The Success Story of The Month : Empowering Women and Beauty ‘ลภัสรดา เลิศภานุโรจ’ ขับเคลื่อน MASTER สู่ความงามแห่งเอเชีย

The Success Story of The Month By ‘Business Plus ฉบับเดือนกันยายน 2568 จะพาผู้อ่านมาพบกับบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจาก คุณดาว หรือ ลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ถึงความคืบหน้าทางธุรกิจของบริษัทฯ โดยครั้งนี้มี Movements ที่น่าสนใจหลายมิติ ตั้งแต่แผนการขยายธุรกิจ และในยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย ทาง MASTER ใช้วิธีการอะไรในการดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง หรือแม้แต่การสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ของลูกค้า ตลอดจนวิสัยทัศน์ที่อยากเห็น MASTER เป็นอย่างไรในอีก 3 ปีข้างหน้า

แน่นอนว่า บทสัมภาษณ์พิเศษ ตลอด 1 ชั่วโมง Business+ ได้คำตอบจากคุณดาวมาอย่างเจาะลึก และเราเตรียมส่งมอบเนื้อหาพิเศษนี้ไปถึงผู้อ่านของ Business+ ในทุกแพลตฟอร์ม เพื่อให้ทุกคนได้ทราบถึง “เป้าหมาย” ที่ยิ่งใหญ่ของ MASTER

ที่น่าประทับใจยิ่งไปกว่านั้น คือ วิสัยทัศน์ของ MASTER นอกเหนือการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการบริการที่สูงขึ้นในทุก ๆ ปี MASTER ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญทางธุรกิจ ความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภค การให้ความสำคัญสูงสุดในการพัฒนาบุคลากร และวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์อย่างมีชั้นเชิง

ล่าสุด การเพิ่มพันธมิตรจากต่างประเทศ เพื่อยกระดับแบรนด์และบริการของ MASTER ให้เหนือกว่าคู่แข่ง แสดงถึงความกล้าหาญในการแข่งขัน และความมั่นใจในศักยภาพขององค์กร รวมถึงการมองเห็นโอกาสในการขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียที่กำลังเติบโต

ความสามารถในการแข่งขันของ MASTER ภายใต้การนำทัพของคุณดาว ไม่ได้มาจากการลอกเลียนแบบคู่แข่ง แต่เป็นผู้นำระดับต้น ๆ ของภูมิภาคเอเชียที่มาจากการสร้างความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ การบูรณาการระหว่างความเชี่ยวชาญ ความเข้าใจในวัฒนธรรมและความต้องการของคนเอเชีย รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ สร้างเป็นความได้เปรียบเชิงแข่งขันผ่านการบูรณาการแนวตั้งและแนวนอน ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างแบรนด์ การตลาด การให้บริการด้านความงาม ไปจนถึงกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) ทั้ง Cross Border, Cross Selling และ Cross Synergy

ซึ่งที่ผ่านมา MASTER ขยายการลงทุนเข้าไปถือหุ้น สัดส่วน 36 -40% ของบริษัทชั้นนำในวงการศัลยกรรมความงาม และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องจำนวน 13 บริษัท ครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่มกลยุทธ์ทางธุรกิจ ทำให้เป็นแรงสนับสนุนการสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกันของกลุ่มบริษัท และส่งเสริมให้ MASTER ครองมาร์เก็ตแชร์ในตลาดศัลยกรรมความงามและแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น จนทำให้ MASTER สามารถสร้างข้อเสนอคุณค่าที่มีเอกลักษณ์และดึงดูดใจอย่างมีนัยสำคัญ

ถ้าพร้อมแล้ว ไปอ่านเนื้อหาฉบับเต็มได้เลยครับ…

จากคลินิกสู่อาณาจักรโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามระดับมหาชน

