“โพชง” เครื่องดื่มสมุนไพรที่ให้ความสำคัญกับรสชาติ คุณภาพ และบริการหลังการขาย

ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพกลายเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมากหลังจากผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญในการดูแลตนเองมากขึ้น จึงทำให้เครื่องดื่มด้านสุขภาพมีโอกาสเติบโตเพิ่มสูงขึ้น ‘โพชง’ เป็นเครื่องดื่มน้ำสมุนไพรภายใต้กลุ่มบริษัทพีไฟว์ ที่มีความโดดเด่นในแง่ของรสชาติ และคุณภาพจนประสบความสำเร็จ โดยแบรนด์แห่งนี้ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด โดยมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันให้ ‘โพชง’ ให้เป็นที่ต้องการของตลาดได้มากขึ้น และพร้อมที่จะเติบโตขึ้นได้ในทุก ๆ ปี

 

คุณภาวัฒน์  โตกะคุณะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพีไฟว์ กล่าวว่า จุดเด่นของเครื่องดื่มสมุนไพร ‘โพชง’ อยู่ที่การปรับรสชาติน้ำสมุนไพรให้ดื่มง่าย รสชาติอร่อย โดยที่ลูกค้าหลายรายจะชื่นชอบเป็นอย่างมาก ซึ่งจุดนี้ทำให้โพชงแตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ในตลาด เพราะโดยปกติแล้วเครื่องดื่มสมุนไพรจะมีกลิ่นและรสชาติที่ทำให้รับประทานได้ยาก

 

นอกจากนี้ หากมองในแง่ของสรรพคุณ และคุณภาพแล้ว เครื่องดื่มโพชงยังโดดเด่นมาก ๆ โดยเฉพาะการใช้สารสกัดที่ดีต่อสุขภาพ คุณภาวัตน์กล่าวว่า โพชงประกอบไปด้วยน้ำสมุนไพร 32 ชนิด และเน้นไปที่การผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดสมุนไพรจากธรรมชาติ ที่อยู่ในความสนใจของผู้บริโภคยุคใหม่ที่รักและใส่ใจสุขภาพ เนื่องจากมีสมุนไพรจากธรรมชาติที่ช่วยเรื่องอาการปวดเมื่อย ปวดข้อ ปวดเข่า ช่วยเรื่องโรคนอนไม่หลับ ช่วยเรื่องโรคความดันโลหิตสูง และช่วยเรื่องโรคเบาหวาน อีกทั้งยังเป็นเครื่องดื่มน้ำสมุนไพรที่ทานง่ายมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

 

“แนวคิดของโพชง เกิดจากการที่มองเห็นความต้องการของคนที่เริ่มมีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไปที่มักจะมีปัญหาจากการปวดหลัง หรือนอนไม่หลับ ดังนั้น เราจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ ด้วยสโลแกน “อยากให้คุณอยู่ทำดีไปนาน ๆ” โดยเริ่มจากคุณภาพการสกัดเป็นหลัก และตามด้วยการพัฒนารสชาติให้รับประทานง่ายที่สุด” คุณภาวัฒน์ กล่าว

 

อีกหนึ่งจุดแข็งที่ทำให้โพชงกลายเป็นเครื่องดื่มที่ครองใจลูกค้า คือ บริการหลังการขาย (After Sale) โดยที่ทางบริษัทฯ จะมีการติดตาม และสอบถามความพึงพอใจของลูกค้าและเก็บข้อมูลอยู่เสมอ ขณะที่ยังได้ให้ความช่วยเหลือหากลูกค้าเกิดปัญหาใด ๆ ก็ตาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดการบอกปากต่อปากและทำให้ลูกค้ารู้จักและสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ของโพชงมากขึ้น

 

ขณะที่แผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคต กลุ่มบริษัทพีไฟว์จะทำการพัฒนาไปยังธุรกิจด้านสุขภาพมากขึ้น (Health care) ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่ออกมาตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุมากมาย เช่น ยาสระผม สบู่ และสินค้าเหล่านี้ถูกจัดจำหน่ายในช่องทาง Modern Trade แล้วเรียบร้อย

 

ทั้งนี้ คุณภาวัฒน์ ได้เปิดเผยถึงเป้าหมายรายได้ของโพชงในปี 2565 ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 250 ล้านบาท และปี 2566 จะได้เห็นการเติบโตแตะระดับ 300 ล้านบาท ซึ่งช่องทางที่ยังสร้างรายได้หลักให้กับบริษัทฯ จะยังคงเป็นช่องทาง Call center โดยมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนคู่สาย เพิ่มจำนวนคน  และพัฒนาศักยภาพพนักงานให้มีความรู้ และความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถปิดการขายกับลูกค้าใหม่ ๆ และรองรับลูกค้าเก่า ๆ ได้เป็นอย่างดี

 

นอกจากนี้ถึงแม้กลุ่มลูกค้าของโพชงจะเป็นกลุ่มที่อยู่ต่างจังหวัด เพราะมีช่องทางการขายคือทีวีดาวเทียม แต่ทางโพชงได้พัฒนาตัวเองตามโลกดิจิทัล ด้วยการเพิ่มช่องทางขายออนไลน์เช่นเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมามียอดขายสัดส่วนประมาณ 10% และมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนในอนาคต

 

“กลยุทธ์ของการบริหารที่สำคัญที่สุดคือเรื่องคน โดยที่เราดูแลเป็นครอบครัว และเปิดโอกาสให้พนักงานแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้เรื่องของ Data Base ถือเป็นอีกเรื่องที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยที่เราจะนำเอา Data เหล่านั้นมาวิเคราะห์ความต้องการ และความพึงพอใจของลูกค้าเพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าซ้ำ และเพื่อทำให้ลูกค้าแต่ละรายต้องการซื้อสินค้าในปริมาณการที่สูงขึ้น” คุณภาวัฒน์ กล่าวในตอนท้าย

 

จะเห็นได้ว่าปี 2565 นี้ เป็นอีกปีที่ พีไฟว์กรุ๊ป ยังคงเดินหน้านำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เพื่อส่งให้กับลูกค้า เมื่อนำความโดดเด่นด้านรสชาติ คุณภาพ บริการหลังการขาย มาผนึกเข้ากับความแข็งแกร่งทางกลยุทธ์บริหาร จึงทำให้บริษัทฯ แห่งนี้มียอดขายที่เติบโต และเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจลูกค้าเสมอมา

 

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/
#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #โพชง #Pochong #P5