Fenty

ทำความรู้จักเครื่องสำอาง Fenty ของ ‘Rihanna’ นักร้องหญิงที่รวยที่สุดในโลก!

หลังจาก ริฮานน่า (Rihanna) นักร้องหญิงชาวอเมริกัน ได้ขึ้นแสดงในคอนเสิร์ตครั้งใหญ่กับโชว์ Super Bowl Halftime Show 2023 ก็ได้เกิดเป็นกระแสพูดถึงกันทั่วโลก เพราะนอกจากจะเป็นการกลับมาหลังจากหายจากวงการเพลงไปถึง 7 ปีแล้ว Rihanna ยังใช้เวทีนี้เป็นการ Tie-in สินค้าในแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองอีกด้วย

โดย ริฮานน่า ได้ห่างหายไปจากวงการเพลงถึง 7 ปี นับตั้งแต่ปล่อยอัลบั้มล่าสุดอย่าง ‘Anti’ ตั้งแต่ปี 2016 และได้มุ่งเน้นไปที่การทำธุรกิจเครื่องสำอาง โดย Rihanna ได้เปิดตัวแบรนด์ Fenty Beauty ในปี 2017 จนประสบความสำเร็จมากมาย และขึ้นเป็นนักร้องหญิงที่รวยที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของ Forbes เมื่อปี 2021 โดยที่ความร่ำรวยนี้ไม่ได้มาจากการเป็นนักร้อง แต่กลับมาจากการเป็นเจ้าของและ CEO แบรนด์ Fenty Beauty ซึ่งวันนี้ ‘Business+’ จะมาเปิดข้อมูลของเครื่องสำอางแบรนด์นี้ให้ฟัง

แบรนด์ Fenty Beauty เป็นแบรนด์เครื่องสำอางของบริษัท Fenty Beauty, LLC ที่ถูกก่อตั้งโดย Rihanna นักร้องหญิงชาวอเมริกัน อายุ 34 ปี โดย ริฮานน่า ได้เปิดตัวแบรนด์ Fenty ภายใต้กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการแฟชั่น LVMH ที่มีแบรนด์ในเครืออย่าง Louis Vuitton, Christian Dior, Givenchy และ CELINE ร่วมกับมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกในปี 2023 อย่าง ‘เบอร์นาร์ด อาโนลต์’ (Bernard Arnault)

โดย Fenty Beauty เป็นการร่วมทุนกับแบรนด์ LVMH (ริฮานน่าถือหุ้น 50%) และเป็นแบรนด์ที่ใช้การโปรโมทสินค้าด้วยไอเดียแปลก และแตกต่างจนมีผู้ติดตามจำนวนมาก อย่างเช่นการออกแบบลิปสติกที่มีหน้าตาเหมือนซองทะเขือเทศ หรือ ใช้จุดขายหลัก คือ เครื่องสำอางที่เหมาะกับคนทั่วโลก สินค้าแรกที่เปิดตัวคือรองพื้นด้วยการผลิตเฉดสีที่มากถึง 50 เฉดสีออกมาให้คนได้ใช้ทุกเชื้อชาติ

ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัวแบรนด์แห่งนี้ก็ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างหยุดไม่อยู่จากสินค้าที่หลากหลาย ส่วนหนึ่งเกิดจากอิทธิพลจากการเป็นนักร้องหญิงของ ริฮานน่า ซึ่งเธอได้ใช้ประโยชน์จากผู้ติดตามโซเชียลมีเดียทั้ง 141 ล้าน Followers บน Instagram และเกือบ 108 ล้านคนบน Twitter เพื่อสร้างแบรนด์ความงามนี้ขึ้นมา และสามารถสร้างยอดขายในเดือนแรก 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,300 ล้านบาท และมีรายได้มากกว่า 550 ล้านดอลลาร์ หรือ 18,150 ล้านบาทในปีแรก

นอกจากนี้ จากการจัดอันดับจากรายได้แบรนด์เครื่องสำอางของคนดังจากสื่อ gcimagazine พบว่า แบรนด์ Fenty Beauty เป็นเครื่องสำอางของคนดังอันดับที่ 1 ด้วยยอดขายในปี 570 ล้านดอลลาร์ หรือ 18,810 ล้านบาท (ข้อมูลผลประกอบการครึ่งปี 2021)

ล่าสุดเมื่อต้นปี 2023 ที่ผ่านมา กลุ่ม LVMH ประกาศผลประกอบการออกมา แม้ยังไม่มีผลประกอบการเฉพาะของ Fenty Beauty แต่ได้มีการแถลงว่ารายได้แบรนด์แห่งนี้เพิ่มขึ้นสองเท่าในปี 2565 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมาจากการขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายและความสำเร็จของการเปิดตัวคอลเลชั่นต่างๆ

ซึ่งการกลับมาขึ้นคอนเสิร์ตในครั้งนี้ ทำให้เกิดกระแสว่า Rihanna อาจเตรียมปล่อยอัลบั้มใหม่เร็ว ๆ นี้ คาดเดาจากการแสดงใน Super Bowl Halftime Show ที่ศิลปินนักร้องหลายคนต่างก็ใช้โอกาสนี้ในการปล่อยผลงานใหม่ และคาดการณ์ว่าริฮานน่าจะมีการไทน์อินสินค้าของแบรนด์เทอออกมาให้ชมกันอีกแน่ ๆ