อย่างที่ทราบกันดีว่า Masterpiece Hospital ก่อตั้งโดย นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล Group CEO MASTER ซึ่งเริ่มจากการเป็นคลินิกศัลยกรรมในปี 2013 ก่อนจะขยายจากคลินิกสู่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งความงามแบบครบวงจร ในปี 2018 และในช่วงต้นปี 2023 บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER) ได้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง ด้วยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นบริษัทแรกในธุรกิจศัลยกรรมความงามของไทย โดยมีราคา IPO ที่ 46 บาทต่อหุ้น ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญปูทางไปสู่การขยายธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต ซึ่งการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ ได้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่ต้องการยกระดับมาตรฐานวงการศัลยกรรมความงามของไทยให้เทียบเท่าระดับสากลของผู้ก่อตั้ง ซึ่งนายแพทย์ระวีวัฒน์ มีขุนพลคู่กายที่มากความสามารถในขณะนั้นก็คือ คุณดาว หรือ ลภัสรดา เลิศภานุโรจ

ย้อนกลับไปในวันที่ก้าวสู่ตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Vice CEO) ของ MASTER เป้าหมายแรกเริ่มที่คุณดาวตั้งไว้กับตัวเอง คือ การนำพาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเมื่อเดินทางมาถึงจุดนั้น เธอกลับมองว่า นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของการเดินทางที่ยิ่งใหญ่กว่า

“ด้วยเป้าหมายแรก คือ เตรียมนำบริษัทเข้า IPO แต่เมื่อมองภาพใหญ่แล้ว มีภาระหน้าที่ที่ดาวทำได้มากกว่านั้น เพื่อเป้าระยะยาว ต้องเริ่มด้วยอำนาจแห่งการเปลี่ยนแปลง (Authority of Change) สำหรับการพัฒนาและวางรากฐานองค์กรให้มั่นคงยั่งยืน คุณดาวจึงเดินไปหารือกับหมอเส (นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ผู้ก่อตั้ง) และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) อย่างเป็นทางการช่วงต้นปี 2024”

เธอเอ่ยว่า เป้าหมายระยะยาวของมาสเตอร์พีช เปรียบเสมือน การมองยอดเขา Everest เป็นเป้าหมายสูงสุด และการก้าวไปถึงเป้าหมายบนยอดเขา ปัจจัยสำคัญ คือ แต่ละคนในทีมก็ต้องถือถังออกซิเจนได้ด้วยตัวเอง ไม่เป็นภาระซึ่งกันและกัน เพราะการไต่ไปทีละจุด แต่ละเบสแคมป์ มีความท้าทายและไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งการเข้า IPO เป็นเพียงการเริ่มเบสแคมป์แรกเท่านั้น

“สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเบสแคมป์ที่ 2 คือ รพ.มาสเตอร์พีช ขยายห้องผ่าตัดจาก 7 ห้องเป็น 17 ห้อง นอกจากนี้ ยังมีการขยายห้องพักผู้ป่วยใน และลงทุนในบริษัทพาร์ตเนอร์อีก 13 บริษัท โดยผ่านกลยุทธ์ Merger and Partnership (M&P) ได้แก่ การมีพาร์ตเนอร์กระจายตามหัวเมืองต่างจังหวัด (Cross Border) รวมถึงการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น โฆษณา (Cross Synergy) และการสร้างแบรนด์ที่หลากหลาย เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น (Cross Selling)”

ภาพรวมของอุตสาหกรรมศัลยกรรมความงามของเอเชียในปัจจุบัน มีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะในประเทศที่มีประชากรหนาแน่นและมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นอย่าง อินโดนีเซีย ซึ่ง MASTER ปักหมุดเป็นผู้เล่นหลักในภูมิภาคนี้ โดยขยายฐานลูกค้าพร้อมกับสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่แข็งแกร่งให้สำเร็จในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นเป้าหมายของเบสแคมป์ที่ 3

“เรามั่นใจว่า Masterpiece Hospital ไม่ใช่แค่โรงพยาบาลศัลยกรรมความงามที่เป็นที่รู้จักและยอมรับในไทย แต่เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาค โดยเป้าหมายใน 3 ปีข้างหน้าจะปักหมุดหมายสู่การเป็น Regional Company โดยจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 40% ฟังดูเป็นเรื่องท้าทายมาก แต่เราเชื่อว่าทำได้

