Sodent ขอโต 5 เท่า ใน 2 ปี ด้วยแนวคิด “คลินิกทันตกรรมที่ทัชใจ”

จากการประเมินของ Global Wellness Institute ที่มองว่าในปี 2568 มูลค่าธุรกิจ Wellness ทั่วโลกจะสูงถึง 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จึงไม่แปลกที่ประเทศชั้นนำต่าง ๆ กำลังเร่งแคมเปญการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดนักช็อป ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ มูลค่าการท่องเที่ยวยังมีการแบ่ง Segmentation ของตลาดการท่องเที่ยวประเภทต่าง ๆ

หนึ่งในตลาดที่คึกคักมาหลายปี ก็คือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health Tourism) โดยตลาดนี้ไทยทำรายได้ให้กับประเทศราว 15-16% ของการท่องเที่ยวโดยรวม และในปี 2566 ถูกมองว่าจะมีมูลค่าราว ๆ 3.1 แสนล้านบาท และอาจมากถึง 7.6 แสนล้านบาทในปี 2570 และเมื่อเจาะลึกลงไปอีกจะพบว่า นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ มีกำลังซื้อสูง สามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ 1. กลุ่มเดินทางมาเพื่อรับการบำบัดรักษาโรคทั่วไป (General) 2. กลุ่มเดินทางมาเพื่อทำศัลยกรรมความงาม (Cosmetic Surgery) และ 3. กลุ่มที่เดินทางมาเพื่อการทำทันตกรรม (Dental Treatment)

ตัวเลขที่ว่านี้ได้สะท้อนฐานลูกค้าของคลินิกทันตกรรมโซเด้นท์ ที่กำลังโด่งดังโลกโซเชียล ถึงแนวทางสร้างคลินิกทันตกรรมด้วยหลัก Sensory Experiences เพื่อสร้างประสบการณ์การทำฟันที่แตกต่าง ทั้งรูป รส กลิ่น และเสียง

“เรามองว่าสุขภาพในช่องปากที่ดีเป็นพื้นฐานของคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะเมื่อฟันแข็งแรงการทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกายก็ทำได้ง่าย เมื่อต้องพบปะพูดคุยก็จะมั่นใจ แต่ในความเป็นจริงคนไข้หลายคนกลัวหมอฟัน มักจะมาหาหมอตอนที่ปัญหาเรื่องฟันลุกลาม บางรายฟันผุจนทะลุโพรงประสาทฟัน ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษารากฟันและครอบฟันที่ราคาสูง หรือบางครั้งก็ต้องสูญเสียฟันซี่นั้นไปเลย

เราเลยอยากเป็นคลินิกทันตกรรมที่ไม่ได้ทำแค่ฟัน แต่ทำหน้าที่เติมเต็มรอยยิ้มและความมั่นใจ ให้คนไข้กล้าเข้ามาคุยกับเรามากขึ้น เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ อย่างการกินของโปรดอย่างไร้กังวล หรือเป้าหมายใหญ่ ๆ อย่างการยิ้มชนะใจ เพื่อให้ได้ทำงานในฝันเราก็อยากเป็นคนที่ช่วยดูแล” ทันตแพทย์นำโชค พรมโสภา ผู้ก่อตั้งคลินิกทันตกรรมโซเด้นท์ และยังนั่งบริหารในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์อีกด้วย

คลินิกทันตกรรมโซเด้นท์ จึงเกิดขึ้นบนความตั้งใจที่จะให้การรักษา โดยใส่ใจความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง และมองว่าการรักษาไม่ได้เริ่มต้นที่เก้าอี้ทำฟันของคุณหมอเท่านั้น โดยกระบวนการต่าง ๆ ในคลินิกจึงถูกออกแบบด้วยหลัก Sensory Experiences เพื่อสร้างประสบการณ์การทำฟันที่แตกต่าง ทั้งรูป รส กลิ่น และเสียง  ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่การตกแต่งที่เปลี่ยนภาพลักษณ์เดิมของคลินิกทำฟันสีขรึม ให้มีเสียงเพลงที่สื่อถึงความเป็นมิตร กลิ่นหอมที่ผ่อนคลาย การตกแต่งภายในที่ชวนให้เช็กอินไม่แพ้คาเฟ่

ขณะที่แนวทางการสื่อสารแบรนด์ วางคอนเซปต์ทำเรื่องทันตกรรมให้เข้าใจง่ายและทัชใจกลุ่มเป้าหมายในกลุ่ม Zennial และ Gen Z รวมทั้งหัวใจสำคัญที่ทำให้โซเด้นท์มัดใจลูกค้าได้อยู่หมัดก็คือ การให้บริการด้วย “Smile Creator” หรือ นักสร้างรอยยิ้ม ที่จะเข้ามาช่วยให้คนไข้เปิดใจ และอยากเข้ามาปรึกษาพูดคุยแบบไม่ต้องกลัวหมอฟันอีกต่อไป

