมากเกินไป เช่น รุ่นนี้มีปุ่มขรุขระ รุ่นนี้บางเฉียบ จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความเขินอายที่จะซื้อถุงยางอนามัย กลัวว่าจะถูกมองว่าหมกมุ่นเรื่องเพศ หรือบางรายที่คิดว่าการใช้ถุงยางทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลง เพราะไม่คุ้นชินกับสัมผัสที่ต่างออกไป ทำให้ทั้งแบรนด์ Durex และ Onetouch ต่างงัดกลยุทธ์ที่จะทำให้ผู้บริโภคคิดว่า “ถุงยางเป็นมากกว่าเรื่องเซ็กซ์”
อ่านเพิ่มเติม : การทำแท้งติด 10 สาเหตุการตายมากสุดของมนุษย์เงินเดือน
Onetouch
ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ หรือ TNR เจ้าของแบรนด์ Onetouch มีข้อได้เปรียบที่เป็นผู้ผลิตถุง
เช่น ถุงยางอนามัยรุ่นล่าสุดที่ออกมา คือ ONETOUCH® 2019 Collection’ ตัวถุงยางจะบรรจุอยู่ในซองทรงกลม ต่างจากปกติเป็นที่เป็นทรงสี่เหลี่ยม บรรจุ 12 ชิ้นในกระป๋องทรงกลมที่ได้ The Daung ศิลปินไทยชั้นนำ เป็นผู้ที่ได้รับความนิยมจากวัยมิลลีเนียมและได้รับการยอมรับในระดับสากลโดยได้รับรางวัลจากประเทศญี่ปุ่น มาออกแบบภาพบนบรรจุภัณฑ์รุ่นนี้ด้วย ซึ่งจะผลิตในจำนวนจำกัด มี 2 ขนาดคือ 49 มม. และ 52 มม. ราคากระป๋องละ 188 บาท
Durex
เนื่องจาก Durex ติดตลาด ชื่อคุ้นหูกันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ที่หวือหวา เรียกกระแส มีการทำโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมเพื่อกระตุ้นยอดขาย และใช้กลยุทธ์สร้างอัตลักษณ์ให้กับถุงยางอนามัยแต่ละตัว เพื่อตอบสนองให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละกลุ่มผู้บริโภค
เช่นถุงยางอนามัยรุ่นล่าสุด คือ Durex Explore ที่มีจุดเด่นเรื่องสารหล่อลื่นมากกว่าตัวอื่น การโฆษณาถุงยางอนามัยรุ่นนี้ไม่ได้บอกคุณสมบัติโต้ง ๆ แต่สื่อให้คู่รักไปเปิดโลก หาความตื่นเต้นในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ปีนเขา ล่องแก่ง ที่ถึงจะสมบุกสมบันมากแค่ไหนก็ยังฟินได้เพราะมีความไหลลื่นมากขึ้นนั่นเอง สำหรับรุ่นนี้ เป็นไซส์ 52.5 มม. 1 กล่องมี 3 ชิ้น ราคา 49.-
อนาคตของเวที ถุงยางอนามัย ไทย
ตลาดถุงยางอนามัยในตลาดโลกปี 2561 มีมูลค่าราว 2 แสนล้านบาท มีการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 มีปริมาณการขายเท่ากับ 36,650 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.9
ส่วนในไทยเมื่อ 15 ปีที่แล้ว Durex มีส่วนแบ่งการตลาดในไทยถึง 85% แต่ในปัจจุบันคู่แข่งอย่าง Onetouch ก็เข้ามาครองใจชาวไทยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังมีคู่ชกในวงการข้างเคียงอย่างถุงยางอนามัยสำหรับเพศหญิง หรือเทคนิคการแพทย์ที่ดีขึ้น ทำให้มีวิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ อีกมากมาย
ปัจจัยทั้งหลายนี้จะเป็นตัวที่ทำให้ความขับเคี่ยวในวงการนี้ดูจะน่าตื่นเต้นขึ้นไปทุกที เพราะตลาดในต่างประเทศก็มีอุปสรรคเช่นเดียวกับตลาดไทย หากสามารถทำให้คนไทยมีความรู้ความเข้าใจในความสำคัญของถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้น ธุรกิจถุงยางไทยก็จะสดใสเช่นในต่างประเทศ จึงทำให้ในอนาคตเราจะเห็นผู้ผลิตงัดกลยุทธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งแง่คุณภาพ และราคา
อ้างอิง : ตลาดถุงยางอนามัยไทย