เหตุผลเพราะ เรากลัดกระดุมเม็ดแรกได้ถูกต้อง ที่ผ่านมาเราวางระบบแพทย์ประจำ และวางระบบพัฒนาคน ปัจจุบัน รพ.มาสเตอร์พีช มีแพทย์ Full-Time 50 ท่าน และเมื่อรวมทั้ง Group MASTER ตอนนี้มี 142 ท่าน ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าพบแพทย์ได้ตลอด 7 วันทำการ เพราะเรามองว่า ‘ความสวยรอไม่ได้’”

นอกจากนี้ MASTER เน้นการพัฒนาศาสตร์แห่งการเข้าใจคน จากการคัดเลือกบุคลากรเข้าทำงาน และแม้จะร่วมทำงานแล้วก็ต้องเข้าใจธรรมชาติ จุดเด่น และจุดที่ต้องพัฒนาได้ ด้วยการใช้เครื่องมือระดับโลกมากมาย เช่น แบบทดสอบเข้าใจบุคลิกภาพของตัวเองและผู้อื่น (MBTI), นพลักษณ์ หรือศาสตร์เกี่ยวกับการเข้าใจผู้คนและบุคลิกภาพ (Enneagram), แบบทดสอบที่สร้างขึ้นเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมและบุคลิกภาพของมนุษย์ (DISC) และ เครื่องมือประเมินบุคคล ค้นพบและพัฒนาพรสวรรค์ของตนเองให้เป็นจุดแข็งที่ยั่งยืน (Strengths Finder) เพื่อพัฒนาแต่ละคนในการเพิ่มคุณค่าแก่บุคลากรขององค์กร (Value Member)

“ผู้นำหญิง” ในธุรกิจความงาม

บทบาทของผู้หญิงในโลกธุรกิจมักจะต้องเผชิญกับการพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก สำหรับคุณดาวมองภาพในมายด์เซตอีกแบบ คือ บทบาทของผู้นำสตรีในยุคใหม่ คือสิ่งที่ “ท้าทาย” เพราะสไตล์ของ MASTER คือ มองทุกเรื่องเป็นสิ่งที่เราทำอะไรได้อีก ทำอะไรได้บ้าง ทำอะไรได้อีก…บ้าง และนี่คือจุดที่พัฒนาได้ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นอุปสรรค

ยุคนี้เป็นยุคของผู้นำหญิงอย่างแท้จริง เพราะผู้หญิงมีจุดแข็งในการบริหารจัดการที่ละเอียดอ่อน เข้าถึงความต้องการของลูกค้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการนำพาธุรกิจความงามให้เติบโตอย่างยั่งยืน ในวันนี้เธอกลับไม่ได้รู้สึกหรือมองว่าว่า ต้องพิสูจน์ตัวเองกับใคร แต่ทุกอย่างคือสิ่งที่ทำเพื่อให้เป็นตัวเองที่เก่งกว่า ดีกว่า เพราะความรับผิดชอบและหน้าที่ มาจากการเป็นผู้นำโดยเนื้อแท้ (ที่พัฒนาได้) เพราะ ผู้นำ คือภาวะ…ไม่ใช่ตำแหน่ง

แต่หากจะกล่าวถึงคุณสมบัติสำคัญของ “ผู้บริหารหญิง” ที่นำพาองค์กรในอุตสาหกรรมความงาม ท่ามกลางการแข่งขันสูงให้เติบโตอย่างยั่งยืน คุณดาวเผยว่า สำหรับเธอแล้วมี 4 ประการ ที่ขาดไม่ได้เลย นั่นคือ ความซื่อสัตย์ (Integrity), เจตนารมณ์ที่ดี (Intention), ความสามารถ (Capability) และผลลัพธ์ (Result)

เธอเอ่ยว่า คุณสมบัติเหล่านี้คือ รากฐานสำคัญที่ช่วยให้ผู้นำสามารถสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากผู้คนได้ เพื่อร่วมนำองค์กรก้าวหน้าสู่การเติบโตต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน

นอกจากนั้น วัฒนธรรมองค์กร (Culture) ของ MASTER เปรียบการเป็นผู้นำที่กล้าเปิดเผยความล้มเหลว คือหนทางสู่การเติบโต โดยเธอได้ยกตัวอย่าง “ความเจ็บปวด” ที่เคยประสบด้วยตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เข้ามาทำงานที่ Masterpiece Hospital เธอต้องเผชิญกับคำสบประมาทหลายอย่าง เช่น “ไม่ใช่แพทย์ จะเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลได้อย่างไร” หรือแม้แต่ถูกตั้งคำถามถึงความรู้ความสามารถในการพาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในฐานะบุคคลภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาทำหน้าที่ (Outsource) รวมถึงข่าวลือต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่เธอย้ายจากองค์กรเดิมมาสู่ บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER)

ทว่า เธอได้เรียนรู้และยึดมั่นในหลักการที่ว่า “เมื่อไหร่ก็ตามที่เราฟังข่าวลือ เท่ากับเราทำลายตัวเอง ข่าวลือเป็นเพียงข้อมูลข่าวสาร ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเลือกรับฟังและให้ความสำคัญหรือไม่ สำหรับดาวแล้ว กลับไปโฟกัส มุ่งมั่นสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ โดยไม่นำเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นมาทำลายตัวเอง”

ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า “คน”

ด้านการบริหารธุรกิจ คุณดาวกล่าวว่า ในฐานะ CEO เธอให้ความสำคัญกับ “คน” เป็นอันดับแรก เพราะไม่ได้มองเพียงแค่พนักงาน แต่มองเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร เธอเชื่อว่า “เราต้องลงทุนเรื่องคน” ซึ่งการลงทุนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องค่าตอบแทน แต่หมายถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง โดยปลูกฝังให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายเดียวกัน

“เราเรียกตัวเองว่า Professional Sport Team และจุดแข็งที่ทำให้ บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ ก้าวมาถึงจุดนี้ คือ การให้ความสำคัญกับ ‘คน’ ตั้งแต่การคัดเลือกบุคลากรเข้าทำงาน ยกตัวอย่างเช่น ทีมแพทย์ ซึ่งในแวดวงธุรกิจเสริมความงามมีการแข่งขันสูง ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘บุคลากรแพทย์เฉพาะทาง’ ถือเป็นทรัพยากรล้ำค่าของธุรกิจนี้ ซึ่งการรักษาบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นอีก ‘ความท้าทาย’ ที่ต้องรับมือ และ MASTER สามารถแก้โจทย์นี้ด้วยการสร้างระบบแพทย์ที่แข็งแกร่ง ตรงตามนโยบายของ Masterpiece Hospital ที่มีแนวทางที่แตกต่าง โดยเราจะคัดเลือกแพทย์เฉพาะทาง เพื่อนำมาต่อยอดพัฒนาฝีมือแพทย์ด้วยเทคนิคการผ่าตัดของ Masterpiece Hospital พร้อมนำวัฒนธรรมองค์กร (Culture) มาประยุกต์ใช้ไปด้วยพร้อมกัน”

คุณดาวเปรียบเปรยว่า แพทย์ของ Masterpiece Hospital เสมือน “จิตรกร” ผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในแบบ Masterpiece Hospital ตามสโลแกน “Be a Better You” – “เป็นคุณในเวอร์ชันที่ดีกว่า”

กลยุทธ์ MTP หัวใจสำคัญของวัฒนธรรมองค์กร

เมื่อพูดถึงแนวทางการบริหารที่ทันสมัย ทรงพลัง และยั่งยืน ในสไตล์ MASTER คุณดาวสะท้อนมุมมองทันทีว่า จะเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มจากการสร้าง “วัฒนธรรมองค์กร (Culture)” เพราะเชื่อมั่นว่า การปลูกฝังให้พนักงานทำงานเสมือนเป็นเจ้าของเอง คือ หัวใจสำคัญของวัฒนธรรมองค์กร เราเรียกกันว่า ความรับผิดชอบ (Accountability)

การสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบฉบับ MASTER ไม่ได้อยู่แค่การสร้างกฎระเบียบ แต่คือ การสร้างหลักการบริหารองค์กรและค่านิยมที่ทุกคนยึดถือร่วมกัน คุณดาวเล่าว่า วัฒนธรรมองค์กรของ MASTER มีปรัชญา 83 ข้อ เพื่อสร้างความสำเร็จ (Masterpiece Philosophy) ยกตัวอย่างเช่น ค่านิยมหลักขององค์กร (Core Values) ด้วยตัวย่อ MTP ที่ย่อมาจาก

M : Move Fast แทนสัญลักษณ์ด้วย ‘ผีเสื้อ’

ผีเสื้อ คือสัญลักษณ์สื่อถึงความคล่องตัว และการพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผีเสื้อมีวงจรชีวิตที่สั้นและเปลี่ยนแปลงฉับไว เช่นเดียวกับ MASTER ที่ต้องการให้บุคลากรทุกคนพร้อมปรับตัวเพื่อก้าวทันต่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมความงามที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

T : Trust and Teamwork แทนสัญลักษณ์ด้วย ‘ห่านไซบีเรีย’

ห่านไซบีเรีย เป็นตัวแทนของความไว้ใจและการทำงานเป็นทีม ผู้นำขององค์กรเชื่อว่า การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพไม่ควรยึดติดกับ “Job Description” หรือหน้าที่ที่ตายตัว แต่ทุกคนควรมีจิตวิญญาณความเป็นเจ้าของ และสามารถทำงานแทนกันได้เมื่อจำเป็น เช่นเดียวกับฝูงห่านไซบีเรียที่บินเป็นรูปตัว V โดยเมื่อผู้นำทีมเริ่มอ่อนล้า ลูกทีมจะผลัดเปลี่ยนมาเป็นผู้นำฝูงได้ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน โดยไม่มีใครเป็นภาระของทีม

P : Passion for Excellence แทนสัญลักษณ์ด้วย ‘มด’

มด เป็นสัญลักษณ์ของความขยันหมั่นเพียร รู้หน้าที่ และมีวินัยในตนเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ MASTER ปลูกฝังให้พนักงานทุกคนส่งมอบผลลัพธ์ที่ดีเกินความคาดหวัง ตรงต่อเวลา รักษาคำมั่นสัญญา เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุดและมุ่งสู่ความเป็นเลิศในทุกด้าน

นอกจากการปลูกฝังหลักคิดดังกล่าวแล้ว MASTER ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่พนักงานทั่วไป แต่ยังรวมถึงทีมแพทย์ทุกคน โดยมีการจัดอบรม Soft Skill และใช้กระบวนการโค้ช (Coaching) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความสามารถของบุคลากรให้เติบโตไปพร้อมกับองค์กร

อย่างไรก็ดี เธอย้ำว่า อีกสิ่งสำคัญที่ต้องผลักดันควบคู่ไปด้วย คือ การสื่อสาร Core Value ขององค์กรเหล่านี้ ให้ทุกคนเข้าใจได้ง่ายและปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน

เติบโตด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่างและแข็งแกร่ง

“MASTER แตกต่างและแข็งแกร่งด้วยความเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามในฐานะผู้นำระดับต้นของภูมิภาค” ประโยคนี้สะท้อนถึงมายด์เซตเพื่อมุ่งหวังยกระดับวงการความงามตามมาตรฐานสากล ซึ่งโจทย์สำคัญทำให้ MASTER เดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นคือ การสร้างแบรนด์ ‘Masterpiece Hospital’ ตอกย้ำภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ ทั้งจากลูกค้าในไทยและต่างประเทศ

คุณดาวเผยว่า MASTER เลือกโฟกัสด้านกลยุทธ์เน้นสร้างความน่าเชื่อถือในระยะยาว ไม่ใช่แค่การทำการตลาดระยะสั้น ซึ่งตลอดระยะเวลาการให้บริการของ Masterpiece Hospital ให้ความสำคัญกับการเปิดประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาใช้บริการ จนถึงการดูแลหลังการผ่าตัดอย่างใกล้ชิด รวมถึงการใช้ช่องทางดิจิทัลและอินฟลูเอนเซอร์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ และสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานระดับสากล

อีกด้านคือ การให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมีการลงทุนในการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา คุณดาวเชื่อว่า ความพึงพอใจของลูกค้าอยู่ที่ความเชื่อมั่นที่มีเต็มเปี่ยม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า Masterpiece Hospital ส่งมอบการให้บริการแก่ลูกค้าทุกระดับ ด้วยความปลอดภัยตามมาตรฐานโรงพยาบาล

สู่เป้าหมาย Regional Aesthetic Company พร้อม CODE Name ที่ว่า “883”

ในอนาคต MASTER มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เพื่อขยายจากธุรกิจความงามในประเทศ สู่การเป็น Regional Aesthetic Company ภายใน 3 ปี โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนผ่านตัวเลข “883” ซึ่งหมายถึง 8 = รายได้รวมบริษัททั้งเครือ 8,000 ล้านบาท, 8 = กำไรที่เข้า MASTER 800 ล้านบาท, และ 3 = ขยายธุรกิจสู่พาร์ตเนอร์ 3 ดีล

โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติเป็น 40% กลยุทธ์หลักคือ การลงทุนในบริษัทอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจความงามอีก 13 แห่ง รวมถึงการใช้กลยุทธ์ Cross-synergy Cross-border และ Cross-selling เพื่อเจาะตลาดต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีศักยภาพสูง เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะ “อินโดนีเซีย” ซึ่งตั้งเป้าให้เป็นประเทศเป้าหมายหลักแห่งใหม่ ด้วยศักยภาพของตลาดที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 100% ต่อปี โดยมีจำนวนประชากรมากกว่าไทยถึง 3 เท่า และมี GDP ที่สูงกว่า

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีความได้เปรียบด้านระยะเวลาการเดินทางที่สั้นกว่า เมื่อเทียบกับการเดินทางไปใช้บริการที่ประเทศเกาหลีใต้ และนั่นจะส่งผลให้ MASTER สามารถดึงดูดลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงจากกลุ่มดังกล่าวได้เป็นอย่างดี โดย MASTER ใช้กลยุทธ์สร้างเครือข่ายพาร์ตเนอร์และเอเจนซีชั้นนำ รวมถึงการร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์ระดับสูงเพื่อขยายฐานลูกค้าดังกล่าวต่อไป

บริหารความเสี่ยงด้วยความเชื่อมั่นและวัฒนธรรมองค์กร

คุณดาวเผยว่า การบริหารความเสี่ยงในธุรกิจความงามนั้น มีทั้งเรื่องของแพทย์และบุคลากร ซึ่ง Masterpiece Hospital มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะด้านความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงด้านชื่อเสียงที่สำคัญ

เมื่อพูดถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมความงาม คุณดาวมองว่า ความยากที่สุด คือ การรักษาอันดับต้นไว้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีหลายองค์ประกอบ ทั้งระบบงาน ผลประกอบการ และที่สำคัญที่สุด คือ “คน” เธอเชื่อมั่นในการเป็น “ต้นแบบ” (Role Model) หรือผู้นำที่เป็นแบบอย่างให้กับทีมงานเสมอ

โดยเธอจะสแกนนิ้วเข้า-ออกงานทุกวัน และทดลองใช้เครื่องมือทุกอย่างด้วยตัวเองก่อน เพื่อให้ลูกน้องเห็นเป็นตัวอย่างและทำตามโดยอัตโนมัติ คุณดาวเปรียบเทียบแนวคิดดังกล่าวกับ 1 ในหลักปรัชญาของ MASTER นั่นคือ “ซู-ฮา-ริ (SHU-HA-RI)” ที่พนักงานใหม่ต้องเริ่มต้นจากการทำตามกฎ (SHU) ก่อนจะสามารถปรับเปลี่ยน (HA) และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ (RI) ได้ในที่สุด การที่เธอแสดงให้เห็นถึงความเป็นเจ้าของในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บขยะหรือการดูแลลูกค้า ทำให้พนักงานซึมซับและกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรโดยไม่ต้องออกคำสั่ง

