เส้นทาง ORBIT ผู้ผลิตเข็มขัดรัดท่อรายใหญ่ของโลก

เบื้องหลังโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในโลกนี้ ถูกประกอบขึ้นด้วยชิ้นส่วนต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ โรงงานผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ และหนึ่งในอุปกรณ์ชิ้นสำคัญก็คือ เข็มขัดรัดท่อ

เข็มขัดรัดท่อมีความสำคัญอย่างไร และทำไมต้องเป็นแบรนด์ ORBIT ลองมาเจาะลึกเส้นทางธุรกิจ ORBIT ผู้ผลิตเข็มขัดรัดท่อรายใหญ่ของโลก

ORBIT เป็นผู้ผลิตเข็มขัดรัดท่อที่เป็นที่รู้จักในตลาดโลกมานานกว่า 60 ปี ก่อตั้งขึ้นในสหราชอาณาจักร ตั้งแต่ปี 1957 และได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพและความเชื่อถือ ต่อมาในปี 2528 ORBIT ได้ย้ายโรงงานผลิตทั้งหมดมายังประเทศไทย โดยจดทะเบียนธุรกิจการค้าในชื่อ บริษัท ออร์บิท ฟาสเทนเนอร์ จำกัด

ด้วยมาตรฐานการทำงานแบบยุโรป แน่นอนว่า ORBIT ยังคงเน้นผลิตสินค้าที่มีมาตรฐานสูงเช่นเดียวกับที่ผลิตในสหราชอาณาจักร รวมถึงยังสามารถให้บริการลูกค้าเดิม และพัฒนาตลาดใหม่ ๆ ทั่วภูมิภาคอาเซียน และทั่วโลกต่อไป จนกระทั่งปี 2559 ORBIT เป็นผู้ผลิตรายแรกที่ได้รับการรับรองจาก BSI Kitemark ในเอเชีย และปี 2562 ได้รับการรับรอง IATF 16949 สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เครื่องมืออุปกรณ์การเกษตร ยานยนต์ การเดินเรือ และยังดำเนินการจัดหาผลิตภัณฑ์ห์แก่ผู้ผลิต OEM หลายราย

คุณศุภพงษ์ ธรรมสารสุนทร ประธานกรรมการ บริษัท ออร์บิท ฟาสเทนเนอร์ จำกัด บอกกับเราว่า เข็มขัดรัดท่อแบรนด์ ORBIT เป็นเข็มขัดที่เหมาะกับการใช้งานหลายประเภท สามารถใช้ได้กับท่อหลายขนาดและได้รับการออกแบบให้มีการกระจายแรงรัด (Radial Force) ได้ทั่วทิศทางรอบสายท่อ และได้แรงรัดที่สูงทำให้เหมาะกับการใช้งานในหลายอุตสาหกรรม อาทิ เข็มขัดรัดท่อทั่วไปใช้ระบบ Worm Gear ในการไขให้สายรัดแน่นขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญคือความสัมพันธ์ระหว่างร่องฟัน เกลียวสกรูตัวหนอน และความแม่นยำในการขึ้นรูปรวมถึงตัวคุณภาพเหล็ก ได้ส่งผลให้การรัดสายที่แน่น และไขได้ลื่น (Low Free Torque) ทำให้แรงที่ไขส่งไปถึงแรงรัดได้โดยตรงและมีแรงเสียดทานในระบบต่ำ โดยจะขึ้นอยู่กับ 3 องค์ประกอบหลัก ๆ ได้แก่

  1. ความแข็งแรงระหว่างร่องเกลียวกับตัวหนอน 2. การล็อกตัว House กับตัวแถบ และ 3. ความแข็งแรงของแถบเหล็กรัด จากการประเมินโดยสถาบันมาตรฐานอุตสาหกรรมของสหราชอาณาจักร ระบุว่า เข็มขัด ORBIT ผ่านสูงกว่าเกณฑ์ตามมาตรฐานอังกฤษกำหนดไว้ โดยที่มาตรฐานจะควบคุมคุณภาพของเข็มขัดในหลาย ๆ หัวข้อ อาทิ การทนแรงดัน Pressure Test, ต้องสามารถทนแรงบิดทำลาย Destructive Torque Test, แรงไขลื่น Free Torque Test, การทนการกัดกรอน Corrosion Test และการทดสอบ Band Tension Test ของตัวแถบสายรัด เป็นต้น

