เปิดอาณาจักร Tencent เบื้องหลัง ความน่ากลัว ของ BIG TECH จีน

การลงโทษขั้นรุนแรงในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีน จนทำให้บริษัทอย่าง Tencent ซึ่งถือเป็นหุ้นขวัญใจมหาชนตลอดหลายปีที่ผ่านมา กลายเป็นหุ้นยักษ์ใหญ่ที่เจ็บปวดมากที่สุดในเดือนนี้ โดยในวันพุธที่ผ่านมาวันเดียวหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลง 23% และนั้นทำให้เดือนนี้ทั้งเดือนมูลค่าบริษัทหายไปแล้วกว่า 170,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5 ล้านล้านบาท

ความเสียหายครั้งนี้ก็อย่างที่เรารู้กันว่าเกิดจากการที่รัฐบาลของประเทศจีนเดินหน้าปราบปรามกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความกังวลหลากหลายประเด็น แต่ประเด็นที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่มากที่สุดก็คือ ความมั่นคงทางไซเบอร์ และนั้นก็ทำให้ Tencent ซึ่งถือเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกไปแล้วในวันนี้ก็เข้ามาอยู่ในข่ายนี้ด้วยอย่างไม่มีข้อยกเว้นแต่อย่างใด

Tencent นั้นนอกจากจะถือเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่มีข้อมูลของผู้ใช้ในมือจำนวนมหาศาลแล้ว พวกเขายังเข้าข่ายการผูกขาดด้วยจากการที่ทาง Tencent Music แอปพลิเคชันฟังเพลงเบอร์ 1 ของจีนก็ถูกปรับเรื่องผูกขาดลิขสิทธิ์ธุรกิจเพลงจากทางรัฐบาลจีน

โดยพอแอดมินเจาะเข้าไปดูข้อมูลของ Tencent พบว่า พวกเขาก่อตั้งมาในปี 1998 ที่หมู่เกาะเคย์แมน!! ถ้าใครจำบทความก่อนหน้านี้เรื่อง “เบื้องหลัง จีน ปราบ ธุรกิจเทคโนโลยี ปรับโครงสร้าง BIG TECH ครั้งนี้ เพื่อเตรียมกระโดดครั้งใหญ่” ที่เพิ่งเขียนไปไม่นานได้ จะมีประเด็นเรื่องของการที่บริษัทสตาร์ทอัพ ส่วนใหญ่ในจีนชอบไปตั้ง บริษัทในลักษณะที่เรียกว่า Variable Interest Entity (VIE : เป็นโครงสร้างบริษัทแบบถูกกฎหมายที่นักลงทุนควบคุมผลประโยชน์ แม้ไม่มีสิทธิโหวตในเสียงส่วนใหญ่) ที่หมู่เกาะเคย์แมน (Cayman Islands)

นั้นทำให้ Tencent ก็กลายเป็นอีกบริษัทที่มีโอกาสสร้างความเสี่ยงด้าน ความมั่นคงทางไซเบอร์ ให้กับภาครัฐของจีนต้องกังวล (เพราะข้อมูลอาจหลุดไปอยู่ในมือของต่างชาติได้ผ่านบริษัทเหล่านี้) รวมไปถึงการที่พวกเขาสามารถระดมทุนหาเงินจากต่างประเทศได้ เพื่อนำเงินเหล่านั้นกลับมาลงทุนในประเทศจีน เพื่อสูบความมั่งคั่งออกไปจากประเทศ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลอะไรที่จีนจะกังวลต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีมากขนาดนี้ เพราะพวกเขาชอบทำอะไรหลุดออกจากการควบคุมไปพอสมควร

10 บริษัทที่ มูลค่าตลาด ลดลงมากที่สุดใน เดือนกรกฎาคม 2021

1.Tencent———170,000——-ล้านดอลลาร์สหรัฐ
2.Alibaba Group—-103,900—-ล้านดอลลาร์สหรัฐ
3.Meituan——-87,900—–ล้านดอลลาร์สหรัฐ
4.Pinduoduo—59,500—–ล้านดอลลาร์สหรัฐ
5.Moutai——49,000—–ล้านดอลลาร์สหรัฐ
6.Kuaisshou Technology—-49,000—ล้านดอลลาร์สหรัฐ
7.Wuliangye Yibin——30,300—-ล้านดอลลาร์สหรัฐ
8.Ping An——-29,200—-ล้านดอลลาร์สหรัฐ
9. KE Holdings Inc—-27,900–ล้านดอลลาร์สหรัฐ
10. Prosus NV—-26,500—ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Tencent ใหญ่แค่ไหน?

