จากแนวคิด “Live well Stay well อยู่ดี มีสุข” สู่ความมุ่งมั่นส่งต่อบ้านให้เป็นมากกว่าที่พักอาศัย ของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ผ่านการนำโซลูชันทั้งด้านการออกแบบการใช้พื้นที่บ้านอย่างคุ้มค่าที่สุด เทคโนโลยีที่เชื่อมโยงการใช้ชีวิต ไปจนถึงด้านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งโซลาร์รูฟ และ EV-Charger
ทั้งหมดไม่เพียงแค่ความมุ่งมั่นในการสร้างที่อยู่อาศัยที่ดีให้กับผู้คนทุกระดับ แต่วันนี้ พฤกษา ยังมุ่งมั่นมอบสุขภาพที่ดีให้แก่ลูกบ้านผ่านบริการดูแลสุขภาพอีกด้วย เพื่อตอบโจทย์เมกะเทรนด์ของโลกใน 3 แกน ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป การใส่ใจสุขภาพ และการสร้างความยั่งยืน จึงไม่น่าแปลกใจที่ พฤกษา เรียลเอสเตท จะสามารถคว้ารางวัล BUSINESS+ Thailand Top Company Awards 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ไปครองได้สำเร็จ
ภายใต้ความมุ่งมั่นนี้ คุณปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้ใช้หลักการขับเคลื่อนธุรกิจเดียวกับ พฤกษา โฮลดิ้ง ผ่านกลยุทธ์ 5 ข้อ ไม่ว่าจะเป็น 1. Strengthen the Core หรือนำแนวคิดการทำงานแบบมุ่งเน้นผลลัพธ์ มาใช้พัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการของตลาดมากขึ้น 2. Green to Great การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน กำหนดนโยบายและแนวทางด้าน ESG 3. Seed New Business ลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตตามเมกะเทรนด์ 4. Capability Building ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และ 5. Customer Centric สร้างประสบการณ์ที่ดีและความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า
คุณปิยะ เล่าว่า “ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเราปรับโมเดลธุรกิจใหม่ แยกธุรกิจโรงงานและก่อสร้างออกไปจากในอดีตที่ต้องทำเองทุกอย่าง และหันมาโฟกัสเฉพาะธุรกิจอสังหาฯ ทำให้คล่องตัวมากขึ้น ส่วนปี 64 ที่ผ่านมาเราปรับพอร์ตเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางและบนมากขึ้นเป็น 60% ขณะเดียวกันก็ยังไม่ทิ้งลูกค้ากลุ่มที่ต้องการบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้าน การปรับพอร์ตในครั้งนี้ส่งผลดีกับธุรกิจ ช่วยทำให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นดีขึ้น มีลูกค้าทุกกลุ่ม ตรงตามเป้าหมายของเราที่อยากให้ทุกคนมีบ้านที่ดี
สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานในปี 2565 พฤกษา มีรายได้ใกล้เคียงกับปี 2564 ที่ 28,640 ล้านบาท หรือ เติบโต 1% แต่กลับทำกำไรขั้นต้นได้ดีขึ้น 9% จาก 2,352 ล้านบาท ในปี 2564 เป็น 2,772 ล้านบาท
ดึงธุรกิจสุขภาพเสริม สร้างความยั่งยืน
“ยุคก่อนที่ พฤกษา เรียลเอสเตท ประสบความสำเร็จเพราะทำในด้านของ Speed เน้นราคาที่คุ้มค่าและเร็ว เราเจาะตลาดระดับกลางและล่างได้ดี ประกอบกับในอดีตเศรษฐกิจประเทศไทยเติบโตค่อนข้างมาก ในอดีตเราเคยเติบโตเฉลี่ยได้ถึง 30% มีรายได้ถึง 5 หมื่นล้าน ซึ่งเป็นช่วงที่เติบโตสูงที่สุด”
