OTO

เปิดข้อมูลธุรกิจ OTO ทุกแง่มุม!!

กรณีหุ้นของ บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO ที่ถูกเทขายออกมาในช่วงวันที่ 12-16 มิ.ย.2566 ทำให้หลายคนอยากรู้จัก OTO กันมากขึ้นว่าจริงๆ แล้วบริษัทแห่งนี้มีการเติบโต หรือมีสภาพคล่องทางการเงินดีหรือไม่? ซึ่งทาง ‘Business+’ ได้วิเคราะห์สภาพคล่องในแง่ของงบการเงินกันไปแล้วนั้น ครั้งนี้เราจะมาเปิดข้อมูลครบทุกแง่มุมของธุรกิจ OTO ที่ทุกคนควรจะรู้

โดย OTO เป็นผู้ให้บริการเอาท์ซอร์ท Call Center ให้กับบริษัทอื่นๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยลูกค้าที่ใช้บริการระบบ Call center ของ OTO มีทั้งหมด 14 กลุ่มธุรกิจด้วยกัน ตัวอย่างเช่น กลุ่มธนาคาร สายการบิน ค้าปลีก ประกันภัย อสังหาริมทรัพย์ กลุ่มยานยนต์ โรงพยาบาล เป็นต้น ซึ่ง OTO ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และซื้อขายวันแรก 15 พ.ค. 2557 ด้วยราคา IPO ที่ 5.40 บาท ในราคาพาร์ 1 บาท

ซึ่ง OTO เคยเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART ผู้ทำธุรกิจด้านทางด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงเทคโนโลยีชั้นสูง แต่ทาง SAMART ได้เทขายหุ้น OTO ออกมาทั้งหมดเมื่อปลายปี 2563 ให้กับนักลงทุน 3 ราย คือ นายบุญเอื้อ จิตรถนอม ,นายสุทธิพจน์ อริยสุทธิวงศ์ และนายณัฐพงศ์ ศีตวรรัตน์ ซึ่งทำให้เกิดการบริหารโดยกลุ่มใหม่

โดยปัจจุบันรายได้หลักของ OTO ยังเป็นการจัดการศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ หรือ Call center โดยสัดส่วนรายได้ของ OTO ในปัจจุบันปี 2565 มาจาก 4 ส่วนหลักๆ ดังนี้

  1. การให้บริการบริหารจัดการศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์แบบเต็มรูปแบบ (Fully Outsourced Contact CenterManagementService) มีสัดส่วนรายได้ 71.74%
  2. การให้บริการจัดหาลูกค้าสัมพันธ์ (CustomerService RepresentativeOutsourced) มีสัดส่วนรายได้ 22.40%
  3. การให้บริการระบบศูนย์บริการให้ข้อมูล และอุปกรณ์ (Contact Center Facility Outsourced) 4.13%
  4. การให้บริการบํารุงรักษาศูนย์ให้บริการข้อมูล (MaintenanceService) 1.73%

ในแง่ของการจ่ายเงินปันผลทาง OTO มีนโยบายการจ่ายไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวมหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล ไม่รวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง โดยมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 793,236,509 บาท

ขณะที่ผลกระกอบการในช่วง 4 ปีย้อนหลังมีดังนี้

ปี 2562 มีรายได้ 790.53 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 33.01 ล้านบาท

ปี 2563 มีรายได้ 685.09 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 48.85 ล้านบาท

ปี 2564 มีรายได้ 657.16 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 55.68 ล้านบาท

ปี 2565 มีรายได้ 634.89 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 116.22 ล้านบาท

โดยทาง OTO นั้น ได้ใช้ผู้สอบบัญชีจาก บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด ซึ่งเป็น 1 ใน 4 บริษัทให้บริการด้านวิชาชีพที่ใหญ่ที่สุดสี่แห่งของโลก (Big Four) ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทประกอบธุรกิจด้านการตรวจสอบบัญชีที่มีความน่าเชื่อถือสูง

OTO

อย่างไรก็ตามในส่วนของคณะกรรมการบริหาร ต้องบอกว่าทาง OTO ได้เปลี่ยนคณะผู้บริหารอยู่หลายครั้ง โดยวันที่ 2 มิ.ย.2566 เพิ่งมีการแต่งตั้ง นายบัณฑิต สะเพียรชัย เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร (จะผล 1 ก.ค.66) แต่ถัดมาเพียงอีกแค่ 20 วัน OTO ก็แจ้งข้อมูลกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า นายบัณฑิต สะเพียรชัย ได้ยื่นหนังสือลาออก ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.66 และได้ให้ นายคณาวุฒิ วรรทนธีรัช กลับเข้าเป็นรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.66 ซึ่งจะดำรงตำแหน่งนี้จนกว่าจะหาคนมาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารได้

ทั้งนี้ ‘Business+’ มองว่า การที่ OTO ยังไม่มี CEO ใหม่นั้น ทำให้เป็นที่น่าจับตามองว่า OTO จะสามารถพลิกฟื้นธุรกิจ หรือขยายไปลงทุนธุรกิจใหม่สร้างผลตอบแทนที่ดี และการเติบโตธุรกิจได้หรือไม่? เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลในงบการงบช่วง 4 ปีย้อนหลัง (2562-2565) ในแง่ของงบกำไรขาดทุน จะเห็นว่า ในปีที่ OTO กำไรสุทธิที่เติบโตส่วนใหญ่เกิดจากกำไรพิเศษ ซึ่งเป็นการบันทึกรายได้ซึ่งเป็นรายได้อื่น (ไม่เกี่ยวกับ Core ธุรกิจหลัก) อย่างเช่น รายได้จากดอกเบี้ยรับจากการฟ้องร้องลูกหนี้การค้า หรือกำไรจากการเข้าถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ

ขณะที่แผนการขยายไปยังธุรกิจโรงไฟฟ้า หรือธุรกิจ EV Bike ที่เคยประกาศอกมาก็ยังไม่รู้ว่าจะมีคนมาสานต่อหรือไม่ เพราะแผนธุรกิจนี้ถูกประกาศออกมาในตอนที่ นายคณาวุฒิ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง และส่งไม้ต่อการเป็น CEO ให้กับ พันธมิตรใหม่ ซึ่งในขณะนั้นได้มีการแต่งตั้ง นายบัณฑิต สะเพียรชัย นั่นเอง

หากใครยังไม่ได้อ่านคอนเทนต์ก่อนหน้านี้สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/oto/

ที่มา : ก.ล.ต. , SETSMART

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#thebusinessplus #BusinessPlus #SET #MORE #STARK #OTO