บทพิสูจน์ความสำเร็จ S&P ด้วยกำไรรวมดีที่สุดในรอบ 8 ปี

บทพิสูจน์ความสำเร็จ S&P ด้วยกำไรรวมดีที่สุดในรอบ 8 ปี

“เพราะลูกค้าคือคนสำคัญ“  นโยบายของบริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ S&P ที่ทุกคนคุ้นเคยดี อยู่คู่กับคนไทยมากกว่า 50 ปี ทำให้มูลค่าของบริษัทในปีที่ผ่านมานี้มีมากกว่า 8,500 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่เกือบ 500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าดีที่สุดในรอบ 8 ปี ความสำเร็จของ S&P ในครั้งนี้ มาจากการมองตนเองใหม่ พร้อมกับการมองหาโอกาสของตลาดใหม่อยู่เสมอ ๆ

คุณวิทูร ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) จะมาเฉลยว่า ทำไม S&P ถึงกลับมาอยู่ในจุดที่ดีที่สุดในรอบ 8 ปีได้?

“ในปี 2023 นี้ เรามีรายได้รวม 6,290 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 485 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำรายได้ได้ 5,798 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 460 ล้านบาท ก็ต้องยอมรับตามตรงว่าการที่เรากลับมามองตัวเองใหม่ทั้งหมดอย่างรอบด้าน ทำให้เราสามารถ lean ตัวเองได้ดีขึ้น เริ่มจากการดูแลต้นทุนในส่วนของงานบริหารจัดการหน้าร้าน ไปจนถึงการลดจำนวนของสาขาที่ไม่สามารถสร้างกำไร และยังผลักดันให้มีรายได้มากขึ้นจากบริการเดลิเวอรี ในด้านโรงงานผลิตนั้น นอกจากการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนคงที่ได้ดีขึ้นทั้งหมดแล้ว เรายังได้นำเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยในการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตอีกด้วย

สำหรับการเพิ่มเติมในส่วนของการขาย เรายังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ของตลาดอยู่เสมอ นอกเหนือจากการขายผ่านสาขาหน้าร้านแล้ว เรายังสามารถทำรายได้ในส่วนของธุรกิจด้าน food service ในการผลิตสินค้า ส่งให้กับเชนร้านอาหาร เชนร้านกาแฟ และสายการบินต่าง ๆ อีกทั้งยังให้บริการอาหารในโรงพยาบาลและสถานศึกษา ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการด้านอาหารและโภชนาการ โดยเป็นการร่วมทุนกับบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ แคร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือบริษัท OCS จากประเทศอังกฤษ ภายใต้แบรนด์ฟู้ดเฮ้าส์ (Foodhouse)

แน่นอนว่าแนวโน้มของ ตลาดธุรกิจอาหารมูลค่าระดับหลาย 100,000 ล้านบาทนี้ หลังผ่านวิกฤติโควิด-19 เป็นปกติแล้ว ผู้บริโภคมีการออกมารับประทานอาหารนอกบ้านและมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งเราคือ ทางเลือกหนึ่งท่ามกลางการแข่งขันสูงที่มีเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาด เราจึงต้องมีการปรับตัวอย่างมากเช่นกัน เพื่อเป็นการผลักดันให้มีการเติบโตในทุก ๆ ด้านอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด” เหล่านี้คือ Key Driver ทั้งหมดที่คุณวิทูรบอกกับเรา และย้ำชัดถึงการเปลี่ยนแปลงที่สามารถ Turnaround เป็นผลสำเร็จ

ในฐานะผู้นำสูงสุดขององค์กร คุณวิทูรเข้าใจดีว่า ในปัจจุบันนี้ไม่มีสูตรสำเร็จของการทำธุรกิจอีกต่อไป ซึ่งทางรอดในระยะยาว คือ ทุกแบรนด์ในองค์กรต้องสร้างประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) ให้สมบูรณ์ที่สุด

ภารกิจที่ทาง S&P ได้เตรียมไว้เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้านั้น เริ่มตั้งแต่กระบวนการบริหาร โดยส่งเสริมให้มีการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรของบริษัท ในการทำงานภายใต้ Winning Culture ของ “CACTUS” mindset

“ผมมองว่าการทำงานร่วมกันเป็นทีมมีผลดีในทุก ๆ ด้านที่ทำให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายในการที่ทำให้ลูกค้ามองเห็นถึงความน่าเชื่อถือต่อสินค้าและบริการของเรา ด้วยคำว่า “เพราะลูกค้าคือคนสำคัญ”  เป็นนโยบายขององค์กรที่เราตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบของความสำเร็จนั้น ทุกส่วนต้องให้การสนับสนุนซึ่งกันและกัน หมายความว่าพนักงานทุกคนจะต้องมี Service Mind ในวิถีการทำงานภายใต้กรอบแนวคิดหลัก  “CACTUS” เพื่อเป้าหมายการในเติบโตที่ยั่งยืนของเรา”

“CACTUS” mindset นั้น ประกอบด้วย การให้บริการที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง-Customer Centric, การปรับตัวอย่างทันท่วงที ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงเร็ว- Agility, การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ-Collaboration, การสร้างความน่าเชื่อถือ-Trustworthiness, การสนับสนุนส่วนหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ Unit Manager is #1, และการมีความยินดีในบริการ-Service Mind

ด้วยกรอบแนวคิด “CACTUS” นี้เราเชื่อว่าจะเป็นการทำงานที่ให้ประโยชน์แก่ลูกค้ามากที่สุด”

ทั้งหมดนี้ เป็นคำบอกเล่าของคุณวิทูรที่พูดย้ำถึงแนวทางการปรับตัวของ S&P ซึ่งเค้าเชื่อว่า ด้วยทิศทางใหม่นี้ จะสามารถผลักดันให้ทุกคนในครอบครัว S&P ก้าวสู่ปีที่ 51 อย่าง “เข้มแข็งและสร้างสรรค์” ตลอดไป

 

รับชมในรูปแบบ Video