เทียบผลงาน 2 ผู้ผลิตขนมเวเฟอร์ในตำนาน ‘ปักกิ่ง’ – ‘เซียงไฮ’

เมื่อนึกถึงขนมเวเฟอร์เคลือบช็อกโกแลตที่สุดแสนจะคลาสสิกที่วางจำหน่ายอยู่ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ชื่อของ ‘ปักกิ่ง’ และ ‘เซียงไฮ’ มักจะถูกนึกถึงอยู่เสมอ เพราะถือเป็นขนมเวอเฟอร์เคลือบช็อกโกแลตแบบแท่งที่อยู่คู่กับผู้บริโภคชาวไทยมาหลายยุค หลายสมัย แม้ว่าอาจจะยังมีความเข้าใจผิดอยู่บ้างเกี่ยวกับที่มาของขนมทั้ง 2 แบรนด์นี้ว่าเป็นขนมนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งปักกิ่ง’ และ ‘เซียงไฮ’ กลับเป็นแบรนด์ขนมที่มีคนไทยเป็นเจ้าของแบบ 100% ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์ ต่างก็อยู่ภายใต้บริษัทผู้ผลิตขนมรายใหญ่ที่ต่างก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และในวันนี้ Business+ จะพาทุกท่านย้อนวันวานไปยังจุดเริ่มต้นของทั้ง 2 แบรนด์ พร้อมทั้งเปรียบเทียบผลประกอบการ 3 ปีย้อนหลัง เพื่อให้เห็นภาพความยิ่งใหญ่ของผู้ผลิตทั้ง 2 ราย

เริ่มจากแบรนด์ที่มีชื่อเหมือนเมืองหลวงของประเทศจีนอย่าง ปักกิ่ง ซึ่งอยู่ภายใต้ ‘บริษัท ยูโรเปี้ยนฟู้ด จำกัด (มหาชน)’ ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2527 บนถนนปู่เจ้าสมิงพราย จังหวัดสมุทรปราการ อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน ‘ยูโรเปี้ยนฟู้ด’ ได้ขยายโรงงานโดยลงทุนในการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรที่ทันสมัยในเขตอุตสาหกรรม โซน 3 จังหวัดปราจีนบุรี โดยมุ่งมั่นที่จะผลิตขนมที่มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยเพื่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางอาหาร ความสะอาด และความอร่อย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2527 นี้เอง ‘ยูโรเปี้ยนฟู้ด’ ได้ผลิตขนมเวเฟอร์ ‘ปักกิ่ง’ ขึ้นมา พร้อมบทเพลงติดหูที่ทางผู้ผลิตใช้เป็นสื่อกลางในการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ไปยังผู้บริโภค ที่เพียงแค่ได้ฟังครั้งแรกก็จำชื่อได้ขึ้นใจ ด้วยประโยคที่ว่า “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ กินไม่เคยเหลือ อร่อยเหลือเฟือ ปักกิ่ง”

ทั้งนี้ นอกจาก ‘ปักกิ่ง’ แล้ว ในปี 2527 ‘ยูโรเปี้ยนฟู้ด’ ก็ยังออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มอีก 2 แบรนด์ ได้แก่

‘โอโจ้’ เวเฟอร์ที่มีแนวคิดมาจากขนมทองม้วนไทย ๆ รสชาติพื้นบ้าน (รสมะพร้าว, รสกะทิ ฯลฯ) ในสมัยก่อน โดย ‘ยูโรเปี้ยนฟู้ด’ ได้นำมาผลิตเป็นเวเฟอร์ชนิดแท่ง ที่มีลายบนแท่งเวเฟอร์ในรสชาติต่าง ๆ (รสช็อกโกแลต, รสสตรอว์เบอร์รี, รสนม) ที่มีความเป็นสากล ด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและความต้องการของตลาดได้มากขึ้น จนทำให้ทองม้วนพื้นบ้านทั่วไปถูกขนานนามว่า ‘โอโจ้’ ซึ่งในการโปรโมทผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการโฆษณาก็มีวลีที่ชวนจดจำอย่าง “เหมือนเดิมโอโจ้ด้วย” ที่กลายเป็นวลีที่ผู้คนยังคงจดจำได้จนถึงปัจจุบัน

‘ปีโป้’ ขนมเยลลี่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่กินได้ง่าย เหมาะกับผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัย และหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป รวมถึงราคาที่ไม่แพง ทำให้ ‘ปีโป้’ กลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

ปี 2535 เปิดตัว ‘ยูโร่เค้ก’ (EURO CAKE) พัฟเค้กสอดไส้ครีมคัสตาร์ดที่มาพร้อมกับสโลแกน “ยูโร่เค้ก อร่อย ทุกที่ ทุกเวลา” ประกอบกับภาพจำจากโฆษณาที่ทำให้เห็นภาพว่าเป็นขนมที่พกพาสะดวก เหมาะกับการเอาไว้ทานรองท้องเวลาหิว รวมถึงรสชาติที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ ‘ยูโร่เค้ก’ ประสบความสำเร็จในการครองใจผู้บริโภคได้ในเวลาไม่นาน และยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

ปี 2538 เปิดตัว ‘กัสเซ็น’ (GUSSEN) เวเฟอร์กรุบกรอบ สอดไส้ครีมรสต่าง ๆ

ปี 2547 เปิดตัว ‘เอลเซ่’ (ELLSE) เลเยอร์เค้กขนาดกะทัดรัดที่มีให้เลือกหลายรสชาติ เหมาะแก่การพกพา

ปี 2560 เปิดตัว ‘ปีโป้ เชค’ เยลลี่พร้อมดื่มผสมนํ้าผลไม้ ซึ่งเป็นเยลลี่รูปแบบใหม่ที่บรรจุอยู่ในขวด เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้แบรนด์ ‘ปีโป้’

สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (2563-2565) ของ ‘บริษัท ยูโรเปี้ยนฟู้ด จำกัด (มหาชน)’ พบว่า
ปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,564.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.13% จากปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,999.12 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,203.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.86% จากปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 879.41 ล้านบาท

ปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,096.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.65% จากปี 2563 และมีกำไรสุทธิ 1,245.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.44% จากปี 2563

ปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,163.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.32% จากปี 2564 และมีกำไรสุทธิ 1,128.04 ล้านบาท ลดลง 9.39% จากปี 2564

เซียงไฮ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2518 ภายใต้ บริษัท ยูไนเต็ดฟูดส์ จำกัด (มหาชน) โดยผลิตภัณฑ์ชนิดแรกของบริษัทแห่งนี้คือเวเฟอร์เคลือบรสช็อกโกแลต แบรนด์ ‘เซียงไฮ’ ทั้งนี้ เริ่มแรกนั้น บริษัทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญนคร เป็นโรงงานขนาดเล็ก และใช้บุคลากรเป็นหลัก แต่ด้วยการควบคุมการผลิตที่เข้มงวด และการตลาดที่เหมาะสม ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ ‘ยูไนเต็ดฟูดส์’ เป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างมาก จนสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวธุรกิจ ‘ยูไนเต็ดฟูดส์’ จึงได้ย้ายสถานที่ผลิตมาอยู่ที่ถนนท่าข้าม ในปี 2528 อีกทั้งในปัจจุบันได้ขยายไลน์การผลิตเพิ่มมากขึ้น เช่น สินค้าประเภทเยลลี่, บิสกิต, สแน็ค, ลูกอม และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยมีไทม์ไลน์ของผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ดังนี้

ปี 2527-2528 ขยายไลน์การผลิตสินค้าประเภทสแน็ค คือ ข้าวโพดคลุกน้ำตาลและเนย แบรนด์ ‘โตโร’ (TORO) ซึ่งได้นำเข้าผลิตภัณฑ์เมล็ดข้าวโพดอย่างดีจากต่างประเทศ เพื่อคงคุณค่าความกรอบอร่อยของตัวสินค้า

ปี 2535 เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ เยลลี่ แบรนด์ ‘โยโย’ (YOYO) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เยลลี่ผสมน้ำผลไม้ ได้แก่ รสองุ่น รสสตรอว์เบอร์รี  รสส้ม และ รสเลมอน

ปี 2540-2544 เพิ่มไลน์ผลิตสินค้าประเภทต่าง ๆ ขึ้นจำนวนมาก เพื่อเป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้กับตัวสินค้าและเป็นการเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ เช่น เปิดตัวลูกอมยูไนเต็ดคอฟฟี่ และบัตเตอร์สกอตซ์ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน นอกจากนั้น ยังได้มีการเปิดตัวช็อกโกแลต สอดไส้อัลมอนด์ แบรนด์ ‘ยูไนเต็ดอัลมอนด์’ (UNITED Almond) ซึ่งเหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมสินค้าพรีเมี่ยม พร้อมกันนั้นได้เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็ก คือ ช็อกโกแลตแนวแฟนซี แบรนด์ ‘ยูไนเต็ดบั๊กกี้  ฟุตบอล’ และ ลูกอมเคี้ยวหนึบ แบรนด์ ทอมมี่’ (TOMMY)

ปี 2545-2547 เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ประเภทบิสกิตภายใต้แบรนด์ ‘แก๊ป’ (Gap) โดยเน้นรสชาติที่เป็นที่นิยม เช่น รสช็อกโกแลต รสสตรอว์เบอร์รี รสแบล็กเคอร์แรนต์ และรสชาติแบบไทย ๆ เช่น รสต้มยำ และในปี  2546 ได้ทำการวางตลาดผลิตภัณฑ์เยลลี่น้ำ 1 บาท รูปหมี ภายใต้แบรนด์ ‘มินิแบร์ส’ และเยลลี่น้ำ แบรนด์ ‘โพลา’ เยลลี่รสผลไม้หลากหลายรสชาติ และในปีเดียวกัน ได้เพิ่มรสชาติใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์เวเฟอร์ ‘เซียงไฮ’ รสแบล็กเคอร์แรนต์

ปี 2550 ขยายไลน์การผลิตลูกอมเพิ่มมากขึ้น โดยเน้นรสชาติที่เป็นที่รู้จัก และคุ้นเคยของผู้บริโภค คือ รสโคล่า ภายใต้แบรนด์ ‘123Zaa’

ปี 2551 เปิดตัวผลิตภัณฑ์เวเฟอร์แบบไม่เคลือบ ขนาด 5 บาท ภายใต้แบรนด์ ‘ไทม์’ (TIME) ซึ่งประกอบไปด้วยรสช็อกโกแลต, รสนม และเวเฟอร์รูปแบบใหม่ที่มี 2 รสชาติในชิ้นเดียวกัน คือ รสช็อกโกแลตและนม และต่อมาในปี 2553 ได้ทำการขยายตลาดเวเฟอร์แบบไม่เคลือบ ได้แก่ ‘ไทม์ ซูปเปอร์จัมโบ้’ ประกอบด้วย รสช็อคโกแลต, รสบัตเตอร์, รสนมไทมรสส้ม และรสสตรอว์เบอร์รี

สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (2563-2565) ของ ‘บริษัท ยูไนเต็ดฟูดส์ จำกัด (มหาชน)’ พบว่า
ปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,621.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.30% จากปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,600.63 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 40.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.81% จากปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 36.07 ล้านบาท

ปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,895.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.89% จากปี 2563 และมีกำไรสุทธิ 83.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.07% จากปี 2563

ปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,044.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.88% จากปี 2564 และมีกำไรสุทธิ 40.59 ล้านบาท ลดลง 51.40% จากปี 2564

ที่มา : eurofood, unitedfoods, DBD

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #TheBusinessplus #นิตยสารBusinessplus #ปักกิ่ง #เซียงไฮ #ยูโรเปี้ยนฟู้ด #ยูไนเต็ดฟูดส์ #ขนมเวเฟอร์เคลือบช็อกโกแลต #ขนมในตำนาน #แบรนด์ในตำนาน #ผลประกอบการบริษัท