สิ่งสำคัญที่เป็นเครื่องยืนยันว่า คลินิกทันตกรรมโซเด้นท์ ไม่ใช่แค่ลอกเลียนการตกแต่งจากคาเฟ่ แต่เป็นคลินิกทันตกรรมที่ผ่านการคิดคำนวณมาอย่างรอบด้าน ด้วยกระบวนการออกแบบประสบการณ์ คือ การเติบโตของยอดขาย 5 เท่าภายใน 2 ปี  และการเพิ่มจำนวน จาก 1 เป็น 4 สาขา โดยแบ่งเป็นแบรนด์คลินิกทันตกรรมโซเด้นท์ มุ่งเน้นการทำตลาดแบบ Masstige  จำนวน 3 สาขา และแบรนด์คลินิกทันตกรรมเฉพาะทาง ESSE มุ่งเน้นการรักษาโดยทันตแพทย์เฉพาะทางในสาขาต่าง ๆ และห้องส่วนตัวเมื่อเข้ารับบริการ เจาะกลุ่ม  Prestige จำนวน 1  สาขา

สำหรับ Key Success Factors ที่ทำให้คลินิกทันตกรรมโซเด้นท์ เติบโตท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดของธุรกิจทันตกรรม ประกอบด้วย 1.การสร้างแบรนด์ที่มีแนวทางชัดเจน รวมถึงยังสามารถสร้าง Emotional Value โดยนำเสนอแบรนด์ที่ต่างจาก Therapeutic Segment ให้การทำฟันเป็นมากกว่าการรักษาเมื่อมีอาการ แต่ช่วยสร้างความมั่นใจ แตกต่างจากคลินิกอื่น ๆ ที่เน้นเรื่อง Functional ของคลินิก และให้ความสำคัญกับ Segment  และ Customer Insight  อาทิ การแยกแบรนด์ตลาด  Masstige และ Prestige ออกจากกัน หรือการออกแบบคลินิกทันตกรรมแต่ละสาขาให้มีไฮไลต์ที่ต่างกันเล็กน้อย เช่น บางสาขาเน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่น ขณะที่บางสาขาเน้นกลุ่มเด็กเล็กและครอบครัว

นอกจากนี้ เรายังมองถึงการสร้าง touch point ที่ตอบโจทย์ Journey ของลูกค้า คือ การสร้างคอนเทนต์บนช่องทางออนไลน์, แคมเปญสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ การจัด Workshop ในหัวข้อที่อยู่ในกระแสความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย และอีเวนต์ที่ไม่ได้สื่อสารเรื่องฟันเพียงอย่างเดียว อย่างการจัดประกวดเต้น Cover “Sodent Sodance” การจัดมินิคอนเสิร์ต  หรือการจัด Thank you Party เพื่อรักษาฐานและเปลี่ยนลูกค้าประจำให้เป็น Advocacy ของแบรนด์

  1. การยกระดับแพลตฟอร์ม Omnichannel และนวัตกรรมการรักษา โดยองค์กรอย่างเราวาง Digital Framework Transformation ทั้งองค์กรเองและการให้บริการที่เชื่อมต่อระหว่างแพตฟอร์ม Digital และ Physical ไปจนถึงระบบการจัดการข้อมูลแบบดิจิทัล 100% เข้าถึงข้อมูลการรักษาได้ไม่ว่าจะเข้ารับบริการที่สาขาใดก็ตาม เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าถึงบริการของคลินิกได้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเชื่อมทุก touch point ให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์ที่ดีขึ้น เช่น การนัดหมายออนไลน์, บริการปรึกษาเรื่องฟันเบื้องต้นทางออนไลน์ และล่าสุดการตรวจประเมินฟันในช่องทางออนไลน์ ที่ลูกค้าสามารถนัดหมายเวลาเพื่อวิดีโอคอลปรึกษาทันตแพทย์ได้โดยตรง

นอกจากนี้ เรานำเสนอนวัตกรรมการรักษาที่ดีที่สุด เพื่อยกระดับคุณภาพการรักษา อาทิ เครื่องสแกนช่องปาก 3 มิติ, การออกแบบห้องทันตกรรมโดยใช้หลักการ Modified AIIR (ห้องความดันลบ) มาตรฐานห้องผ่าตัด  เป็นต้น

  1. การพัฒนาการบริการและพนักงาน เพราะเรามองว่า คน คือหัวใจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนและสร้างความแตกต่างให้การบริการ โซเด้นท์จึงมุ่งลงทุนในการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งการอบรมภายในและภายนอกเพื่อต่อยอดศักยภาพของพนักงานให้เติบโตไปอย่างมั่นคงกับองค์กร

“เรามีการสร้าง Employee Brand และสร้าง employee value proposition ผ่านชื่อเรียกตำแหน่ง ที่สะท้อนคุณค่าที่คลินิกอยากส่งมอบ อย่าง  “Smile Creator” เพื่อให้ทุกคนโฟกัสว่า ไม่ใช่แค่มาทำงานด้าน Customer Service แต่มาเพื่อสร้างรอยยิ้มให้ทุกคน” ทันตแพทย์นำโชค กล่าวพร้อมระบุว่า

สำหรับก้าวต่อไปของโซเด้นท์ คือ การขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และภาคตะวันออก โดยตั้งเป้าขยาย 2-3 สาขาในปี 2567 ซึ่งนอกจากกลุ่มลูกค้าในประเทศแล้ว ยังจับเทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติในรูปแบบ Dental Tour พร้อมรุกตลาด Personal Care ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในช่องปาก จำหน่ายภายในคลินิก ช่องทางออนไลน์และโมเดิร์นเทรด เพื่อสร้าง S-Curve ใหม่ และเพิ่มความหลากหลายในพอร์ตการลงทุน

 

เขียนและเรียบเรียง : วิทยา กิจชาญไพบูลย์
ติดตาม Business+ ได้ที่ Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS