ทิพย์เนตร (โบ) แฉล้ม ผู้บริหารรุ่น 4 กับ Big Story ของ “ทิพย์เกสร”

ตั้งแต่เข้ามาสานต่อธุรกิจครอบครัว สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปกับบริษัท ทิพย์เกสร เฮิร์บ แอนด์ เฮลท์ จำกัด ภายใต้วิธีคิดแบบ Brand Modernization ได้ส่งผลดีแก่แบรนด์มากขึ้นเรื่อย ๆ

ลองมาติดตามเรื่องราวแบรนด์สมุนไพรที่มีอายุกว่า 91 ปีที่กำลังโลดแล่นอย่างเฉิดฉายในยุคดิจิทัล


กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพย์เกสร เฮิร์บ แอนด์ เฮลท์ จำกัด “ทิพย์เนตร (โบ) แฉล้ม” เริ่มต้นบทสนทนากับเรา โดยพาย้อนเล่าถึงประวัติว่า ทิพย์เกสร คือแบรนด์สมุนไพรไทยที่อยู่คู่คนสุพรรณ ด้วยภูมิปัญญาที่มีมากว่า 91 ปี มีการพัฒนาต่อยอดมาอย่างต่อเนื่อง หลายเจเนอเรชัน

เริ่มตั้งแต่รุ่นคุณทวด “หมอมิ่ง แนบเนียน” หมอยาไทยลุ่มน้ำบ้านวัดถั่ว หมอมิ่ง ได้คิดสูตรยาตำรับต่าง ๆ ไว้มากมาย โดยเขียนลงในสมุด เพื่อให้ลูกหลาน นำสิ่งที่ท่านทำไว้มาสานต่อ ช่วยเหลือผู้คน และพอหลังจากหมอมิ่งเสียชีวิตลง “หมอจันทร์ แนบเนียน” ได้เข้ามาสานต่อเจตนารมณ์ “หมอมิ่ง” เปิดคลินิกรักษาคนไข้ ด้วยยาสมุนไพรตำรับเดียวกับที่หมอมิ่งทำมา

หลังจากนั้น “คุณหมอติ” ซึ่งเป็นทายาทก็มารับช่วงต่อจาก “หมอจันทร์” โดยได้เปิดคลินิก นำความรู้ทางแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบันมาผสมผสานเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ ทำให้ยาสมุนไพรที่เราผลิตมีมาตรฐานมากขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกับมีแพทย์แผนไทย เภสัชกรแผนไทย คอยควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน ตั้งแต่นำวัตถุดิบเข้าโรงงาน ไปสู่กระบวนการผลิต โดยใช้เครื่องจักรที่ทันสมัย ปลอดภัยต่อผู้บริโภค

นอกจากนี้ มีการสร้างสวนสมุนไพรชื่อว่า C.O.FARM ขึ้นมา เพราะมีสมุนไพรพิเศษบางรายการที่หายาก และที่เป็นตัวยาที่เราใช้ โดยมีการวางแผนให้ CO.FARM มีหน้าที่ผลิตวัตถุดิบสมุนไพร ป้อนให้กับโรงงานทิพย์เกสร นำมาแปรรูปออกมาเป็นยา เพื่อส่งต่อให้คนที่เจ็บป่วย หรือ ไม่เจ็บป่วยแต่อยากดูแลสุขภาพตัวเอง ซึ่งเราจำหน่ายผ่าน “ทิพย์เกสร เฮิร์บ ชอป” เป็นร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพร มีทั้งยารักษาโรค และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม”

ด้วยคุณสมบัติเด่นที่กล่าวมา โดยใช้ Know How กว่า 91 ปี คัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ปราศจากสารพิษ และพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องให้เหมาะสมกับผู้คนในยุคปัจจุบัน และเทรนด์ที่กำลังมา โดยเราใช้กระบวนการต่าง ๆ และหลักวิจัยในการผลิตสินค้าแต่ละตัว อย่างใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ออกมาดีที่สุด เพราะเรื่องสุขภาพไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ

