Personalized Product เคล็ดลับกาแฟพันธุ์ไทย แบรนด์ที่ลูกค้าชื่นชอบมากที่สุด

ตลาดกาแฟของไทย มีมูลค่ารวม 60,000 ล้านบาทต่อปี โดยเซกเมนต์กาแฟ Home Coffee (บริโภคภายในบ้าน) ยังคงเป็นสัดส่วนใหญ่ถึง 55% ขณะที่เซกเมนต์ Out of Home Coffee ครองส่วนแบ่งตลาด 45%

 

และหากรวมทุกกลุ่มของคนดื่มกาแฟ จะพบว่าคนไทยดื่มกาแฟเฉลี่ยปีละ 300 แก้วต่อคนต่อปี สูงกว่าเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ที่ดื่มกาแฟเฉลี่ย 180 แก้วต่อคนต่อปี หรือหากเทียบกับทวีปยุโรป ที่มีอัตราการบริโภคมากถึง 600 แก้วต่อคนต่อปี  หมายความว่า โอกาสการเติบโตของธุรกิจกาแฟไทยยังเปิดกว้างเสมอ โดยที่ทุกแบรนด์พร้อมทุ่มงบการตลาดจัดกิจกรรมการสื่อสารและโปรโมชันอย่างต่อเนื่อง

 

Business+ สัมภาษณ์พิเศษ คุณสุขวสา ภูชัชวนิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ถึงเบื้องหลังและการเตรียมความพร้อมสู่เส้นทางการพัฒนาแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทย ให้ยิ่งตอบโจทย์วิถีบริโภคการดื่มกาแฟของคนรุ่นใหม่อย่างมีคุณค่า และพร้อมจะผลักดันเป้าหมายสู่แบรนด์ที่ลูกค้าชื่นชอบมากที่สุด

“กาแฟพันธุ์ไทย มียอดขายไตรมาสที่ 1-3 ปี 2566 อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท มีอัตราเติบโต 80% จากปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขนี้เป็นอัตราโตกว่าภาพรวมตลาดกาแฟประเทศไทยที่เติบโตเฉลี่ย 9.5% ซึ่งคาดว่าในปีนี้ 2566 เราจะสามารถทำยอดขายทั้งปีได้กว่า 1,700 ล้านบาท โดยทางแบรนด์จะมีการสร้างสีสันทางการตลาดและเอาใจผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ ด้วยการออกเมนูรสชาติใหม่ ๆ ทั้ง Coffee และ Non-Coffee ให้ลูกค้าได้ลิ้มลองอยู่เสมอ

 

ในขณะเดียวกันเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบัน ไม่ได้ดื่มกาแฟนอกบ้านอย่างเดียวอีกต่อไป สืบเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังการระบาดของ Covid-19 ที่มักใช้ชีวิตและเคยชินกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่บ้าน รวมถึงนิยมสัมผัสประสบการณ์การดื่มและชงกาแฟดื่มเองในบ้าน ด้วยเมล็ดกาแฟที่ตนชื่นชอบ ส่งผลให้เซกเมนต์กาแฟในบ้าน (Home Coffee) เติบโตไม่แพ้กาแฟนอกบ้านถึง 12% เราก็มองว่ายังมีโอกาสเติบโตต่อไปอีกมาก

 

คำถามคือ กาแฟพันธุ์ไทยมองเห็นโอกาส ดังนั้นสิ่งที่เราเตรียมแผนการตลาดคือ การขยายไลน์สินค้าและเดินหน้าพัฒนาโปรดักต์ในตลาด Home Coffee ล่าสุดเราเปิดตัวกาแฟพันธุ์ไทย สเปเชียล เบลนด์ กาแฟพิเศษ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ลูกค้าได้ลิ้มลอง ทั้งเมนูนัตตี้ สเปเชียล เบลนด์ กาแฟคั่วกลาง กลิ่นและรสชาติออกแนวดาร์กโกโก้ ที่มีความเป็นช็อกโกแลต ปนอัลมอนด์ปลาย ๆ และฟรุตตี้ สเปเชียล เบลนด์ ที่ให้ความเปรี้ยวสดชื่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี ออกหวานปลาย ๆ กลิ่นหอมละมุน

 

โดยกาแฟพันธุ์ไทย สเปเชียล เบลนด์ ได้นำร่องให้บริการใน 80 สาขา และต่อเนื่องมาถึงการเปิดตัว ‘9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย ที่ดีที่สุดจากแหล่งกำเนิดกาแฟคุณภาพทั่วประเทศ มาให้กับผู้บริโภคได้มีโอกาสดื่มด่ำกับกาแฟไทยระดับพรีเมียม” คุณสุขวสา กล่าว พร้อมระบุว่า

 

