นวัตกรรม BMW X6 สร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่า : Product Innovation Awards 2020 : รางวัลสินค้าไลฟ์สไตล์ ประเภทรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV)

รถยนต์ BMW X6 เป็นยนตรกรรมสปอร์ตอเนกประสงค์ระดับพรีเมียม ที่เป็นผู้นำในการเปิดตลาดยานยนต์กลุ่มใหม่คือ Sport Activity Coupe (SAC) ตั้งแต่ในยุคที่ยังไม่มีรถยนต์ค่ายอื่นนำเสนอในกลุ่มเดียวกัน โดยพัฒนาต่อเนื่องมาถึงรุ่นที่ 3 จึงเป็นผู้นำในตลาดนี้อย่างไม่ต้องสงสัย


สุดยอดยนตรกรรม BMW X6

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป คือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ภายใต้แบรนด์ BMW, MINI, Rolls-Royce และ BMW Motorrad โดยมีเครือข่ายการผลิต 31 แห่งใน 15 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด

ดังเช่น BMW X6 ซึ่งก่อกำเนิดเป็นรถยนต์คลาส Sports Activity Coupe (SAC) รูปแบบใหม่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และปัจจุบัน BMW X6 เป็นเจเนอเรชันที่ 3 มาพร้อมกับดีไซน์อันเฉียบคมดุดัน ภาพลักษณ์ที่สะท้อนถึงความมั่นใจ ทรงอำนาจ โดย มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า BMW X6 ถูกผลิตขึ้นที่ต้องการสื่อให้เห็นถึงยานยนต์ที่มีพลวัตสูง ทำให้ต้องมีการออกแบบและพัฒนาระบบโครงสร้างตัวถังใหม่ทั้งหมด และมีเทคโนโลยีล่าสุดในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า คนขับ และรถยนต์เอง รวมถึงคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่เป็นเลิศ

“BMW X6 มีการออกแบบที่หรูหราทันสมัย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นกว่าใคร เหนือกว่าในทุกมุมมอง ตอบสนองความสุนทรียภาพในการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ พร้อมกับการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง รวมถึงการตกแต่งภายในด้วยอุปกรณ์ชั้นเลิศ เหมาะกับผู้ขับที่มีรสนิยม”

ผู้นำนวัตกรรม

BMW X6 ใหม่ ผสมผสานคุณสมบัติการขับขี่ที่คล่องตัว และความหลากหลายของรถสปอร์ตที่มีรูปลักษณ์ที่เฉียบคมของรถคูเป้ X6 รุ่นที่ 3 ทั้งยังมาพร้อมกับไฟแบบส่องสว่าง ‘Iconic Glow’ ที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเป็นครั้งแรกในรุ่นนี้

ด้านระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistant Professional มากับระบบพวงมาลัยอัตโนมัติ และระบบบังคับรถให้วิ่งอยู่ในช่องทางจราจร พร้อมเสริมความสะดวกสบายและความปลอดภัยอันเหนือชั้น

ระบบภายในรถยนต์ยังทำงานอย่างทรงประสิทธิภาพในการเสริมความสะดวกสบายและความปลอดภัย ทั้งระบบผู้ช่วยส่วนตัวในรถยนต์ BMW Intelligent Personal Assistant พร้อมมอบทุกความช่วยเหลือให้กับผู้ขับขี่ ส่วนระบบ BMW Live Cockpit Professional ลูกค้าสามารถสัมผัสการทำงานผ่านหน้าจอแสดงผลรุ่นใหม่ ซึ่งแนวคิดการใช้งานจะทำงานร่วมกับระบบการเชื่อมต่อที่ครบครันกว่าใคร ซึ่งมร. อเล็กซานเดอร์บอกว่า การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นใน BMW X6 เป็นการผสมผสานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพื่อสร้าง BMW ก้าวสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่อไป

ดังนั้น เรามองว่ากลุ่มเป้าหมายของ X6 คือนักธุรกิจ และเจ้าของกิจการที่ประสบความสำเร็จ ก้าวเข้าสู่สังคมชั้นสูง มีอายุระหว่าง 30 – 50 ปี รวมถึงผู้ที่ต้องการบ่งบอกถึงความสำเร็จในชีวิต

“เราเชื่อมั่นว่าความสำเร็จของเราคือ การเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาค โดยเรามีฐานการผลิตที่ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก ทำการผลิตรถยนต์ในเซกเมนต์ต่าง ๆ ที่หลากหลาย เราจึงสามารถตอบสนองรูปแบบของพฤติกรรมการใช้รถยนต์ตามที่ลูกค้าต้องการ อาทิ ลูกค้าในลอสแองเจลิสที่ขับรถวันละ 100 – 200 ไมล์ต่อวัน และสภาพรถยนต์ที่เหมาะกับการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ซึ่งให้ความสะดวกกว่า

ส่วนในเมืองที่มีสภาพจราจรแออัดเช่นในกรุงเทพฯ มีการใช้รถเพียงระยะใกล้ ๆ เหมาะสมกับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เป็นต้น เราจึงสร้างทางเลือกที่เหมาะสมให้แก่ตลาดนั้น ๆ เพื่อปูทางสู่อนาคตอย่างยั่งยืน”