อัฟกานิสถาน กับตำแหน่งผู้นำ ธุรกิจฝิ่น 19 ปี กับอีก 6 เดือน ของ สหรัฐ เพื่ออะไร?

ท่ามกลางซากประหลักหักพังของบ้านเมืองในประเทศอัฟกานิสถาน วันนี้ทุกอย่างจบลงด้วยการถอนทหารออกจากประเทศของสหรัฐ หลังภารกิจส่งมอบเสรีภาพ หรือ Operation Enduring Freedom ร่วมกับชาตินาโต้มานานกว่า 20 ปี จนวันนี้ก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าตกลง อัฟกานิสถาน ได้เสรีภาพรึยัง แล้วเสรีภาพตามภารกิจของสหรัฐและชาตินาโต้หน้าตาเป็นอย่างไร น่าเสียที่ตอนพวกเขาบุกประเทศแห่งนี้ก็ไม่ได้บอกให้แน่ชัดว่าหน้าตาของ เสรีภาพ เป็นเช่นไรเช่นกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ เลยคือ การบุกอัฟกานิสถานของสหรัฐและเพื่อนของเขาตั้งแต่ปี 2001 จนถึงปี 2021 ได้กลายเป็นสถิติการรุกรานชาติอื่นที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยระยะเวลา 19 ปี กับอีก 6 เดือน แต่แน่นอนเราคงไม่ได้จะลงลึกไปถึงเรื่องสงครามนี้เพราะหลายเพจเขียนกันไปแล้ว แต่พอดีแอดมินได้ไปเจอบนความชิ้นหนึ่งจากสำนักข่าว Reuters ถึงธุรกิจหนึ่งซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของ อัฟกานิสถาน ในช่วงเวลาที่ผ่านเลยทีเดียว

โดยในรายงานฉบับนี้บอกว่าตลอด 15 ปีที่ผ่านมา สหรัฐใช้ความพยายามและเงินไปมากกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในความต้องการยึดทรัพย์หรือรายได้ของตาลีบันจากธุรกิจฝิ่นและการค้าเฮโรอีน รวมถึงการขุดรากถอนโคนต้นฝิ่น และการโจมตีทางอากาศใส่ห้องแล็บที่น่าสงสัยด้วย

#ความเห็นแอดมิน

ข้อมูลตรงนี้อ่านแล้วชวนให้รู้สึกว่าสหรัฐจะเป็นฮีโร่เข้ามาปราบเหล่าร้าย แต่หากไปดูข้อมูลจาก RTI International ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยของสหรัฐ พบว่า ผู้ใช้เฮโรอีนในสหรัฐตั้งแต่ปี 2009-2019 เติบโตขึ้นเกิน 100% (ปี 2009 มีผู้ใช้ 193,000 คนต่อเดือน ปี 2019 คนใช้พุ่งขึ้นไปเป็น 431,000 คนต่อเดือน) เลยทำให้สงสัยว่าไม่รู้สหรัฐไปปราบอีท่าไหน ปราบไปปราบมาใประเทศดันมีคนติด เฮโรอีน เยอะขึ้นซะนั้น แต่ก็อย่างว่าสหรัฐลงทุนไปตั้ง 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ!!

ปัจจุบัน อัฟกานิสถาน ถือเป็นซัพพลายเออร์ฝิ่นผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในโลก และคาดว่าจะเป็นเช่นนั้นต่อไปเมื่อ ตาลีบัน เข้าครอบครองกรุงคาบูล การถูกทำลายจากสงคราม ผู้อพยพไร้ถิ่นฐานนับล้าน การถูกตัดความช่วยเหลือจากนานาชาติ การสูญเสียกำลังซื้อในระดับท้องถิ่น พร้อมกับการถอนทหารของสหรัฐอาจจะกระตุ้นให้เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจและมนุษยธรรมขึ้นมา และทำให้คนอัฟกันต้องหันไปพึงพาการค้ายาต่อไป

#ความเห็นแอดมิน

แล้วใครเข้าไปทำให้เขาให้กลายเป็นแบบนี้รึ?! ใครเข้าไปยึดไม่ยอมออก ตรงนี้พูดเหมือนถ้าหากขาดสหรัฐ ประเทศอัฟกานิสถาน ต้องแย่หนักแน่ ๆ ซึ่งที่จริงมันเริ่มแย่ตั้งแต่เมื่อสหรัฐรุกรานชาวบ้านเขา และน่าจะเริ่มดีขึ้นจากนี้เมื่อสหรัฐออกไป

