เมื่อราคาน้ำตาลโลกพุ่ง เจ้าใหญ่ในไทยทำกำไรได้เท่าไหร่?

ผู้ผลิตและขายน้ำตาลทราย รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่ได้จากชานอ้อยได้รับอานิสงค์จากราคาน้ำตาลโลกที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยที่ราคาน้ำตาลซื้อขายล่วงหน้าได้ขึ้นไปทำพีคที่ 25.25 เซนต์ต่อปอนด์ เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปี และแนวโน้มราคาน้ำตาลโลกยังจะสูงต่อเนื่องตามที่ ‘Business+’ เคยได้ทำการวิเคราะห์เอาไว้ในคอนเทนต์ ราคาน้ำตาลจะพุ่งไปถึงจุดไหน? เมื่อรายใหญ่ของโลกหั่นผลผลิตลง 1 ใน 3 ส่วน

ดังนั้น ในช่วงไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา ผู้ผลิตและขายน้ำตาลจะได้รับอานิสงค์ในแง่ของราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น โดย ‘Business+’ ได้ทำการสำรวจและรวบรวมผลประกอบการของผู้ผลิตน้ำตาลในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยพบว่าส่วนใหญ่มีกำไรสุทธิสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด และมีข้อมูลที่สำคัญทางการเงินดังนี้

จะเห็นได้ว่ามีเพียง บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR เพียงบริษัทเดียวที่มีกำไรสุทธิลดลง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้กำรสุทธิลดลงคือ ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 314.77 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 19.9% หากเทียบกับบริษัทน้ำตาลรายอื่นที่เพิ่มขึ้นราวๆ 5-8% เท่านั้น

นอกจากนี้ลักษณะธุรกิจของ น้ำตาลบุรีรัมย์ คือการลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) ทั้งหมด 6 บริษัท โดยมีธุรกิจหลักเป็นธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้แก่

1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย โดยมีบริษัท โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด เป็นบริษัทแกน

2) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวล โดยบริษัท บุรีรัมย์พลังงาน จำกัด, บริษัท บุรีรัมย์เพาเวอร์ จำกัด และ บริษัท บุรีรัมย์เพาเวอร์พลัส จำกัด

3) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ โดยบริษัท ปุ๋ยตรากุญแจ จำกัด

4) ธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ต่าง ๆ จากชานอ้อย และเยื่อพืชธรรมชาติชนิดอื่น โดย บริษัท ชูการ์เคน อีโคแวร์ จำกัด

5) ธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์และบริการขนส่ง โดยบริษัท บีอาร์อาร์ โลจิสติกส์ แมเนจเมนท์ จำกัด

ซึ่งจะเห็นได้ว่าหากเทียบกับบริษัทผลิตน้ำตาลรายอื่นแล้ว น้ำตาลบุรีรัมย์ มีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำตาลที่หลากหลายกว่า ทำให้อาจไม่ได้รับผลดีด้านราคาน้ำตาลโลกที่สูงขึ้นมากเท่ากับบริษัทที่ทำเพียงการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลเพียงอย่างเดียว

อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มราคาน้ำตาลที่จะยังสูงขึ้นจากสภาพอากาศที่เลวร้าย ทำให้ทั่วโลกลดปริมาณผลผลิตน้ำตาลลงก็จะเป็นผลให้ราคาพุ่งอย่างต่อเนื่องโดย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มน้ำตาลปรับตัวขึ้น คาดได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำตาลโลกที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง เห็นได้จากราคาน้ำตาลซื้อขายล่วงหน้า ที่ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 25.25 เซนต์ต่อปอนด์แล้ว จากไม่กี่วันที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 24 เซนต์ต่อปอนด์ และทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปี เป็นไปตามอุปสงค์ที่สูงขึ้น ประกอบกับแนวโน้มสภาพอากาศที่ย่ำแย่ลงในพื้นที่เพาะปลูกพืชให้น้ำตาล ขณะที่หากมองปัจจัยพื้นฐานของหุ้นกลุ่มดังกล่าว ในช่วงครึ่งปีแรกถือเป็นซีซั่นนอลด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งเชื่อว่าผู้ประกอบการฯ ก็น่าจะมีการขายน้ำตาลล่วงหน้ากันไว้อยู่แล้ว

ทีนี้หันมาดูผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยกันบ้าง ทางสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยคาดว่าพื้นที่ปลูกอ้อยฤดูการผลิตปี 2566/67 จะลดลงราว 5% จากระดับ 10 ล้านไร่เศษในปีก่อนหน้า เนื่องจากชาวไร่อ้อยบางส่วนหันไปปลูกมันสำปะหลังที่มีราคาดี เก็บเกี่ยวง่าย และทนแล้ง แต่สิ่งที่ชาวไร่อ้อยกังวลมากที่สุดคือปริมาณน้ำฝนปี 2566 ที่จะลดน้อยลงเพราะการเข้าสู่ปรากฏการณ์ El Nino ตั้งแต่ช่วงกลางปี

ซึ่งขณะนี้พบว่าอ้อยในบางพื้นที่เริ่มยืนต้นตายแล้ว หากช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2566 มีฝนตกน้อยจะกระทบค่อนข้างมากต่อผลผลิตอ้อยในฤดูหีบปี 2566/67 ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้นอาจทำให้ผลผลิตอ้อยลดเหลือเพียง 70-80 ล้านตัน จากฤดูการผลิตปี 2565/66 ที่มีผลผลิตอ้อย 93.88 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำตาลทรายดิบเฉลี่ยในตลาดโลกที่สูงถึง 25-26 เซ็นต์ต่อปอนด์ในปัจจุบัน นับเป็นราคาสูงสุดในรอบ 11 ปี จึงทำให้ชาวไร่บำรุงตออ้อยด้วยการใส่ปุ๋ยเพิ่มขึ้นเพื่อหวังเพิ่มผลผลิต (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา, 9 พ.ค. 2566)

ดังนั้นหากหมดช่วงไฮซีซันแล้ว ทางผู้ผลิตน้ำตาลทรายอาจจำเป็นต้องมีการวางแผนที่ดี เช่นหันไปรุกธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง หรืออาจจะกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มรายได้ในช่วงที่ผลผลิตขาดแคลน หรืออาจจะใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยเหลือในการเพาะปลูกเพิ่มพื้นที่ไร่อ้อย ไม่ต้องรอเพียงแค่ผลทางฤดูกาลเท่านั้น