War

สงคราม อิหร่าน-อิสราเอล อาจสร้างผลกระทบกับภาคธุรกิจไทยมากกว่าที่คิด!

ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลสร้างความปั่นป่วนกับเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างมากโดยเฉพาะประเทศคู่ค้าหลักๆ แต่ผลกระทบกับไทยนั้น ก่อนหน้านี้มีการประเมินกันว่ากระทบเพียงเล็กน้อย เพราะไทยมีสัดส่วนการค้ากับทั้ง 2 ประเทศนี้ไม่ถึงประเทศละ 1% ของมูลการการส่งออกทั้งหมด แต่สิ่งที่น่ากลัวนั้น กลับไม่ใช่แค่ผลกระทบโดยตรงแต่เป็นความเสี่ยงในตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ต่างหากที่จะกระทบภาคธุรกิจไปทั่วโลก!

โดยเราพบข้อมูลว่ามีอยู่ 3 ส่วนหลักๆ ที่ไทยจะได้รับผลกระทบ นั่นคือ

  1. ตลาดเงินและตลาดทุนโลกและไทยจะเกิดความผันผวน
  2. ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันที่จะปรับตัวสูงขึ้น
  3. การค้าระหว่างประเทศของไทยกับประเทศอิสราเอลและอิหร่าน

ในส่วนของตลาดเงินและตลาดทุนโลกและไทยจะเกิดความผันผวน เพราะจะเกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนไปสู่สินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากกว่า หรือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเช่น ทองคำ เงินฝาก พันธบัตรในประเทศที่ปลอดภัยกว่า

ยกตัวอย่างในวันที่เกิดการโจมตีอย่างรุนแรงก็ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งลงอย่างหนัก ตลาดหุ้นทั่วโลกไม่เว้นประเทศที่อยู่ห่างไกลจากสงครามอย่างไทยก็ปรับตัวลงหนักเช่นกัน

ส่วนผลกระทบที่ 2 คือราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยพบว่า ราคาน้ำมันดิบและราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหลังเหตุการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรง โดยราคาน้ำมันนั้นพุ่งขึ้นเพราะอิหร่านเองก็ถือเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบ ถึงแม้จะมีสัดส่วนเพียง 1.5% ของการส่งออกน้ำมันดิบในตลาดโลก

นอกจากราคาน้ำมันแล้ว ราคาทองคำโลกก็จะเกิดความผันผวน เมื่อสงครามร้อนแรงขึ้นคนก็จะหันมาซื้อทองมากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่คนมองว่าปลอดภัยมากที่สุด และเมื่อราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นสูง และทำให้ราคาทองไทยพุ่งตาม

ผลกระทบสุดท้ายคือการค้าระหว่างประเทศของไทย ซึ่งปัจจัยที่ 3 นี้อาจจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า เพราะไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปยังประเทศอิสราเอลเพียง 0.27% และอิหร่าน 0.05% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดในปี 2566

ทั้ง 3 ส่วนหลักนี้จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในไทย โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่อาจจะพุ่งสูงขึ้นและกลายเป็นต้นทุนการทำธุรกิจที่พุ่งขึ้นตาม ส่วนราคาหุ้นที่ลดลงก็จะทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ Market Cap ของหุ้นแต่ละบริษัทในไทยลดลงตามไปด้วย และจะมีผลอย่างมากโดยเฉพาะกับกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นเป็นหลัก ซึ่งอาจจะประสบกับผลขาดทุนจากการเข้าลงทุนนั่นเอง

ส่วนการท่องเที่ยวของไทยกับประเทศอิสราเอลและอิหร่าน และการลงทุนของไทยกับประเทศอิสราเอลและอิหร่าน นั้นมีสัดส่วนน้อยเกิดไปจึงไม่ได้เกิดเป็นผลกระทบ

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ที่มา : IQ , ครม.
ติดตาม Business+ ได้ในช่องทางอื่นๆ ที่ Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #สงครามอิหร่าน-อิสราเอล #ส่งครามโลก