คำว่า Tech จะเข้ามาอยู่ในทุกกลุ่มธุรกิจ!!

โปรย : Digital disruption เป็นสิ่งที่เราได้ยินมาตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด-19 เสียอีก จนกระทั่งทั่วโลกถูกกระตุ้นด้วยการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ธุรกิจจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวโยงด้วยในทุก ๆ ขั้นตอน

การตื่นตัวจากโรคระบาดเป็นผลดีต่อผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี รวมไปถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มียอดขายเติบโตอย่างรวดเร็วจากความต้องการสินค้าในตลาดโลก

ในภาพรวมช่วง 9 เดือนของปี 2564 บริษัทจดทะเบียนใน SET กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี รวมทั้งกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทั้งหมด 39 ราย มีรายได้ 644,405 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.21% จาก 9 เดือนของปี 2563 ที่มีรายได้ 595,530 ล้านบาท

และเมื่อเจาะเข้าไปรายกลุ่มจะเห็นว่า กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งหมด 8 บริษัทใน SET มีรายได้ 196,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.88% จากปี 2563 โดยบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนฯ มียอดขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ Cloud Storage และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Data Center ถือว่าเป็นไปตามความต้องการที่สูงขึ้น

และเมื่อดูในส่วนของกำไรสุทธิรวมของกลุ่มอยู่ที่ 9,560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.36% ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาคาของวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตสูงขึ้น โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ชิปเซ็ต จากกำลังการผลิตที่จำกัดของการผลิตแผงวงจรบนแผ่นเวเฟอร์ ต้นน้ำ ประกอบกับการหยุดชะงักของการประกอบชิปเซ็ตปลายน้ำในช่วงการระบาดของโควิด-19 และยังมีเรื่องของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นจากค่าขนส่ง ทำให้เห็นว่าบริษัทเหล่านี้ยังบริหารจัดการต้นทุน และค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี

สำหรับบริษัทที่มีรายได้สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA

– รายได้ 9 เดือนที่ 62,175 ล้านบาท ปรับตัวขึ้นถึง 36% จากช่วงเดียวกันของปี 2563

– กำไรสุทธิ 4,603 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 16.60% จากช่วงเดียวกันของปี 2563

ในแง่ของ อัตรากำไรสุทธิ DELTA อยู่ที่ 7.51% ถือว่าทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอยู่ที่ 4.99% แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ ได้บริหารจัดการต้นทุน ค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างดี ทำให้ความสามารถในการทำกำไรสูงกว่ากลุ่ม

ด้านอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 16.16% สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มซึ่งอยู่ที่ 12.22% เท่ากับว่า ความสามารถในการบริหารงานเพื่อให้เกิดผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นค่อนข้างดี

ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ซึ่งใช้แสดงถึงหนี้สินเทียบกับส่วนของเจ้าของค่อนข้างต่ำที่ 0.67 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม 1.1 เท่า จึงแสดงให้เห็นว่าภาระหนี้สินของ DELTA ในตอนนี้ค่อนข้างต่ำเลยทีเดียว

นอกจากนี้เมื่อดูอัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) ของบริษัทฯ ซึ่งอยู่ที่ 2 เท่า ทำให้เห็นว่า DELTA มีความคล่องตัวสูง สามารถจ่ายคืนหนี้ระยะสั้นเมื่อครบกำหนดได้ค่อนข้างดี

ทั้งในแง่ของการบริหารหนี้สิน ความสามารถในการทำกำไรทำให้ DELTA กลายเป็นบริษัทที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในเวลานี้

ส่วนข้อมูล กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) รวมทั้งหมด 31 บริษัทใน SET มีรายได้ 447,563 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.43% จากปี 2563 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากอินเทอร์เน็ตบ้านที่ได้รับอานิสงส์ Work From Home รวมไปถึงอินเตอร์เน็ตองค์กรที่มีความจำเป็นต้องเพิ่มความเร็วอินเตอร์เน็ตตามการใช้งานที่สูงขึ้น

แต่เมื่อดูในส่วนของกำไรสุทธิจะพบว่า 9 เดือนของปี 2564 อยู่ที่ 32,357 ล้านบาท ลดลง 7.74% จากปี 2563 เกิดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงจากการออกแพ็กเกจแบบใช้งานไม่จำกัด ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทสื่อสารเจ้าใหญ่ลดลง และมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาอยู่ในตลาดวางระบบที่เกี่ยวกับ IT มากขึ้น

สำหรับบริษัทที่มีรายได้สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC เจ้าของเครือข่าย AIS

– รายได้ 9 เดือนที่ 130,995 ล้านบาท ปรับตัวขึ้น 3.30% จากช่วงเดียวกันของปี 2563

– กำไรสุทธิ 20,058 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 1.04% จากช่วงเดียวกันของปี 2563

ในแง่ของ อัตรากำไรสุทธิ ADVANC อยู่ที่ 15.86% ถือว่าทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ICT ซึ่งอยู่ที่ 7.33% แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ ได้บริหารจัดการต้นทุน ค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างดี ทำให้ความสามารถในการทำกำไรสูงกว่ากลุ่ม

ด้านอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 41.90% สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มซึ่งอยู่ที่ 15.15% และยังสูงกว่าคู่แข่งอย่าง TRUE และ DTAC แบบไม่เห็นฝุ่น เท่ากับว่า ADVANC มีความสามารถในการบริหารงานเพื่อให้เกิดผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นค่อนข้างดี

ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ซึ่งใช้แสดงถึงหนี้สินเทียบกับส่วนของเจ้าของค่อนข้างสูงที่ 4.16 เท่า แต่เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 4.23 เท่า แล้ว ยังถือว่าดีกว่าเล็กน้อย

นอกจากนี้เมื่อดูอัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) ซึ่งอยู่ที่ 0.36 เท่า ทำให้เห็นว่า ADVANC มีความคล่องตัวต่ำ มีความเสี่ยงด้านการจ่ายคืนหนี้ระยะสั้นเมื่อครบกำหนด แต่เมื่อมองที่โครงสร้างธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมจะเห็นว่าเป็นธุรกิจที่ใช้การลงทุนสูงดังนั้นจึงมีหนี้สินที่สูงตาม ซึ่งกรณีนี้ถือว่าไม่ได้เลวร้าย เพราะจากความสามารถทำกำไรที่สูงมากจะทำให้ ADVANC ชำระหนี้คืนได้ในอนาคต

ในปีที่ผ่านมาจะเป็นปีที่กลุ่ม Tech ทำผลงานได้ค่อนข้างดี แต่ยังเป็นที่น่าจับตามองว่าในปี 2565 จะยังได้รับอานิสงส์ต่อหรือไม่ ภายใต้ความท้าทายจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นโจทย์ที่ทำให้บริษัทเหล่านี้ต้องปรับกลยุทธ์ เพราะนอกจากจะสามารถสร้างยอดขายได้ดีแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายไม่น้อยไปกว่ากัน