InsuranceEV

เปิดส่วนแบ่งการตลาดประกันรถ EV ไทย ‘วิริยะประกันภัย’ เบอร์หนึ่ง Market Share ทะลุ 38%

ยอดการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปี 2566 นี้ถูกประเมินว่าจะมียอดรถ EV จดทะเบียนใหม่เพิ่มได้ถึง 50,000 คัน ซึ่งยอดจดทะเบียนใหม่นี้จะหนุนให้ตลาดประกันภัยรถ EV พุ่งสูงขึ้นตาม โดยในไทยมีผู้เล่นหลักๆ 3 เจ้าที่ครองส่วนแบ่งการตลาดรวมกันมากกว่า 62.09% ซึ่งการที่มีจำนวนศูนย์บริการน้อย และมีผู้ให้ประกันภัยไม่มากจึงยังทำให้ประกันภัย EV เป็นหนึ่งใน New S-Curve ของประกันวินาศภัย

ทาง ‘ศูนย์วิจัยกสิกรไทย’ คาดการณ์ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ในปี 2566 ว่า จะมีโอกาสที่จะมีตัวเลขแตะระดับ 50,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 270% เมื่อเทียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 13,454 คัน ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ไฟฟ้า BEV จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 5.8% ของภาพรวมตลาดรถยนต์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 8.65-8.95 แสนคัน

ซึ่ง ‘Business+’ พบข้อมูลจากปี 2565 ว่า ส่วนแบ่งการตลาด (Market share) จากเบี้ยฯ ประกันภัยรถยนต์ทั่วไปในไทยนั้น อันดับ 1 เป็นของ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) และอันดับ 2 คือ บริษัท คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ส่วนอันดับ 3 คือ กรุงเทพประกันภัย จํากัด (มหาชน) หรือ BKI ซึ่งการที่ 3 บริษัทนี้มีสัดส่วนการคุ้มครองรถยนต์ทั่วไปมากก็จะมีโอกาสขยายไปสู่การให้ประกันภัยรถ EV ได้มากเช่นกัน

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันการประกันภัยรถ EV มีผู้เล่นที่ครองตลาดแตกต่างกัน โดยปี 2566 ทางสถาบันยานยนต์ คาดการณ์ว่าจะมียอดรถ EV จดทะเบียนใหม่ (ป้ายแดง) จำนวนประมาณ 50,000 คัน ซึ่งหากรวมกับรถที่มีอยู่เดิมจะทำให้มีรถ EV จดทะเบียนสะสมประมาณ 63,000 คัน โดยบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการรับประกันภัยรถยนต์ EV และมีส่วนแบ่งการตลาดสูง 3 อันดับแรกของไทยในปี 2565 คือ

ส่วนแบ่งการตลาดประกันภัยรถยนต์ EV ปี 2565

– วิริยะประกันภัย Market Share : 38.52% จำนวนรถ EV ในความคุ้มครอง 5,286 คัน

– ธนชาตประกันภัย Market Share : 14.57% จำนวนรถ EV ในความคุ้มครอง 2,000 คัน

– กรุงเทพประกันภัย Market Share : 9% จำนวนรถ EV ในความคุ้มครอง 1,235 คัน

InsuranceEV

โดยในปี 2565 ตลาดโดยรวมมียอดจดทะเบียนรถยนต์นั่ง EV รวมสะสมจำนวน 13,723 คัน ซึ่ง ‘วิระยะประกันภัย’ ครองแชมป์ตลาดประกันรถ EV ด้วย Market Share ที่ 38.52% มีจำนวนรถ EV ในความคุ้มครองปี 2565 จำนวน 5,286 คัน ส่วนอันดับที่ 2 คือ ‘ธนชาตประกันภัย’ ด้วย Market Share ที่ 14.57% ซึ่งมีรถในความคุ้มครองกว่า 2,000 คัน คิดเป็นเบี้ยรับกว่า 200 ล้านบาท ขณะที่ในปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่ม Market Share เป็น 20% ส่วน กรุงเทพประกันภัย มี Market Share ในปี 2565 อยู่ที่ 9% ด้วยจำนวนรถ EV ในความคุ้มครองราว 1,235 คัน ขณะที่ตั้งเป้าว่าในปี 2566 คาดว่าจะมีเบี้ยประกันประมาณ 120-140 ล้านบาท

ซึ่งทั้ง 3 เจ้านี้เป็นผู้เล่นหลักที่กินส่วนแบ่งการตลาดรวมกันไปถึง 62.09% โดยที่เรามองว่าประกันรถ EV เป็น New S-Curve เพราะปัจจุบันอัตราการจ่ายเบี้ยประกันของรถยนต์ไฟฟ้านั้น สูงกว่าการทำประกันภัยรถยนต์น้ำมันถึง 10-20% เพราะการทำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงศูนย์ซ่อมนั้นยังมีน้อย จึงทำให้ประกันภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ามีอัตราการชำระเบี้ยประกันภัยที่สูงมาก เพราะไม่มีการแข่งขันกันด้านราคา และยังมีเรื่องของการให้ประกันภัยแบตเตอรี่ที่เป็นเชื้อเพลิงหลักของรถ EV ซึ่งมีการซ่อมไม่เหมือนตัวถังรถ และยังไม่สามารถเปลี่ยนเฉพาะส่วนได้ พอเกิดอุบัติเหตุต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ นั่นจึงทำให้เบี้ยประกันรถยนต์ EV แพงกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป โดยราคาประกันชั้น 1 รถยนต์ EV เริ่มต้นที่ประมาณ 20,000 บาท ไปจนสูงได้ถึง 80,000 บาทได้เลยทีเดียว

นั่นเท่ากับว่า บริษัทประกันวินาศภัยรายใดที่เข้าสู่ตลาดนี้ได้ก่อนก็จะได้เปรียบทั้งความน่าเชื่อถือ และแน่นอนการมีผู้เล่นในตลาดน้อยบริษัทเหล่านี้จะสามารถตั้งราคาที่ได้รับกำไรสูงสุดได้ (Maximize Profit) แต่ในอนาคตเมื่อคนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น ก็จะทำให้การจัดหาอะไหล่และการเปิดศูนย์ซ่อมศูนย์บริการที่มีเพิ่มมากยิ่งขึ้นนั้น เบี้ยประกันภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจะค่อยปรับตัวลดลงตามการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้นนั่นเอง

ที่มา : OIC ,สถาบันยานยนต์
เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS