เราอาจเคยชื่นชมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ยกระดับให้โลกทั้งใบเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ความชื่นชมนั้น กำลังทำให้เราต้องทบทวนตัวเองครั้งใหญ่ เมื่อวิกฤติไวรัส Covid-19 ระบาดขึ้นทั่วโลก
ผลกระทบที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่า กลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจของโลก
จากประเทศจีน สู่ไทย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ลุกลามไปจนถึงอิหร่าน เยอรมนี สเปน ฝรั่งเศส อเมริกา
จนทุกวันนี้ ประเทศในซีกโลกตะวันตก มีสหรัฐอเมริกาและอิตาลี แซงจีนขึ้นเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 – 2 เรียบร้อยแล้ว

ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน)
สำหรับประชาชนคนไทย การกำหนดมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาล เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
แต่ทั้งนี้ หน่วยงานราชการทั้งหมด ควรมีการหารือร่วมกันอย่างเป็นระบบ และต้องคิดถึงผลกระทบอย่างรอบด้านกว่านี้
เพราะการสั่งปิดธุรกิจหลาย ๆ แห่งลง ย่อมมีผลกระทบตามมามากมาย
จากการสำรวจธุรกิจ SMEs ของ JPMorgan Chase พบว่า บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กเหล่านี้เพียงครึ่งหนึ่ง มีเม็ดเงินที่พอจะดำเนินธุรกิจต่อไปได้เพียง 27 วันเท่านั้น
ดังนั้น การมีมาตรการรองรับปัญหาดังกล่าว จึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นอย่างเร่งด่วน ที่ภาครัฐต้องรีบจัดการนอกเหนือจากเรื่องการป้องกันผู้ติดเชื้อ
หากยังไม่มีมาตรการความช่วยเหลือที่คิดให้ครบทุกมิติ ระบบนิเวศทางธุรกิจของไทย อาจต้องถูกสึนามิทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ซัดเข้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในช่วงปลายไตรมาส 2 ของปีนี้
เมื่อปัญหาทุกอย่างประดังเข้ามาพร้อม ๆ กัน จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่ทุกวันนี้ เราจะมีผู้คนจำนวนมากที่เฝ้าเสพข่าวสารเรื่องโควิด-19 กันแบบนาทีต่อนาที
จนเกิดความวิตกกังวลเกินความจำเป็น จนทุกวันนี้คนไทยเครียดจากการเสพข่าวสารมากเกินไป
ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว เราต้องการเพียงแค่มาตรการที่คิดมาแล้วอย่างรอบด้านเท่านั้น …
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสาร Business+ ฉบับเดือนเมษายน 2563