ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กับเทคโนโลยีสร้างความยั่งยืน : Product Innovation Awards 2020 : รางวัลสินค้าเพื่ออุตสาหกรรม EcoStruxure

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ธุรกิจยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในการจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชัน ที่มีอายุยาวนานถึง 180 ปี นำเสนอนวัตกรรมและโซลูชันใหม่ ๆ เพื่อให้องค์กรต่าง ๆ สามารถทรานส์ฟอร์มตัวเองสู่ยุคดิจิทัล ทั้งสู่ตลาดโลกและในประเทศไทย


ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีหลักแนวคิดและกลยุทธ์มุ่งเน้นไปที่ การสร้างความยั่งยืนให้กับโลก และธุรกิจของลูกค้า’ ครอบคลุมความเชี่ยวชาญหลักใน 6 สาขาด้วยกัน ได้แก่ พลังงาน ไอที อาคาร เครื่องจักรกล โรงงาน และโครงข่ายไฟฟ้า

สำหรับ 4 ตลาดหลัก ได้แก่ อาคาร, Data Center, อุตสาหกรรรม, และโครงสร้างพื้นฐาน โดยผลิตภัณฑ์ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทั้งหมดเรียกว่า EcoStruxure™ และยังเป็นส่วนสำคัญของคำมั่นสัญญาของแบรนด์ที่จะช่วยลูกค้าลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 120 ล้านเมตริกตันในปี 2020 ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ถูกรวมอยู่ภายใต้ EcoStruxure เพื่อให้เหมาะสมกับประเภทธุรกิจของลูกค้าหรือความต้องการในการใช้งาน เช่น EcoStruxure IT, EcoStruxure Plant, EcoStruxure Machine, EcoStruxure Building, EcoStruxure Power และ EcoStruxure Grid

โดยภาพรวมแล้ว EcoStruxure เป็นแพลตฟอร์มและสถาปัตยกรรมแบบเปิด ให้ประสิทธิภาพและความสามารถด้าน IoT มุ่งเน้นในเรื่องของความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความยั่งยืน ซึ่งโดยโครงสร้างจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ประกอบด้วย

  1. ระดับผลิตภัณฑ์ (Connected Products) ที่เป็นฮาร์ดแวร์ต่างๆ โดยสามารถเชื่อมต่อระหว่างกันได้ทั้งจากแบรนด์ของชไนเดอร์ อิเล็คทริคเอง และของแบรนด์อื่นๆ
  2. ระบบควบคุมปลายทาง (Edge Control) สามารถมอนิเตอร์อุปกรณ์ต่างๆ ทั้งผลิตภัณฑ์และสินทรัพย์ เพื่อให้สามารถตัดสินใจในเชิงธุรกิจได้ดีขึ้น ตลอดจนดูกระบวนการทำงานได้ในแบบเรียลไทม์
  3. การวิเคราะห์และการบริการต่างๆ (Apps, Analytics, and Services) โดยในระดับนี้จะให้ความสามารถด้านการวิเคราะห์กระบวนการทำงานทั้งหมด ทั้งส่วนย่อยและภาพรวม สามารถดูแดชบอร์ดด้วยกราฟและกราฟิกที่เข้าใจง่าย และแจ้งเตือนเมื่อระบบมีปัญหา พร้อมแนะนำวิธีการแก้ไข ซึ่งสามารถนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผล วิเคราะห์ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่แม่นยำและถูกต้อง ทั้งยังมี บริการ Schneider Electric Service Bureau ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้ความช่วยเหลือลูกค้าตลอดเวลา

คุณธนพงษ์ อิทธิสกลุชัย ประธาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลกลุ่มประเทศไทย ลาว และเมียนมา เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์และโซลูชันของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ภายใต้ EcoStruxure ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดการใช้พลังงาน ช่วยให้เครื่องจักรหรือสินทรัพย์ในโรงงานมีศักยภาพในการทำงานมากขึ้น โดยเน้นไปที่การใช้งานง่าย สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโหลดงานที่ไม่จำเป็น ที่สำคัญยังให้ความยั่งยืน พร้อมช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 50%

ปัจจุบัน EcoStruxure ได้มีการติดตั้งใช้งานมากกว่า 500,000 ไซต์งาน โดยมีผู้พัฒนาคอยให้การสนับสนุนมากกว่า 20,000 ราย มีผู้ให้บริการและคู่ค้า 650,000 ราย โครงข่ายไฟฟ้าราว 3,000 แห่ง และมีการเชื่อมต่อสินทรัพย์มากกว่า 2 ล้านชิ้น

ตัวอย่างเช่น โรงงานชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่เมืองบาตัม ประเทศอินโดนีเซีย ใช้ EcoStruxure เพื่อทรานส์ฟอร์มให้เป็นโรงงานอัจฉริยะ ซึ่งเป็นตัวอย่างในการใช้ IoT สำหรับภาคอุตสาหกรรม หรือเรียกว่า IIoT (Industrial Internet of Things) สามารถมอนิเตอร์กระบวนการทำงานได้ในแบบเรียลไทม์ ช่วยสร้างประสิทธิภาพให้ธุรกิจ มีระบบตรวจจับอัจฉริยะ (Smart Sensors) สามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละไซต์ และมีการใช้ AR (Augmented Reality) ในการตรวจสอบการดำเนินงานทั้งหมด เพื่อให้ทีมงานสามารถมองเห็นกระบวนการภายในและคาดการณ์การบำรุงรักษาและการใช้พลังงาน

ตัวอย่างการใช้ EcoStruxure ของโรงงานชไนเดอร์ที่บาตัม สามารถช่วยลดการหยุดทำงานของเครื่องจักรลงถึง 44% ภายในหนึ่งปี และส่งมอบสินค้าตรงเวลาเพิ่มขึ้นถึง 40% ด้วยเหตุนี้เอง โรงงานจึงได้รับการยอมรับจากสภาเศรษฐกิจโลก ในฐานะประภาคารแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4

จึงไม่น่าแปลกใจที่ความน่าเชื่อถือและผลงานด้านนวัตกรรมของชไนเดอร์ อิเล็คทริค มักถูกกล่าวขานในระดับโลก และอยู่ในการจัดอันดับของอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นเรื่องของความยั่งยืน อาทิ ในการประชุมเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ที่จัดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว ณ กรุงดาวอส ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 100 บริษัทระดับโลกที่มีการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สุดในโลก โดย Corporate Knights และโครงการการเปิดเผยปริมาณคาร์บอน (Carbon Disclosure Project (CDP) ‘A-List เป็นปีที่ 7 และปีที่ 9 ติดต่อกันตามลำดับ

สำหรับชไนเดอร์ อิเล็คทริค การได้รับการยอมรับดังกล่าวนับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จริงจังและมั่นคงของบริษัท ในการเสริมสร้างวัฒนธรรมที่ยอมรับความแตกต่างโดยไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึงความมุ่งมั่นพยายามเป็นเวลายาวนานในการส่งเสริมความยั่งยืนให้กับทุกคน

“เราเชื่อว่าการเข้าถึงพลังงานเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในระดับสากล และเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจทั่วเอเชีย การใช้ประโยชน์จาก EcoStruxure ของเรา ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มและสถาปัตยกรรมแบบเปิด จะช่วยเพิ่มผลกำไรและประสิทธิภาพได้อย่างยั่งยืน” คุณธนพงษ์ กล่าวสรุปท้าย