นาย Cesar Gudes หัวหน้าเจ้าหน้าที่ในกรุงคาบูลของสหประชาชาติด้านยาเสพติดและอาชญากรรม บอกว่า “ตาลีบัน พึ่งพาการค้าฝิ่นเป็นหนึ่งในรายได้หลัก การผลิตได้จำนวนมากนั้นทำให้ราคาค่อนข้างถูก น่าดึงดูด และเข้าถึงได้ง่าย” พร้อมกับการเข้ายึดเมืองหลวงของกลุ่มกบฏที่ต่อต้านรัฐบาลนี้ มีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มค้ายาเสพติดที่ผิดกฎหมายนี้จะขยายตำแหน่งของธุรกิจตัวเองต่อไป

นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญก็บอกอีกว่า สหรัฐและชาติอื่น ๆ จำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหาธุรกิจค้ายาเสพติดที่ผิดกฎหมายนี้ โดยทางสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เผยว่า อัฟกานิสถาน กินส่วนแบ่งตลาดกว่า 80% ของธุรกิจฝิ่นและเฮโรอีนทั้งโลก

#ความเห็นแอดมิน

ที่จริงไม่ควรเรียกตาลีบันว่ากลุ่มกบฏแต่อย่างใด คนที่ต้องถูกประนามมากที่สุดว่าผู้ร้ายคือสหรัฐต่างหาก ตาลีบัน ก็คือคนอัฟกัน และ คนอัฟกันก็คือ ตาลีบัน คุณรุกรานเขาเขาก็ต้องสู้กับเป็นธรรมดาเพราะนั้นมันบ้านของเขา และตลาด 80% ของธุรกิจฝิ่นและเฮโรอีนทั้งโลกก่อนที่จะถอนทหารออกใครเป็นคนได้ประโยชน์รึ?!

นายบาร์เน็ตต์ รูบิน ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์การเมืองชาวอเมริกันและเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในอัฟกานิสถานและเอเชียใต้ และอีกตำแหน่งซึ่งสำคัญมากคือ ที่ปรึกษาของรัฐบาลอัฟกานิสถาน เผยว่า “ธุรกิจยาเสพติดที่ผิดกฎหมายถือเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่มากในระดับประเทศเป็นรองแค่ธุรกิจสงคราม” โดยในช่วง 3 จาก 4 ปีหลังสุดการปลูกฝิ่นของอัฟกานิสถานอยู่ในระดับสูง ซึ่งการปลูกต้นฝิ่นเพิ่มขึ้นถึง 37% ในเดือนพฤษภาคม 2021 ที่ผ่านมาจากรายงานของ UNODC

ปี 2017 คือปีที่การผลิตฝิ่นสูงที่สุดที่ 9,900 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันนี้เป็นยอดขายที่คิดจากผู้ปลูกโดยตรง คิดเป็น 7% ของ GDP ประเทศแห่งนี้ และถ้าไปดูข้อมูลจาก RTI International ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยของสหรัฐ ก็จะพบว่า ปี 2017 เป็นปีที่คนสหรัฐใช้เฮโรอีนมากที่สุดในรอบ 10 ปีเช่นกันอยู่ที่ 494,000 คนต่อเดือน และจากการประเมินของ UNODC มูลค่าของยาเสพติดสำหรับส่งออกและบริโภคในท้องถิ่น บวกกับการนำเข้าสารเคมีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำยาเสพติดอยู่ที่ 6,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เจ้าหน้ายูเอ็น เผยว่า เป็นไปได้ว่ากำไรของ ตาลีบัน จากเรื่องนี้จะอยู่ที่ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2018-2019 หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 60% ของรายได้ทั้งหมดของ ตาลีบัน นั้นเอง

#ความเห็นแอดมิน

เวลาอ่านข่าวของสำนักข่าวทางตะวันตกจำต้องประเมินและใคร่ครวญอย่างละเอียดเสียก่อน เพราะบ่อยครั้งแฝงเจตนาไม่ค่อยดีซ่อนมาในบทความพอสมควร เราต้องไม่ลืมว่าธุรกิจยาเสพติดเนี่ยใหญ่มากเป็นเครือข่ายในระดับโลก ปริมาณเม็ดเงินก็มหาศาล การที่สหรัฐจะคงทหารและฐานทัพเอาไว้ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายตามา เมื่อมีค่าใช้จ่ายก็ต้องมีรายได้ แล้วจะเอารายได้จากไหนละ รายได้ที่ได้ประจำเพียงพอไหมสำหรับการคงทหารไว้ตามจุดต่าง ๆ ทั่วโลกของสหรัฐ ถ้าไม่พอพวกเขาต้องทำอย่างไรรึ?

เขียนและเรียบเรียง : เอกพล มงคลพัฒนกุล

ที่มา : Reuters, Statista

ติดตาม Business+ ได้ที่ thebusinessplus.com
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHC

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #อัฟกานิสถาน #ธุรกิจฝิ่น #ยาเสพติด #สหรัฐ #ตาลีบัน