“ผลิตภัณฑ์เด่น เรียกว่าเป็นไฮไลต์ของเราเลย คือ ยาดมสมุนไพรตราทิพย์เกสร ผลิตภัณฑ์ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก พอบอกว่า ‘ทิพย์เกสร’ ทุกคนก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยาดมสมุนไพรทิพย์เกสร โดยยาดมสมุนไพร ‘ทิพย์เกสร’ เป็นสูตรเฉพาะของหมอมิ่ง ที่มีการนำสมุนไพรมาผ่านกระบวนการ อบ แช่ ผสมกับน้ำมันหอมสูตรพิเศษ ตำรับโบราณ เจ้าแรกของประเทศไทย”

ท้าทายทุกปัญหา รับการเปลี่ยนแปลง
ทิพย์เนตร เล่าว่า ในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะหลังการระบาด Covid-19 คนเริ่มหันมาใส่เรื่องสุขภาพมากขึ้น ดูแลตัวเอง และทางเราเริ่มทำตลาดเชิงรุก มุ่งเน้นเรื่องการตลาดเป็นหลัก เพิ่มช่องทางการจำหน่าย และประชาสัมพันธ์ เพื่อทำให้แบรนด์ทิพย์เกสรเป็นที่รู้จักของคนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ

 

คุยกับวัยรุ่น ด้วยกลยุทธ์สุด Cool
ทิพย์เนตร เล่าเสริมว่า “การที่ธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้ จำเป็นต้องมีปัจจัยพื้นฐานอยู่ด้วยกัน 5 ปัจจัย ซึ่งได้แก่ กลยุทธ์ พนักงาน กระบวนการทำงาน การตลาด และการเงิน ซึ่งต้องทำหน้าที่อย่างสอดคล้องกัน ซึ่งเราใช้กลยุทธ์สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า  ดูแลบริการหลังการขาย ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ ฟังเสียงของลูกค้า  ลดต้นทุนด้านต่าง ๆ สร้างความเชื่อมั่น บริหารความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น รวมถึงทำธุรกิจให้เกิดความยั่งยืน ด้วยการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ และให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิต ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

“ในปัจจุบันตลาดของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป คนหันไปซื้อของออนไลน์มากขึ้น และโลกออนไลน์ก็มีการแข่งขันสูงมาก ทำให้เราต้องปรับตัวตามผู้บริโภคให้ทันและใช้กลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ในตลาดที่เกิดขึ้น สิ่งนี้ทำให้เรารู้ว่าถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลง เราจะถูก Disrupt

แน่นอนว่า เรามีกระบวนการในการขยายธุรกิจ แต่เมื่อมองถึงภาพการแข่งขันในโลกออนไลน์ก็สูงมาก ๆ ทำให้เราขยายรูปแบบการขายจากเดิม คือ แบบ shop เราเริ่มพัฒนาช่องทางจำหน่ายแบบ B2B B2G B2C แบบ Dropship โดยที่การขายของไม่ต้องสต็อกของ รวมถึงการทำดิจิทัลคอนเทนต์ผ่านช่องทาง Online ด้วยการ Live สด หรือนำเสนอผ่าน TIKTOK, SHOPEE, LINE Facebook เป็นต้น ส่วนในอนาคตช่องทางที่มองไว้คือ การพัฒนาช่องทางจำหน่ายทาง Modern Trade และ TV มากขึ้น

เธอกล่าวทิ้งท้ายในบทสนทนากับเราว่า ทิพย์เกสร มีผลิตภัณฑ์สมุนไพรครอบคลุม 3 หมวด
55 รายการ เพราะเราอยากรณรงค์ให้คนหันมาดูแลรักสุขภาพ และหันมาป้องกันดีกว่า โดยใช้สมุนไพร ไม่ต้องรอให้ป่วยก่อนแล้วค่อยมาดูแลตัวเอง ถ้าเรามีสุขภาพดีก็จะไม่มีโรคตามมา โดยคอนเซปต์ของเราคือ ดูแล ป้องกัน รักษา ด้วยยาสมุนไพร”