‘Ferrero Rocher’ แบรนด์ช็อกโกแลตสุดยูนีค กับเส้นทางสู่บริษัทขนมหวานอันดับ 2 ของโลก

ช่วงเวลาเทศกาลแห่งความรักแห่งแบบนี้ นอกจากมองไปทางไหนก็อบอวลไปด้วยความรักที่บรรดาคู่รักแสดงออกต่อกันแล้ว สิ่งที่เห็นจนชินตาคือสิ่งของแทนใจต่าง ๆ ที่คู่รักมอบให้กันและกัน ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้, ของขวัญ หรือแม้แต่ช็อกโกแลต ซึ่งหนึ่งในช็อกโกแลตที่พบได้บ่อยในช่วงเทศกาล ‘วาเลนไทน์’ แบบนี้ ก็คงหนีไม่พ้นช็อกโกแลตแบรนด์ดังอย่าง ‘Ferrero Rocher’ ที่นอกจากรสชาติที่อร่อยถูกใจแล้ว ด้วยแพคเกจสีทองสุดหรูหราที่เป็นเอกลักษณ์ ก็เป็นอีกสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้คนเลือกสรรไปเป็นของแทนใจมอบให้กับคนพิเศษอยู่เสมอ แต่กว่าจะกลายมาเป็นช็อกโกแลตสุดยูนีคเช่นทุกวันนี้ได้ ‘Ferrero Rocher’ ก็เป็นอีกแบรนด์ที่เดินทางผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี ซึ่งในวันนี้ Business+ จะพาทุกท่านย้อนไปยังจุดกำเนิดของแบรนด์นี้ไปพร้อม ๆ กัน

แบรนด์ ‘Ferrero Rocher’ ถือกำเนิดขึ้นในปี 1982 ภายใต้บริษัท ‘Ferrero Group’ โดยตั้งอยู่ที่เมือง Alba ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ บนเนินเขาของ Piedmont ประเทศอิตาลี โดยแบรนด์ ‘Ferrero Rocher’ กำเนิดขึ้นด้วยแรงบันดาลใจที่คาดหวังจะให้ผู้คนได้รับประสบการณ์ที่ดีจากช็อกโกแลตชนิดพิเศษที่ผ่านกระบวนการผลิตที่มีความซับซ้อน และการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเนื้อสัมผัสและรสชาติของช็อกโกแลตเนื้อเนียนและเฮเซลนัท ล้อมรอบด้วยเวเฟอร์กรอบและชิ้นเฮเซลนัทด้านนอก บนกระดาษห่อสีทองอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ โดยเปิดตัวครั้งแรกในหลายประเทศทวีปยุโรป

ต่อมาในปี 1983 ‘Ferrero Rocher’ ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านการโฆษณาทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรก ซึ่งจากโฆษณาชิ้นนี้เอง ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

ปี 1988 เป็นอีกครั้งที่จะนำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมาสู่แบรนด์ เพราะในปีนี้ ‘Ferrero Rocher’ ได้ทำการเปิดตัวทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา และภายในเวลาไม่กี่ปีหลังจากนั้น ‘Ferrero Rocher’ ก็เติบโตอย่างแข็งแกร่งจนกลายเป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตระดับพรีเมียม

ต่อมาในปี 1994 ก็ได้เปิดตัวที่ประเทศจีน ​ซึ่งเป็นอีกตลาดที่สำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ ในฐานะผู้บุกเบิกหมวดหมู่ช็อกโกแลตพรีเมียม

ปี 1996 เปิดตัวในประเทศรัสเซียเป็นครั้งแรก หลังจากประสบความสำเร็จจากการขยายธุรกิจไปยังสหรัฐอเมริกาและจีน