ปัจจัยที่ผลักดันให้กาแฟพันธุ์ไทยประสบความสำเร็จคือ จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครของตัวผลิตภัณฑ์ การนำวัตถุดิบท้องถิ่นขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัดทั่วไทยมารังสรรค์เป็นเมนูเครื่องดื่มใหม่ ๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังพัฒนาและสร้างความแตกต่างของสินค้ากลุ่มใหม่ ๆ เพื่อรองรับเทรนด์ของลูกค้าที่เปลี่ยนไป เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ และมาใช้บริการมากขึ้น และเมื่อประเมินถึงมูลค่าตลาดกาแฟ 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกาแฟนอกบ้าน มูลค่า 27,000 ล้านบาท และกาแฟในบ้านรวมกาแฟสำเร็จรูป มูลค่า 33,000 ล้านบาท โดยที่ทั้งสองตลาดมีแนวโน้มการเติบโตดีพอ ๆ กัน โดยกาแฟในบ้านมีอัตราเติบโต 12% และกาแฟนอกบ้านเติบโต 9.5% แต่ความนิยมบริโภคกาแฟของกลุ่ม Gen Z คือกลุ่มลูกค้าหลักที่มีปริมาณการดื่มกาแฟเพิ่มขึ้น หมายความว่าเราจะโฟกัสผู้บริโภคกลุ่มนี้เพิ่มเติมมากขึ้น”

 

นอกจากนี้ คุณสุขวสา ยังบอกถึงเป้าหมายรวมถึงแผนงานในอนาคต กับ S-Curve ใหม่ ๆ ทางแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทยได้เตรียมการขยายสาขาให้ครอบคลุม และลูกค้าเข้าถึงร้านกาแฟพันธุ์ไทยได้ง่ายขึ้น โดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุมทุกอำเภอ โดยเฉพาะหัวเมืองหลักทั่วประเทศ ผ่านการทำ Loyalty Program แบบ personalize กับกลุ่มลูกค้าสมาชิก Max Card กว่า 21 ล้านรายทั่วประเทศ

 

“ในปีหน้า 2567 นี้ เราจะมีการทำ Brand Movement เพื่อให้แบรนด์สื่อสารเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนทำงาน ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์ โดยมุ่งเป้าหมายของการขึ้นเป็นเบอร์ 1.1 อย่างที่คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี ที่เคยระบุไว้ โดยจำนวนการขยายสาขา ทั้งในแง่ของจำนวนสาขาและส่วนแบ่งการตลาดของตลาด Mass Segment เรายังให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าผ่านการ Co-operated ร่วมกับพันธมิตรผ่านโปรแกรม CRM จากฐานบัตรสมาชิก Max Card ที่มีกว่า 21 รายในปัจจุบัน และมีพาร์ตเนอร์อยู่ในหลากหลายธุรกิจมากกว่าร้อยแบรนด์ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการเป็นสมาชิกบัตร Max Card ทั้งจากกลุ่มธุรกิจ Oil ผ่านส่วนลดในการเติมน้ำมัน และการได้รับสิทธิประโยชน์ ทั้งในมิติของการ Burn point และ Earn Point จากการใช้ประโยชน์ของ Data ขนาดใหญ่ที่เรามีสำหรับต่อยอดธุรกิจในอนาคตของ PTG

 

ส่วนการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความยั่งยืน เป็นสิ่งที่กาแฟพันธุ์ไทยให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่ต้องการเชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่นในประเทศ ผ่านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเน้นการเพิ่มคุณค่าให้กับวัตถุดิบท้องถิ่น สร้างงาน สร้างอาชีพ แก่เกษตรกรพี่น้องชาวไทย คืนกำไรกลับสู่ชุมชน รวมถึงยกระดับ Ecosystem ในทุกภาคส่วนของธุรกิจกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง

 

ยิ่งไปกว่านั้น กาแฟพันธุ์ไทยยังใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ส่งเสริมให้เกษตรกรท้องถิ่นปรับเปลี่ยนการทำไร่เลื่อนลอย มาเพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟ ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนเขาหัวโล้นให้เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกดีขึ้น”

 

ทั้งหมดคือ เส้นทางที่แบรนด์กาแฟพันธุ์ไทย ภายใต้การบริหารของคุณสุขวสา ภูชัชวนิชกุล พร้อมจะเสิร์ฟความเข้มข้น ภายใต้กลยุทธ์ Personalized Product เพื่อผลักดันกาแฟพันธุ์ไทยไปสู่แบรนด์ที่ลูกค้าชื่นชอบมากที่สุด

 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.punthaicoffee.com หรือhttps://www.facebook.com/punthaicoffee

 

เขียนและเรียบเรียง : วิทยา กิจชาญไพบูลย์
ติดตาม Business+ ได้ที่ Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS