เซ็นทารา ส่งมอบทุกคุณค่า สู่ Brand Love ครองใจนักเดินทางทั่วโลก
ปี 2566 ถือเป็นปีทองของโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา นอกจากจะเป็นวาระครบรอบ 40 ปี ของการก่อตั้ง หากดู Performance ในแง่ผลประกอบการ จะพบว่ารายได้ของเซ็นทารามีรายได้รวมอยู่ที่ 9,932 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% ขณะที่ปี 2567 คุณธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประกาศทิศทางธุรกิจ ต้องการขยายธุรกิจไปยังทั่วโลก เพื่อก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 100 แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกภายใน พ.ศ. 2570
จึงเป็นโจทย์สำคัญที่โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราจะสร้าง Brand Experience จนกลายเป็น Brand Love ผ่านสโลแกนของแบรนด์ที่ว่า “Centara, The Place To Be” ที่คุณธีระยุทธเน้นย้ำว่า นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่สโลแกน แต่คือ “เป้าหมายและความมุ่งมั่น” ในการส่งมอบการบริการที่อบอุ่น ด้วยมาตรฐานระดับสากล เพื่อก้าวขึ้นเป็นแบรนด์โรงแรมสัญชาติไทยอันดับ 1 ในใจนักเดินทางทั่วโลกให้ได้
ดังนั้น เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าวฯ โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราจึงรุกขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ ๆ ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มจำนวนโรงแรมในเครือฯ และถ่ายทอดการบริการที่อบอุ่นเสมือนครอบครัว อันเป็นเอกลักษณ์ของเซ็นทาราไปสู่จุดหมายปลายทางทั่วโลก โดยในปี พ.ศ. 2566 เซ็นทาราได้เปิดให้บริการโรงแรมใหม่ 3 แห่ง รวมกว่า 899 ห้อง ส่งผลให้ในปัจจุบัน เซ็นทารามีโรงแรมในเครือ (ทั้งที่เปิดให้บริการแล้วและยังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างและดำเนินการ) อยู่ทั้งสิ้น 93 โรงแรมด้วยกัน
และแน่นอนว่าการเปิดให้บริการเซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า นั้นได้รับคำชื่นชมและกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ จากการดีไซน์ห้องพักที่ทันสมัยและขนาดของห้องพักที่กว้าง แตกต่างจากโรงแรมอื่น ๆ ในญี่ปุ่น ห้องจัดประชุมและสิ่งอำนวยความสะดวกระดับห้าดาว รวมถึงห้องอาหารและบาร์ภายในโรงแรมที่มีมากถึง 8 แห่ง นอกจากนี้ยังมีโรงแรมใหม่ที่เปิดให้บริการในไทยอีก 2 แห่ง ในปีที่ผ่านมา คือ เซ็นทารา อุบล ที่ตั้งอยู่ติดกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล อุบล และเซ็นทารา อยุธยา ที่อยู่ห่างจากแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ชื่อดังเพียง 15 นาทีเท่านั้น
สำหรับปี พ.ศ. 2567 นี้ เซ็นทารายังคงเดินหน้าลุยขยายธุรกิจตามแผน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้บริการ โรงแรม “โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ” เมื่อเดือน มี.ค. 2567, “เซ็นทารา ไลฟ์ ละไม รีสอร์ท สมุย” (กำหนดเปิดให้บริการ 15 ส.ค. 2567) และโปรเจกต์สำคัญอย่าง “เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์” (กำหนดเปิดให้บริการ 1 พ.ย. 2567) ซึ่งโรงแรมแห่งนี้ถือเป็นโครงการเฟสแรกของเซ็นทาราบนเกาะสวรรค์ในโซนมาเล่อะทอลล์เหนือที่สามารถเดินทางเข้าถึงได้โดยง่ายด้วยสปีดโบ๊ตเพียง 40 นาทีจากท่าอากาศยานนานาชาติมาเล่ โดยโรงแรมแห่งนี้มาในธีมรีสอร์ทสำหรับครอบครัว ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซปต์ดินแดนใต้น้ำสุดมหัศจรรย์ มีทั้งสวนน้ำและกิจกรรมทางน้ำ เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้ากลุ่มครอบครัว
และต่อไปในไตรมาสที่ 1 ของปี พ.ศ. 2568 เซ็นทารามีแผนจะเปิดให้บริการ “เซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์” รีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาวขนาด 142 ห้องพักเป็นลำดับถัดไป ซึ่งนั่นจะทำให้นักเดินทางที่มาเยี่ยมเยือนเกาะในฝันแห่งนี้สามารถเพลิดเพลินไปกับตัวเลือกที่พัก 2 แบบ 2 สไตล์ นอกจากนั้นยังมีอีกสองโรงแรมแฟลกชิปที่เซ็นทาราได้ลงทุนรีโนเวทครั้งใหญ่ ได้แก่ เซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต (จำนวน 335 ห้องพัก) และ เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา (จำนวน 553 ห้องพัก) ที่จะพร้อมเปิดให้บริการด้วยรูปโฉมใหม่ในช่วงปลายปีพ.ศ. 2567 นี้
นอกจากแผนการขยายธุรกิจแล้ว เซ็นทารายังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการบรรษัทภิบาลและแนวทางการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยเซ็นทารามุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวอย่างจริงจัง ผ่านเป้าหมายและแผนการดำเนินงานต่าง ๆ อาทิ การตั้งเป้าเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2593 ภายใต้แผนการดำเนินงานระยะแรกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 20 ภายในปี พ.ศ. 2572 รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
ทั้งนี้ โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราจำนวน 24 แห่ง ยังได้ผ่านการรับรองการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จากสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก Global Sustainable Tourism Council – GSTC และผ่านการรับรองจาก Green Key อีก 1 แห่ง โดยเซ็นทาราตั้งเป้าให้โรงแรมในเครือได้รับการรับรองประกาศนียบัตรมาตรฐาน GSTC ครบทุกแห่งภายในปี พ.ศ. 2568
ในช่วงปีสองปีมานี้ นับได้ว่าเป็นปีแห่งการเติบโตของเซ็นทาราอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมได้ฟื้นตัวกลับมาอย่างเต็มรูปแบบ เซ็นทาราก็ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพความเป็นผู้นำในธุรกิจจากก้าวสำคัญต่าง ๆ ทั้งในเรื่องของการขยายธุรกิจ มาตรฐานการให้บริการ รวมไปจนถึงการให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน จนเกิดเป็นผลสัมฤทธิ์มากมายหลายอย่างในปีนี้ ทั้งจากการเปิดให้บริการโรงแรมใหม่ และรางวัลเกียรติยศอีกมากมาย ตอกย้ำความเป็นเครือโรงแรมชั้นนำของประเทศไทยที่พร้อมไปบุกตลาดโลกอย่างสมภาคภูมิ
อย่างที่บอกว่า ปีนี้เป็นอีกปีทองของโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราที่มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจมากมาย เช่นเดียวกับคุณธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ CEO ผู้คร่ำหวอดในวงการโรงแรมมาอย่างยาวนานกับเรื่องราวในการทำธุรกิจที่มีทั้งวิสัยทัศน์และสีสันไม่แพ้ใคร …
รับชมในรูปแบบ Video