สบู่เบนเนท

ถอดความสำเร็จ ‘สบู่เบนเนท’ คู่ไทย 22 ปี จากรายได้หลักร้อยล้านสู่สองพันล้าน! 

เชื่อว่าทุกคนคงรู้จัก ‘สบู่เบนเนท’ หรือ สบู่ผิวขาว สบู่ก้อนสมุนไพร ที่มีชื่อเสียงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมี “คุณบุ๋ม ปนัดดา” เป็นพรีเซนเตอร์ พร้อมสโลแกนฮิตติดหูอย่าง “อะไรดี บุ๋มก็ว่าดี” ถือเป็นวลีที่ทำให้คนจดจำแบรนด์ได้ ซึ่งคนมักเข้าใจผิดคิดว่าคุณบุ๋มเป็นเจ้าของ แต่ความจริงแล้วนั้นไม่ใช่ ในครั้งนี้เราจึงจะพามาทำความรู้จักแบรนด์สบู่เบนเนท

‘สบู่เบนเนท’ เป็นแบรนด์สบู่ก้อนสมุนไพรคู่ไทยนาน 22 ปี ภายใต้ บริษัท พาภิญโญ กรุ๊ป จำกัด โดยมีคุณชาย ปราบเล่งเป็นเจ้าของ ซึ่งสบู่เบนเนท ผลิตและเริ่มจำหน่ายครั้งแรกในปี 2544 ซึ่งแบรนด์ทำการตลาดโดยเน้นจุดขายที่ผู้บริโภคมักให้ความสนใจอย่างคำว่า “สมุนไพรและวิตามิน” ทำให้สบู่ก้อนที่เหมือนจะธรรมดากับมีคุณค่ามากกว่าสบู่ทั่วไปที่มีขายตามท้องตลาด

ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้สบู่เบนเนทโด่งดังและเป็นที่รู้จักนั้นก็คงหนีไม่พ้น “สบู่ก้อนเบนเนท วิตามินซีและอี” ที่บริษัทใช้เปิดตัวแบรนด์และใช้โฆษณาสินค้าเป็นหลัก ซึ่งสามารถพบเห็นได้ตามท้องถนนผ่านสื่อโฆษณาบนรถประจำทาง นับเป็นสินค้าที่มียอดขายดีที่สุดในบริษัท

โดยอ้างอิงจากข้อมูลดัชนีค้าปลีกของ Nielsen ในปี 2565 ที่รวบรวมจากช่องทางต่าง ๆ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายของชำ พบว่าสบู่เบนเนท มียอดขายเป็นอันดับ 1 นาน 8 ปี ในหมวดผลิตภัณฑ์สบู่ก้อน

สำหรับสบู่เบนเนทนั้น ถือเป็นรายแรก ๆ ที่ทำสบู่สมุนไพรออกมาวางจำหน่าย อีกทั้งมีคุณภาพดีจนทำให้เกิดกระแสบนออนไลน์ในรูปแบบผ่านการรีวิว การบอกต่อ จนทำให้สบู่เบนเนทมีฐานลูกค้าที่หลากหลายวัย และถือเป็นการวางฐานสร้างลูกค้าแบบรอยัลตี้ก่อนแบรนด์อื่น ๆ  ที่เข้ามาเป็นคู่แข่งทางการตลาด

หากพูดถึงเรื่องบรรจุภัณฑ์สังเกตได้ว่าแทบไม่มีความแตกต่างจากในอดีต อาจเพราะบริษัทต้องการให้แบรนด์คงเอกลักษณ์ไว้ แต่ทั้งนี้เมื่อมีการส่งออกต่างประเทศทางแบรนด์ได้ประกาศแยกล็อตการผลิตให้แตกต่างกัน โดยถ้าหากเป็นล็อตการผลิตที่ส่งต่างประเทศจะมีสัญลักษณ์ตราฮาลาลด้านหลังกล่อง แต่ถ้าหากเป็นล็อตการผลิตที่จัดจำหน่ายในไทยจะไม่มีตราสัญลักษณ์ฮาลาล

อย่างไรก็ตามทางแบรนด์ก็มี Service Mind ต่อลูกค้ามุสลิมที่ซื้อล็อตจำหน่ายในประเทศ โดยยืนยันว่ายังคงผ่านมาตรฐานฮาลาลเช่นเดิม เพียงแค่แยกกล่องสำหรับสินค้าในประเทศ และต่างประเทศเท่านั้นเอง ซึ่งก็ถือได้ว่ายังคงรักษาฐานลูกค้าได้อย่างเหนียวแน่น

ปัจจุบันหากดูในเรื่องการจัดจำหน่ายสินค้า ทางแบรนด์ได้วางสินค้าแบบกระจายทั่วทั้งประเทศ ตั้งแต่ร้านขายของชำ, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านค้าชั้นนำ, ซูเปอร์มาร์เก็ต, รวมถึงห้างสรรพสินค้า และการจำหน่ายผ่านออนไลน์

โดยจากการสำรวจราคาสบู่เบนเนทในท้องตลาดนั้น จะอยู่ที่เฉลี่ยก้อนละ 52 บาท ซึ่งจากในอดีตที่ผ่านมาอยู่เฉลี่ยที่ก้อนละ 48 บาท เป็นผลมาจากราคาปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจ หากมองในเง่ของราคาก็อาจจะสูงสำหรับบางกลุ่ม และอาจจะไม่แพงกับลูกค้าบางกลุ่ม แต่ด้วยผลลัพธ์ภายหลังการใช้ รวมถึงอายุการใช้ที่นานเกือบ 2 เดือน จึงยังคงเป็นตัวเลือกที่ผู้บริโภคหยิบนำมาใช้ ซึ่งหากคำนวณแล้วก็ตกเฉลี่ยที่เดือนละ 20 บาทนิด ๆ  เท่านั้น

นอกจากเรื่องการจัดจำหน่ายที่มากขึ้น สูตรของสูบ่ก็มีมากขึ้น โดยมีมากถึง 13 สูตร โดยแต่ละสูตรก็มีสรรพคุณที่แตกต่างกัน เพื่อให้ตอบโจทย์การเลือกใช้ของผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นการเพิ่มยอดขาย ต่อยอดจากสมุนไพรที่ลงตัวแบบลงตัว และยังคงภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้เมื่อลองย้อนกลับมาดูผลประกอบการ 5 ปีย้อนหลัง ของ บริษัท พาภิญโญ กรุ๊ป จำกัด พบว่า

ปี 2560 รายได้ 976 ล้านบาท กำไร 51 ล้านบาท

ปี 2561 รายได้ 1,210 ล้านบาท กำไร 56 ล้านบาท

ปี 2562 รายได้ 1,389 ล้านบาท กำไร 79 ล้านบาท

ปี 2563 รายได้ 1,933 ล้านบาท กำไร 83 ล้านบาท

ปี 2564 รายได้ 1,985 ล้านบาท กำไร 120 ล้านบาท

จากผลประกอบการข้างต้น จะเห็นได้ว่าบริษัทมีการเติบโตตลอดเวลาแม้จะขายเพียงแค่สบู่เท่านั้น และถึงแม้จะมีคู่แข่งรายใหม่ หรือรายเก่าที่เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์สบู่ที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรมากขึ้น แต่รายได้ไม่มีตกเลย จึงถือได้ว่าทางแบรนด์มีฐานลูกค้าที่มั่นคงอย่างมาก

ที่มา : เว็บไซต์บริษัท, DBD

เขียนและเรียบเรียง : ศิริวรรณ อรรถสุวรรณ

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #TheBusinessplus #นิตยสารBusinessplus #สบู่#สบู่เบนเนท #เบนเนท