เทรนด์รักสุขภาพกำลังมาผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดเครื่องดื่ม จึงหันมาให้ความสนใจพัฒนาเครื่องดื่มสุขภาพมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่หันมาดูแลสุขภาพ
แต่…
โคคา-โคลา หรือ โค้ก กลับสวนกระแสเทรนด์รักสุขภาพ เตรียมผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำ เจาะตลาดญี่ปุ่น เนื่องจาก ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหารรสชาติใหม่มากที่สุด และที่สำคัญตลาดเครื่องดื่มในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีมูลค่ามหาศาล
ทำไมต้องเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำ
ปัจจุบัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำ หรือที่เรียกว่า เหล้าหวานญี่ปุ่นผสมโซดา รสผลไม้ ญี่ปุ่น chu-hi กำลังได้รับความนิยมและมีการเติบโตมากในประเทศญี่ปุ่น เพราะเคร่ื่องดื่มประเภทนี้ถูกวางให้เป็นทางเลือกใหม่ในตลาดเบียร์ โดยเฉพาะผู้หญิง ที่มองหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มง่าย และหาซื้อได้สะดวก
ส่วนผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลุ่ม chu-hi คือ Kirin และ Suntory ที่ทำตลาดมาก่อนแล้ว โคคา-โคลา หรือ โค้ก จึงโดดเข้ามาทดลองเป็นผู้เล่นรายใหม่ในตลาดนี้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา โคคา-โคลา หรือ โค้ก ไม่เคยทดลองทำตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำมาก่อน การทดลองตลาดครั้งนี้จะเปิดโอกาสที่ดีให้ โคคา-โคลา ขยายธุรกิจออกไปจากธุรกิจเครื่องดื่มอัดลม ที่เป็นธุรกิจหลัก ซึ่งคาดว่าโคคา-โคลา จะมุ่งไปที่ตลาด premium segmen เดียวกับตลาดคราฟต์เบียร์สำหรับผู้ใหญ่
สำหรับเครื่องดื่มใหม่ของ โคคา-โคลา จะวางเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ในรูปแบบกระป๋อง ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ขั้นระหว่าง 3 – 8% เท่านั้น
ความจริงแล้ว นี้ไม่ใช่การทดลองตลาดครั้งแรกของ โคคา-โคลา ที่ผ่านมา โคคา-โคลา เคยผลิตเครื่องดื่มรสชาติแปลกเพื่อทดลองรสชาติและรสนิยมของประชาชนในบางประเทศ เช่น
Beverly
ปี 1969 โคคา-โคลา เปิดตัวไวน์อิตาเลียนที่ช่วยให้เจริญอาหาร (apertif) ชื่อ Beverly เลิกผลิตไปในปี 2009
New Coke
ปี 1985 โคคา-โคลา ตัดสินใจเลิกใช้สูตรคลาสสิกเพื่อผลิตเป็นโค้กรุ่นใหม่ที่หวานกว่า และสดใหม่กว่าเพื่อแข่งขันกับ Pepsi ด้วยการทดสอบรสชาติแบบปิดตา (blind taste test) พบว่ากลุ่มตัวอย่างนิยมโค้กสูตรใหม่มากกว่าเมื่อเทียบกับสูตรเดิม แต่หลังจากนั้น 3 เดือน โคคา-โคลา ประกาศเปลี่ยนใจกลับมาใช้สูตรคลาสสิกเหมือนเดิม
OK Soda
ปี 1993 โคคา-โคลา ออกเครื่องดื่ม OK Soda เพื่อเอาใจผู้บริโภควัยรุ่น Generation X ด้วยการออกแบบกระป๋องโซดาด้วยรูปประกอบแบบดิบ ๆ กับแคมเปญโฆษณาที่ว่า Generation X นั้นไม่เหมือนใคร พร้อมสโลแกน “Things are going to be ok” หรือ เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีเอง เลิกผลิตในปี 1995
Coca-Cola Blak
ปี 2006 โคคา-โคลา เปิดตัวเครื่องดื่มกาแฟอัดลม Coca-Cola Blak เพื่อเจาะตลาดกาแฟระดับพรีเมียม แต่หลังจากนั้นเพียง 1 ปีหลัง Coca-Cola Blak ก็หยุดผลิต
Coca-Cola Plus
โคคา-โคลา ใช้เวลาในการวิจัยและพัฒนานานนับ 10 ปี เปิดตัวสินค้าอัดลมรุ่นแรก (บางทีก็เป็นขิง Coca-Cola Ginger บางทีก็เป็นใยอาหารที่อยู่ใน Coca-Cola Plus) ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอาหารญี่ปุ่น FOSHU ทั้งในฐานะเครื่องดื่มไร้แคลอรี และไม่มีน้ำตาล แถมยังมีเส้นใยที่ช่วยระงับการดูดซึมไขมันและช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วย ซึ่งสินค้านี้ยังไปได้ดีในตลาดญี่ปุ่น
หวังว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สินค้าตัวใหม่จะช่วยทำให้ โคคา-โคลา กลายเป็นผู้เล่นในตลาดนี้ได้สำเร็จแต่จะมาน้อยแค่ไหนคงต้องรอดูกันต่อไป
ที่มา money.cnn.com,bbc.com และ fortune.com