คุณดาวกล่าวต่อว่า ธุรกิจความงามยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก แม้เผชิญภาวะเศรษฐกิจผันผวน เนื่องจากเป็นสินค้าและบริการในหมวด “Lifestyle” และมีลักษณะเป็นไปตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม เธอเห็นสัญญาณที่ดีจากลูกค้าที่มีอัตราการกลับมาใช้บริการซ้ำตามบริเวณอื่น ๆ ของร่างกายสูงขึ้นเป็น 15% ซึ่งถือเป็นความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ที่ลูกค้ามีความรู้สึกผูกพันทางอารมณ์และเชื่อมั่นในแบรนด์

Masterpiece Hospital มีเป้าหมายขึ้นแท่นเบอร์ 1 ในระดับภูมิภาคเอเชีย ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งและแนวคิดการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เปรียบเหมือนต้นไผ่ที่พร้อมจะแตกหน่อเมื่อถึงเวลา

“สำหรับ MASTER บริหารความเสี่ยงด้านชื่อเสียง (Regulatory Reputational) และความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ (Trust) ด้วยการยึดมั่นในมาตรฐานระดับสูงสุดของโรงพยาบาล ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ พร้อมทั้งสื่อสารข้อมูลที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างทันท่วงที”

MASTER ตอบแทนสังคม

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจความงาม ในทัศนคติแม่ทัพหญิงแห่ง MASTER มองถึงการเติบโตที่ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ตัวเลขทางการเงิน แต่เป็นการเติบโตไปพร้อมกับการสร้างคุณค่าให้กับผู้คนและสังคม เธอมองว่า ธุรกิจนี้คือการสร้าง “ความสุข” และ “ความมั่นใจ” ให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่าการแสวงหากำไรในระยะสั้น โดยคุณดาวสรุปวิสัยทัศน์ที่ต้องการส่งต่อ คือ มีความฝันอยากให้ MASTER เป็นแบบอย่างขององค์กรที่เติบโตด้วยความมีคุณภาพ ที่ “ไม่ใช่แค่เพียงการเติบโตทางธุรกิจ แต่เป็นการเติบโตที่มาพร้อมกับการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับสังคม”

อีกทั้งเธอยังต้องการเป็นต้นแบบให้คนรุ่นใหม่เห็นว่า ความสำเร็จไม่ได้วัดกันตรงตำแหน่งหน้าที่การงานหรือวุฒิการศึกษา แต่วัดกันที่มีคุณสมบัติอย่างความซื่อสัตย์ (Integrity) มีวินัยสม่ำเสมอ (Discipline) และการทำงานเชิงรุก (Proactive) และอีกหลากหลายเครื่องมือที่ทีมงาน MASTER ใช้เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในทุกตำแหน่งหน้าที่

MASTER ในยุค (มหาชน) ภายใต้การนำของแม่ทัพหญิง ‘ดาว-ลภัสรดา’ ไม่เพียงแต่เป็นแบบอย่างของการทำงานอย่างครบมิติรอบด้าน แต่ยังเป็นแบบอย่างของการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับทีมงาน ลูกค้า ผู้ถือหุ้น และสังคม ก้าวไปอย่างมีพลังสติปัญญา และเครื่องมือซอฟต์สกิลระดับโลกที่แตกต่าง เพื่อสร้างความยั่งยืนจากภายในองค์กร ก่อนออกไปคว้าชัยตามภาพเป้าหมายสู่เบสแคมป์ถัดไปบนยอดเขาเอเวอเรสต์ในอนาคต

รพ.มาสเตอร์พีชในวันนี้ ส่งพลังบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในทุกธุรกิจ คิด ทำ และบริหารจัดการอย่างแตกต่างได้ไม่น้อย

 

เขียนและเรียบเรียง : ยุพาพร คุณานันท์

ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+  : https://lin.ee/pbIHCuS

IG  : https://www.instagram.com/businessplus.th/

Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829

#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business