ปี 2014 สร้างเสียงฮือฮาให้กับเหล่าบรรดาคนรักช็อกโกแลตแบรนด์นี้ไม่น้อย เมื่อทางแบรนด์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ‘Grand Ferrero Rocher’ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่บรรดาผู้บริโภคคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ด้วยเปลือกช็อกโกแลตนมกรุบกรอบ อุดมด้วยเมล็ดเฮเซลนัทที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี ห่อด้วยแพคเกจสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ ตกแต่งด้วยโบว์เพิ่มความหรูหราด้วยขนาดที่ใหญ่กว่าผลิตภัณฑ์ปกติหลายเท่า ซึ่งทางแบรนด์คาดหวังว่าผลิตภัณฑ์นี้จะกลายเป็นของขวัญที่สมบูรณ์แบบสำหรับการส่งมอบระหว่างผู้คนในช่วงเวลาสำคัญต่าง ๆ อย่างเช่นวันคริสต์มาส หรือโอกาสพิเศษ

ปี 2021 เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในรูปแบบช็อกโกแลตบาร์ ที่ยังคงไว้ซึ่งส่วนผสมที่สำคัญอย่างเฮเซลนัทให้ได้ลิ้มลองในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยช็อกโกแลตบาร์ ประกอบไปด้วยรสมิลค์เฮเซลนัท, ดาร์กเฮเซลนัท, ไวท์เฮเซลนัท และนมและอัลมอนด์

ปี 2021 เปิดตัวไอศกรีม ‘Ferrero Rocher’ ถือเป็นครั้งแรกที่ทางแบรนด์ทำผลิตภัณฑ์ไอศกรีม โดยยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์เอาไว้ด้วยช็อกโกแลตสุดพรีเมียมผสมเฮเซลนัท ซึ่งมี 4 รสชาติด้วยกัน ได้แก่ Classic, White, Dark และ Triple Experience Caramel

ด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ และบรรจุภัณฑ์ที่ดูหรูหรา ทำให้ ‘Ferrero Rocher’ เป็นหนึ่งในแบรนด์ช็อกโกแลตที่ผู้คนมักจะนึกถึงในช่วงเทศกาลต่าง ๆ อยู่เสมอ เช่นเดียวกับเทศกาล ‘วาเลนไทน์’ ที่มักจะได้เห็นผู้คนมอบช็อกโกแลตสุดยูนีคนี้ให้กัน ไม่ว่าจะเป็นการให้ในรูปลักษณ์สุดคลาสสิคอย่างการมอบให้เป็นกล่องแบบดั้งเดิม หรือการครีเอทเป็นของประดับช่อดอกไม้ก็ตาม

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ‘Ferrero Group’ ดำเนินธุรกิจในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก, จำหน่ายผลิตภัณฑ์กว่า 170 ประเทศ และมีโรงงานผลิต 31 แห่ง ใน 5 ทวีป อีกทั้งมีโรงงานแปรรูปเฮเซลนัท 7 แห่ง รวมถึงบริษัทเกษตรกรรม 5 แห่ง

ด้านผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2021/2022 มูลค่าการซื้อขายของ ‘Ferrero Group’ ระหว่างประเทศอยู่ที่ 12.7 พันล้านยูโร ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าราว 10% โดยไม่เพียงแค่แบรนด์ ‘Ferrero Rocher’ เท่านั้นที่อยู่ภายใต้บริษัทนี้ แต่ยังมีผลิตภัณฑ์ขนมอีกหลากหลายประเภทภายใต้ชื่อแบรนด์ต่าง ๆ อีกด้วย และด้วยการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ ‘Ferrero Group’ ขึ้นแท่นเป็นบริษัทขนมหวานที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก

โดย ‘Ferrero Group’ สร้างรายได้ราว 12% ของมูลค่าการซื้อขายสุทธิในอิตาลี ขณะที่บริษัทแห่งนี้สร้างรายได้ 68% ในยุโรป และ 32% ในตลาดที่ไม่ใช่ยุโรป ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ในยุโรปเพิ่มขึ้นราว 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ‘Ferrero Group’ มีพนักงานเต็มเวลาราว 34,121 คน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1,100 คน จากปีงบประมาณก่อนหน้า

ที่มา : Ferrero, statista

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

#Businessplus #TheBusinessplus #นิตยสารBusinessplus #FerreroRocher #FerreroGroup #เฟอร์เรโรรอชเชอร์ #ช็อกโกแลต #ช็อกโกแลตพรีเมียม #วาเลนไทน์ #วันแห่งความรัก #เทศกาล #ประวัติแบรนด์ #ValentinesDay