comitweb

ธุรกิจขายคอมฯ & มือถือกำไรสูงลิ่ว!! แต่ครึ่งปีหลังอาจไม่ง่าย หลังเจอโจทย์ใหญ่ ปัญหาขาดแคลนวัสดุ เงินบาทอ่อนซ้ำ เจ้าตลาดก็หนีไม่พ้น

กลุ่มอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยี เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีคนจับตาผลประกอบการช่วงไตรมาส 2 ของปี 2564 เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบริษัทที่ขายอุปกรณ์ IT เพราะที่ผ่านมาเราพอจะรู้ได้ว่าช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการสินค้าเทคโนโลยีสูงขึ้น และราคาสินค้าก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้น หลายคนก็เชื่อว่าบริษัทผู้ขายสินค้า IT ก็ควรจะมีกำไรสุทธิสูงขึ้นตาม

เรามาดูเจ้าตลาดหลักๆ ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กันสักหน่อย โดยเรียงจากบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงลงไปยังมูลค่าตลาดต่ำกว่า

เริ่มต้นที่ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) เจ้าของร้านขายสินค้า IT ที่คุ้นหูคุ้นตาอย่าง BANANA ที่ขายสินค้าประเภทคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และเจ้าของ Studio7 ที่ขายสินค้าแบรนด์ Apple จำพวก iPod, iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และอุปกรณ์เสริมที่ใช้กับ Apple

มีกำไรสุทธิไตรมาส 2 ที่ 587.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.85% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หนุนให้ครึ่งปีแรกกำไรสุทธิแตะ 1,152.66 ล้านบาท (+104.96%) และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 13.4% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 12.2%

บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) บริษัทที่ขายสินค้าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ระบบสารสนเทศ วัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ

มีกำไรสุทธิไตรมาส 2 ที่ 211.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.09% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หนุนให้ครึ่งปีแรกกำไรสุทธิแตะ 396.267 ล้านบาท (+33.07%) และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 4.81% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 4.42%

บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) (SIS) ผู้ขายส่งคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ อุปกรณ์ต่อพ่วง สมาร์ทโฟน โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับผู้ผลิตชั้นนำ เช่น Asus, Acer, Brother, Dell, HP Inc, Lenovo, Samsung, Vmware, Wiko

มีกำไรสุทธิไตรมาส 2 ที่ 197.404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.29% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หนุนให้ครึ่งปีแรกกำไรสุทธิแตะ 388.20 ล้านบาท (+40.03%) ด้านอัตรากำไรสุทธิปรับตัวขึ้นมาที่ 2.54% จากปี 2563 อยู่ที่ระดับ 2.49% และบริษัทมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 16 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว

จะเห็นว่าผลประกอบการไตรมาส 2 และช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 ของแต่ละบริษัทออกมาค่อนข้างดี เป็นไปตามที่หลายๆ คนคาดการณ์เอาไว้ โดยภาพรวมผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าในทุกประเภท เพราะอุปทานสินค้ามีจำกัด แต่ความต้องการสินค้าสูง (ทำให้แต่ละบริษัทสามารถปรับราคาขายเพิ่มขึ้นได้)

#ครึ่งปีหลังไม่ง่ายเหมือนครึ่งปีแรก
ถึงแม้ความต้องการสินค้าจะยังคงอยู่ในระดับสูงในช่วงครึ่งปีหลัง แต่การขึ้นราคาสินค้าอาจจะไม่ง่ายอีกต่อไป เพราะราคาสินค้า IT ได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หากปรับขึ้นราคาขายไปต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบต่อยอดขาย (กำลังซื้อผู้บริโภคน้อยลงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย)

นอกจากนี้ ปัญหาทางด้านห่วงโซ่อุปทานติดขัด จากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์สำหรับขนส่ง เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้ค่าระวางเรือซึ่งเป็นตัวชี้ทิศทางของราคาค่าขนส่งพุ่งขึ้น (ปรับตัวขึ้นสูงถึง 2,920 จุด หรือ +608% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน) ซึ่งทำให้ผู้นำเข้าได้รับผลกระทบทั้งเรื่องของระยะเวลาจัดส่งสินค้า

ประกอบกับค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่า หากนับตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมาซึ่งอยู่ประมาณ 31 บาท/ดอลลาร์ และดีดขึ้นพรวดพราดจนมามาอยู่แถว 33 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งแน่นอนว่าบริษัทที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ จะได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ที่จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นโจทย์ใหญ่ที่อุตสาหกรรม IT จะต้องเจอ

จากปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมานั้น จะเป็นตัวกดผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังอย่างแน่นอน หากปัญหาทางห่วงโซ่อุปทานยังไม่คลี่คลาย ประกอบกับ ต้นทุนขนส่ง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า จะทำให้ผู้จำหน่ายสินค้า IT จะต้องปรับราคาสินค้าขึ้น เพราะหากยังคงตรึงราคาขายเอาไว้ บริษัทเหล่านี้จะต้องแบกรับผลกระทบเสียเอง

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ข้อมูล : SET

Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHC

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #เซมิคอนดักเตอร์ #สินค้าไอที #IT #COM7 #SIS #SYNEX #Supplychain #Lenovo #Acer #Samsung