ถึงตรงนี้ เราจะเห็นว่า ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ORBIT เกิดจากหลายองค์ประกอบที่ทำให้สินค้าประสบความสำเร็จ ซึ่งคุณศุภพงษ์ ย้ำกับเราว่า ORBIT เป็นแบรนด์ที่มาจากประเทศอังกฤษ UK trusted brand อีกทั้งเราเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงในตลาดมามากกว่า 60 ปี ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพดี ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล BSI Kitemark, ISO9001 & IATF 16949 และเป็นบริษัทที่มีความมั่นคง มีพื้นฐานการเงินที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ORBIT ยังมีทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมนี้ สามารถ support ลูกค้าและมีทีมที่สามารถพัฒนาสินค้าได้เอง รวมถึงมีฐานลูกค้าจากหลายประเทศ หลายอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยที่เราสามารถส่งทีม In-house R&D สามารถพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ได้ และการที่เราอยู่ในประเทศไทยที่มีข้อได้เปรียบด้านภูมิภาค เรามองว่าสามารถส่งมอบดูแลประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย lead time อันสั้นได้

ถ้าเป็นอย่างนั้น ORBIT มองเห็นโอกาสจากนี้อย่างไร และได้เตรียมอะไรไว้รับรับลูกค้าบ้าง

คุณศุภพงษ์ บอกว่า “ORBIT วางแผนการเติบโตในสินค้าเดิม Organic Growth อย่างน้อยปีละ 15% และสร้างการเติบโตในสินค้ากลุ่มใหม่ที่พัฒนาขึ้น 7% ในทุก ๆ ปี โดยสินค้ากลุ่มใหม่ที่ขับเคลื่อนการเติบโตจะเป็นสินค้าที่เสนอขายกับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่ม OEM ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย Roadmap ขององค์กรจะขับเคลื่อนด้วย 6 Mission ประกอบด้วย

  1. มุ่งมั่นเป็นหนึ่งในอาเซียน โดยการสร้างยอดขายในกลุ่มลูกค้า OEM ในภูมิภาคอาเซียน ตลาดญี่ปุ่น กลุ่มเครื่องจักรการเกษตรและยานยนต์ มุ่งเน้นหาตลาดใหม่ ๆ ในกลุ่มอาเซียน
  2. บุกตลาดยุโรป และ USA โดยการเปลี่ยนนำเสนอให้ลูกค้าเปลี่ยนการใช้สินค้าจีนมาเป็นแบรนด์ ORBIT
  3. กระจายความเสี่ยงธุรกิจในประเทศ โดยการผลักดันสินค้าเก่าด้วยช่องทางใหม่ ๆ หรือลูกค้าใหม่ ๆ เสนอขายสินค้าเข้าตลาดใหม่ ๆ หรือเขตพื้นที่ใหม่
  4. ยกระดับผลิตภัณฑ์ ORBIT ด้วยการปรับ Positioning จากกลุ่มตลาดกลางโซนล่าง มาเป็นตลาดกลางโซนบนและตลาดบนโซนล่าง โดยการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีคุณภาพดี ฟังก์ชั่นดีกว่าเดิมด้วยต้นทุนที่ดีกว่าเดิม
  5. พัฒนาเทคโนโลยีองค์กร การพัฒนาเทคโนโลยีภายในให้เป็นอุตสาหกรรม 4.0 โดยเริ่มจาก Semi Automation มุ่งสู่ Fully automation
  6. พัฒนากระบวนการภายในดีเลิศ พัฒนากระบวนการทำงานภายในให้ Lean และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน

เหมือนอย่างที่คุณศุภพงษ์บอกไว้คือ ORBIT กำลังปรับตัวเองให้ก้าวทันโลกการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา โดยหัวใจการทำงานทั้ง 6 ข้อนี้ จะเป็นจังหวะก้าวที่น่าติดตามอย่างยิ่ง