เดินทางผ่านไตรมาสแรกของปี 2022 ไปเป็นที่เรียบร้อย และหนึ่งในความเคลื่อนไหวที่ไม่ควรมองข้ามคือสถิตินำเข้า-ส่งออกเวียดนาม ประเทศคู่แข่งสำคัญที่นับวันยิ่งแข็งแกร่งและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ละลายตาไปไม่ได้จริง ๆ
ล่าสุดมีข้อมูลจากสำนักงานสถิติเวียดนาม (General Statistics Office : GSO) ระบุ ไตรมาส 1/2022 ของเวียดนามทำผลงาน ‘เกินดุลการค้า’ ด้วยมูลค่า 809 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
โดยการค้ารวมเวียดนามมีมูลค่า 1.76 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.4% (YoY) แบ่งเป็นการส่งออกมีมูลค่า 8.85 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ และนำเข้า 8.77 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.9%
ซึ่งตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คือ สหรัฐฯ ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 2.76 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ
โดยช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ภาพรวมของการนำเข้า-ส่งออก มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่ากว่า 6.67 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 36.8% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 14.7% (YoY) โดยการส่งออกมูลค่ากว่า 3.40 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 44.6% ซึ่งถือเป็นการเกินดุลการค้า 1.3 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ
โดยสินค้าที่มีสถิติการส่งออกมาแรงมากที่สุดของเวียดนาม คือ ‘ข้าว’
ซึ่งในช่วงเวลาเพียง 2 เดือนแรกของปี 2022 เวียดนามสามารถส่งออกข้าวได้มากถึง 9.74 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 48.6% คิดเป็นมูลค่ากว่า 469.26 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 30.6% (YoY) ตามรายงานจากกรมศุลกากรเวียดนาม
โดยตลาดข้าวส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามในช่วงเวลาดังกล่าว คือ ฟิลิปินส์ ซึ่งมีปริมาณและมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 110% และ 82% ตามลำดับ
ทั้งนี้ยังมีการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญว่า ในปี 2022 นี้ ปริมาณผลผลิตและการบริโภคข้าวในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น ซึ่งเวียดนามจะเข้ามาบทบาทในฐานะผู้ส่งออกข้าวโลกเป็นอย่างมาก และอาจสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศได้อีกด้วย
โดยกลยุทธ์การส่งออกข้าวของเวียดนามนั้น จะเน้นไปที่คุณภาพของสินค้ามากกว่าปริมาณส่งออก เพื่อเป็นการบุกตลาดยุโรปที่ตอนนี้ยังมีสัดส่วนของส่งออกข้าวในจำนวนที่น้อยอยู่ โดยจะใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและเวียดนาม ( EVFTA ) ร่วมด้วย
นอกจากนี้การส่งออก ผักผลไม้ ของเวียดนามก็แนวโน้มการเติบโตที่ดีเป็นอย่างมากเช่นกัน
ซึ่ง จีน ถือเป็นตลาดส่งออกขนาดใหญ่ของเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 68-80 ของมูลค่าการซื้อขายรวมของอุตสาหกรรม
และในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2022 ที่ผ่านมา แม้เวียดนามได้ส่งออกผักผลไม้ในจีน ลดลง 19% (YoY) หรือราว 260 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
แต่ในขณะเดียวการส่งออกไปประเทศอื่น ๆ กลับมีการขยายตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดย สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 70% เป็นมูลค่ากว่า 46 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ตามมาด้วย เกาหลีใต้ มูลค่ากว่า 25 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 32% และญี่ปุ่น มูลค่า 23 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12%
สำหรับประเทศไทย
มีข้อมูลการส่งออกสินค้าของไทยในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ระบุ ไทยส่งออกมูลค่ากว่า 4.47 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.1% ส่งผลให้ไทย ‘ขาดดุล’ 2,403 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการขาดดุล 3 เดือนติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2021
โดย สหรัฐฯ ถือเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย มีมูลค่าส่งออกกว่า 3.81 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.82% ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
และถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่มีข้อมูลการส่งออกข้าวไทยของช่วงที่ผ่านมา แต่ก็มีการตั้งยอดการส่งออกข้าวจากกรมการค้าต่างประเทศ ว่าปี 2022 นี้ การส่งออกข้าวไทยอาจแตะถึง 7 ล้านตัน เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนคอนเทนเนอร์เริ่มเบาบางลงแล้ว และส่วนอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าเงินยังไม่แข็งมาก แต่ก็ยังมีข้อกังวลในเรื่องของค่าระวางสูงอยู่บ้าง
รวมถึง ผักผลไม้ไทย ได้มีการตั้งเป้าส่งออกไว้ที่มูลค่า 2.87 ล้านบาท ด้วยผลผลิตที่เพิ่มขึ้น 13% หรือราว 5.4 ล้านตัน โดยแบ่งออกเป็นตลาดและการบริโภคผลไม้ในประเทศที่ 30% ต่างประเทศ 70%
อย่างไรก็ตามทางกระทรวงพานิชได้มีการประเมินถึงกลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มสูงขึ้น
ประกอบไป 4 กลุ่มสินค้า ดังนี้น
- สินค้าเกษตรและอาหาร จำพวก ข้าว ผลไม้ น้ำตาล ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ยางพารา และอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง โดย ข้าว มีการขยายตัวในตลาดเบนิน โกตดิวัวร์ จีน อังโกลา และอิรัก
ส่วน มันสำปะหลัง – จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
ยางพารา – จีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้
น้ำตาลทราย – อินโดนีเซีย กัมพูชา เกาหลีใต้ ไต้หวัน และลาว
และ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง แห้ง กระป๋องและแปรรูป – จีน สหรัฐฯ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และญี่ปุ่น
- สินค้าอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับทำงานที่บ้าน เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรทัศน์
- สินค้ากลุ่มเวชภัณฑ์ เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์
- วัตถุดิบเพื่อการผลิตสินค้า เช่น เหล็ก เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรและส่วนประกอบ ที่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น อินเดีย อินโดนีเซีย จีน และมาเลเซีย
ซึ่งปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการส่งออกไทย คือ
- สภาพเศรษฐกิจของคู่ค้าสำคัญ
- อัตราแลกเปลี่ยน
- ราคาน้ำมันดิบดูไบ
- ราคาวัดถุดิบโลกเฉลี่ย
- ราคาสินค้าเกษตร
- สถานการณ์ Covid-19
- ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งโลจิสติก
- การประเมินโดยทูตพาณิชย์ของกระทรวงพาณิชย์ทั่วโลก
ทั้งนี้การขาดดุลของไทยที่ติดต่อกันนานถึง 3 เดือน (ตั้งแต่ ธ.ค. 2021 – ก.พ. 2022) นั้นอาจไม่ได้ดีหรือแย่ไปทั้งหมด ซึ่งถึงแม้การเกินดุลการค้าจะแสดงถึงความแข็งแรงของเศรษฐกิจ และเป็นข้อได้เปรียบทางเศรษฐกิจในบางกรณีได้ แต่นักเศรษศาสตร์บางรายมองว่าการเกินดุลก็ไม่ได้หมายความว่าจะประเทศจะเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง ซึ่งการขาดดุลการค้าแน่นอนว่าอาจมีในบางเซคเตอร์ที่การจ้างงานลดลง แต่ก็อาจมีผลดีกับการเจริญเติบโตในด้านอื่น ๆ เช่นกัน
ที่มา : tradingeconomics / tradereport.moc.go.th / ceicdata.com / ditp