โดยการ Tie in นี้ เชื่อว่าจะกระตุ้นยอดขายแบรนด์ได้ เพราะคอนเสิร์ต Super Bowl เป็นโชว์ประเพณีประจำการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลของ National Football League (NFL) ที่ทุกช่องต่างอยากได้ Airtime และแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงมาอย่างดุเดือดเพื่อสร้างเรตติ้งทางโทรทัศน์ และอยากได้เม็ดเงินซื้อโฆษณาจากเจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ เพราะรู้ว่าแบรนด์สินค้าต่างอยากแย่งชิง Airtime มาให้เพื่อสร้างยอดขายให้กับตัวเอง

และด้วยอิทธิพลของ ริฮานน่า ก็จะทำให้เกิดความนิยมของแบรนด์มากขึ้นอย่างแน่นอน เห็นได้จากความมีอิทธิพลของริฮานน่า ในช่วงปลายปี 2022 ที่มีการประกาศว่าเธอจะขึ้นเวทีอีกครั้ง ก็ได้ทำให้ความต้องการตั๋ว Super Bowl 2023 เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 10 เท่าตัว (9,900%)

โดย ‘Business+’ มองว่า การที่ Rihanna เลือกที่กลับมาในคอนเสิร์ตใหญ่นี้ เป็นไปได้ทั้งการเปิดตัวอัลบัมใหม่ และอาจจะเป็นการโปรโมทแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองให้โด่งดังกว่าเดิม เพราะ Airtime สำหรับการลงโฆษณาในวันที่มีการแข่งขัน Super Bowl นั้นสูงมาก และมีเจ้าของแบรนด์ระดับโลกหลากหลายแบรนด์ต่างประมูลกันเพื่อที่จะให้โฆษณาของตนได้รับ Airtime ในระหว่างการแข่ง ซึ่งข้อมูลล่าสุด พบว่า มูลค่าของโฆษณาในการแข่ง Super Bowl ตกอยู่ที่ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 30 วินาที หรือ ราว 165 ล้านบาทต่อวินาที ขณะที่มูลค่าโฆษณานี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี

ดังนั้น Airtime นี้จะทำให้แบรนด์สร้างการรับรู้ และกระตุ้นยอดขายได้จำนวนมาก เห็นได้จากสถิติที่น่าสนใจจากแบรนด์พิซซ่าฮัท ว่า ภายในวันที่มีการแข่ง Super Bowl สามารถขายพิซซ่าได้ถึง 2 ล้านถาดในวันที่มีการแข่งขัน แต่การ Tie-in นี้จะสำเร็จไหม ต้องรอติดตามในผลประกอบการไตรมาส 1/2566 ว่ายอดขายจะพุ่งกระฉูดหรือเปล่า?

แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ ริฮานน่า ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากบนเส้นทางของนักธุรกิจและการสร้างแบรนด์ แม้จะเป็นการร่วมบริหารกับแบรนด์ระดับโลก แต่ก็ต้องยอมรับว่าไอเดีย และการโปรโมทเกิดขึ้นจากตัวของเทอเองล้วน ๆ ซึ่งเป็นที่น่าติดตามต่อว่า ริฮานน่า จะทำอะไรต่อไป เพราะหลังจากแบรนด์แรกประสบความสำเร็จเธอก็ยังเดินหน้าเปิดแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้ง แบรนด์สกินแคร์ในชื่อว่า ‘Fenty Skin’ ที่เปิดตัวในปี 2020 ด้วยคอนเซป คือ The New Culture of Skincare ซึ่งเป็นแบรนด์วีแกน ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือแบรนด์ชุดชั้นใน Savage x Fenty

นั่นทำให้ ริฮานน่า ขึ้นเป็นนักดนตรีหญิงที่รวยที่สุดในโลกจากการจัดอันดับจาก Forbes และยังติดอันดับเป็น A self-made man หรือ ผู้หญิงที่สร้างตัวเอง อันดับที่ 21 ของโลก ด้วยรายได้สุทธิ 1.4 พันล้านดอลลาร์ โดยที่ความร่ำรวยของริฮานน่า ไม่ได้มาจากการเป็นนักร้องแต่มาจาก Fenty Beauty ธุรกิจเครื่องสำอางมูลค่า 2.8 พันล้านเหรียญ ซึ่งเธอมีสัดส่วนการถือครองอยู่ที่ 50% หรือประมาณ 1.4 พันล้านเหรียญ

ขณะที่รายได้อีกส่วนหนึ่งมาจากธุรกิจชุดชั้นในจากSavage x Fenty ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 270 ล้านเหรียญ และช่วงต้นปี 2022 ยังมีข่าวออกมาว่า ริฮานน่า ต้องการพา Savage x Fenty แบรนด์ที่เธอถือหุ้นอยู่ 30% จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย ซึ่งคาดการณ์ว่าจะระดมทุนอย่างน้อย 3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะยิ่งทำให้เทอร่ำรวยมากขึ้นไปอีก

ที่มา : Forbe , fentybeauty

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

Businessplus #Business #นิตยสารBusinessplus #fentybeauty #เครื่องสำอาง #ริฮานน่า #Rihanna #SuperBowlHalftimeShow #Fenty