แต่ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป คนที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน มีปัญหาเรื่องกำลังซื้อ นอกจากนี้สถานการณ์ COVID-19 เข้ามาดิสรัปต์ชีวิตผู้คนในหลายด้าน ทำให้พฤกษา เรียลเอสเตท ต้องปรับธุรกิจ โดยมองถึงความยั่งยืนมากขึ้นมากกว่าในแง่ของกำไร
สิ่งแรกที่พฤกษาให้ความสำคัญกับการปรับธุรกิจ คือ วัฒนธรรมองค์กร โดยใช้ Design Thinking เข้ามาช่วยการทำงาน รวมถึงใช้คนให้สมาร์ตมากขึ้น ส่งเสริมให้พนักงานคิดไอเดียใหม่ ๆ เข้ามาส่งเสริมธุรกิจเดิมจนเป็นที่มาของการเริ่มต้นธุรกิจสุขภาพ
“ความท้าทายคือการเปลี่ยนคน และการสร้างพอร์ตที่สมดุล การเติมธุรกิจสุขภาพเข้าไป โดยมีเป้าหมายคืออยากให้คนมีบ้านที่ดี มีสุขภาพที่ดี สำหรับธุรกิจสุขภาพจะเข้ามาเสริมรายได้ของธุรกิจหลัก เพราะหากทำแค่ธุรกิจอสังหาฯ ก็จะเหมือนคนหาเช้ากินค่ำ เพราะ GDP ของประเทศไทยไม่ได้ดีเหมือนเดิม
ขณะที่ภาพรวมอสังหาฯ เติบโตได้น้อยลง จึงต้องมองหาธุรกิจอื่นเข้ามาเสริม ซึ่งเทรนด์ปัจจุบันคนหันมาใส่ใจด้านสุขภาพมากขึ้น ขณะที่ประเทศไทยได้เริ่มเข้าสู่สังคมสูงวัยแล้ว ธุรกิจสุขภาพเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่ตอบโจทย์คนได้ทุกกลุ่ม สอดคล้องกับการปรับพอร์ตของบริษัทที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบนมากขึ้น ทั้งนี้ การปรับพอร์ตธุรกิจจะส่งให้เรากลับไปอยู่ในจุดที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เป็นที่สนใจของทั้งลูกค้าและนักลงทุน”
“เราไม่ได้อยากจะกลับไปอยู่ในจุดที่มีรายได้ถึง 50,000 ล้านบาท แต่เราต้องการเน้นที่บริษัทฯ มีกำไรที่ยั่งยืนมากกว่า” คุณปิยะ เน้นย้ำ
การเดินหน้าสู่ ESG
แน่นอนว่าความยั่งยืนของ พฤกษา ไม่ใช่เพียงแค่ผลกำไรทางธุรกิจ แต่ยังหมายถึงการสร้างสังคมผ่านการช่วยโลกลดการปล่อยคาร์บอนอีกด้วย
“เราตั้งเป้าออกแบบบ้านประหยัดพลังงานมากขึ้น ติดตั้งโซลาร์รูฟ และ EV-Charger ออกแบบบ้านประหยัดพลังงานที่ได้มาตรฐานแบบ Passive Home ขณะที่โรงงานที่ผลิตคอนกรีตพฤกษาพรีคาสท์ของเราเป็น (Green Factory) “Zero Waste” แห่งแรกของไทย และล่าสุดเรายังนำเข้าเทคโนโลยีสีเขียว “คาร์บอนเคียว” (CarbonCure) เข้ามาใช้ เพื่อผลิตแผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำ (Low Carbon Precast) เป็นรายแรกของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยในปีนี้เราตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพรินต์ถึง 15,098 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ได้กว่า 1.5 ล้านต้น”
ทั้งนี้ การสร้างความเติบโตด้านธุรกิจไปควบคู่กับสังคมและสิ่งแวดล้อมของพฤกษา การตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมุ่งสู่ Carbon Neutrality สุดท้ายปลายทาง คือ การส่งมอบการใช้ชีวิตที่ อยู่ดี มีสุข ให้กับทุกคน