ปัจจุบัน Tencent ถือเป็นหนึ่งใน 2 บริษัทจากจีนที่ติดอันดับ Top 10 ของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2021 อยู่ที่ 773,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหากแยก Tencent ออกมาในฐานะบริษัทอินเตอร์เน็ตเท่านั้นพวกเขาจัดอยู่อันดับที่ 5 ของโลกในแง่มูลค่าตลาดที่ 461,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ด้านรายได้ของบริษัทตั้งปี 2017-2020 เติบโตตลอดเวลา

ปี———————–รายได้

2017——————21,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
2018——————45,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
2019——————54,080 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
2020——————73,880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

หากขยับเข้ามาดูในอาเซียนพวกเขาถือเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในตอนนี้ที่ 240,930 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหากวัดกันแค่ในจีนพวกเขาคือเบอร์ 2 รองจาก Alibaba ด้วยมูลค่าตลาด 509,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (นับเฉพาะบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น) คราวนี้เรามาแยกย่อยดูแต่ละกลุ่มธุรกิจกันว่าจากรายได้รวมกว่า 482,060 ล้านหยวน (กำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ที่ 221,530 ล้านหยวน) กลุ่มไหนทำรายได้กันไปเท่าไร

รายได้ Tencent ในปี 2021 แบ่งตามธุรกิจ

1.กลุ่มบริการมูลค่าเพิ่ม (Value-added services) ————-264,210 ล้านหยวน
2.กลุ่มธุรกิจบริการและฟินเทค (FinTech and business services) —128,090 ล้านหยวน
3.โฆษณาออนไลน์ (Online advertising) ———82,270 ล้านหยวน
4.อื่น ๆ —- 7,500 ล้านหยวน

จะเห็นว่าจุดแข็งของธุรกิจ Tencent คือบริการที่สร้างมูลค่าเพิ่ม พูดให้เข้าใจง่ายก็คือการยกระดับการบริการให้ดีขึ้นกว่าที่มีอยู่เพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้าแบบที่คนอื่นมอบให้ไม่ได้

คราวนี้ขยับมาดู แอพพิเคชั่น WeChat กันบ้าง จากการสำรวจพบว่าพวกเขาถือเป็น Social Media ยอดฮิตที่ได้รับความนิยมจากคนจีนและคนทั่วโลก โดยปัจจุบันมีคนใช้มากถึง 1,225 ล้านบัญชี อยู่อันดับที่ 6 ของโลก และจากการสำรวจในเดือนเมษายน 2021 พบว่า WeChat มี Monthly active users สูงถึง 2,000 ล้านบัญชี ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 1 ของโลก

คราวนี้มาดูลึกลงไปอีกสักหน่อยในเรื่องของ WeChat mini-programs (เครื่องมือหรือบริการย่อยของ WeChat) ยอดนิยมซึ่งมีอยู่ 10 ตัวที่น่าสนใจ มาดูกันว่ายอดการเข้าใช้กี่บัญชีใน 1 เดือนของแต่ละโปรแกรม

โปรแกรม——————–ยอดบัญชีใช้งานต่อเดือน

บริการรายวัน—————-733 ล้าน
การช้อปปิ้งผ่านมือถือ——539 ล้าน
เครื่องมือต่าง ๆ————–455 ล้าน
บริการขนส่ง—————–407 ล้าน
วิดีโอมือถือ——————382 ล้าน
ธุรกิจ————————–313 ล้าน
เกมมือถือ———————244 ล้าน
บริการท่องเที่ยว————- 220 ล้าน
การเงิน————————210 ล้าน
ถ่ายรูปและตัดแต่งภาพ——178 ล้าน

เราจะเห็นว่าตัวเลขแยกของแต่ละโปรแกรมสอดคล้องไปกับ Monthly active users ที่ 2,000 ล้านบัญชี คราวนี้เรามาดูในกลุ่มเกมกันบ้าง Tencent ถือเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีรายได้จากเกมมากที่สุดในโลก ตัวเลขไตรมาส 4 ของปี 2020 อยู่ที่ 6,733 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าตำนานบริษัทผู้พัฒนาเครื่องเล่นเกมจากญี่ปุ่นอย่าง Sony ซะอีก

โดยเกมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากซึ่งคนไทยจำนวนมากก็เล่นกันคือ PUBG ยอดดาวน์โหลดสูงถึง 223 ล้านครั้ง สูงกว่าอันดับ 2 อย่าง Honor of Kings ที่ราว ๆ 24 ล้านดาวน์โหลด ซึ่งเท่ากับมากกว่า 8 เท่า (ซึ่งนี้ก็เป็นเกมของ Tencent เช่นกัน) ขณะที่รายได้จากเกม PUBG พวกเขาทำได้มากถึง 1,752 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเบอร์ 2 อย่าง Honor of Kings แม้ยอดดาวน์โหลดจะน้อยกว่ามากแต่ความสามารถในการสร้างรายได้กับสูงจนน่าตกใจอยู่ที่ 1,481 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว (รายได้รวมจากเกมของบริษัทในปี 2020 อยู่ที่ 156,100 ล้านหยวน)

ขณะที่ Tencent มองธุรกิจเกมว่ามีอนาคตที่สดใสรออยู่ในอนาคตอย่างแน่นอน โดยดูได้จากตัวเลขการลงทุนในบริษัทเกมทั่วโลกของพวกเขา (เท่าที่จะสามารถหาได้) พบว่า ในปี 2020 ตัวเลขการลงทุนของพวกเขาสูงกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบริษัทที่พวกเขาให้เงินทุนมากที่สุดคือ Supercell ได้ไปกว่า 8,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Tencent ถือหุ้นอยู่ที่ 84.30%

และก็อย่างที่รู้กัน Tencent คือบริษัทเทคโนโลยี เพราะนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับพวกเขาที่จะใช้ในการแข่งขัน โดยในปี 2020 บริษัทใช้เงินไปกับการวิจัยและพัฒนาสูงถึง 38,970 ล้านหยวน และหากย้อนกลับดูตัวเลขนี้ในปี 2016 จะพบว่าเติบโตมากกว่า 200% นั้นหมายความว่าพวกเขาให้ความสำคัญด้านนวัตกรรมเป็นอย่างมาก และนั้นทำให้ปัจจุบันพวกเขามีสิทธิบัตรรวมจากธุรกิจและบริษัทในเครือมากกว่า 5,200 สิทธิบัตร และหากย้อนไปดูเมื่อปี 2010 พวกเขายังมีไม่ถึง 1,000 สิทธิบัตรเลยด้วยซ้ำ นี่คือการเติบโตแบบน่าตกตะลึง และจากข้อมูลในปี 2020 ณ สิ้นเดือน พฤศจิกายน ตอนนี้พวกเขาเป็นเจ้าของสิทธิบัตรด้าน Data Security มากกว่า 2,800 รายการ และ Machine learning และ Artificial intelligence (AI) อีกกว่า 4,300 รายการ

อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม รัฐบาลจีน ถึงกลัวกับความใหญ่โตของบริษัทเทคโนโลยีนัก เพราะนี่แค่ Tencent บริษัทเดียวอาณาจักรยังใหญ่โตขนาดนี้ แล้วคุณลองนึกภาพให้ปล่อยให้ทุกบริษัทเทคโนโลยีขนาดนี้หมด พวกเขาใช่จะจับมือกันสร้างอำนาจที่อยู่เหนือรัฐบาลจะควบคุมรึเปล่า?

เพราะฉะนั้นนี่คือการตัดไฟแต่ต้นลม ไม่เปิดโอกาสให้พวกเขามีอิทธิพลมากเกินประเทศและรัฐบาล จนแทนที่จะสร้างประโยชน์ให้สังคมกลายเป็นไปเอารัดเอาเปรียบสังคมแทน

เพราะจีนมีบทเรียนจาก สหรัฐ อยู่แล้ว ที่บริษัทใหญ่เกินจนมีอิทธิพลเหนือรัฐบาล!!

เขียนและเรียบเรียง : เอกพล มงคลพัฒนกุล

ข้อมูล : ฺBloomberg, LexisNexis PatentSight, Tencent, PC Gamer, AppMagic,
Newzoo

ติดตาม Business+ ได้ที่ thebusinessplus.com
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHC

#businessplus #Tencent #technology #game #จีน #ข้อมูล #ความมั่นคง #DataSecurity