MG สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำ

การมาของ NEW MG VS HEV ซึ่งเป็นครั้งแรกกับรถยนต์พลังงานไฮบริดสำหรับค่าย MG ที่โดดเด่นทั้งรูปลักษณ์ภายนอก ความหรูหราภายในห้องโดยสาร เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย

 

หากว่ากันที่เรื่องสมรรถนะของแล้ว NEW MG VS HEV ถือว่าเป็นสปอร์ตตี้ไฮบริดเอสยูวีที่มาเติมสีสันให้กับตลาดรถยนต์ไฮบริดเมืองไทยได้เป็นอย่างดี  เมื่อเทียบคุณภาพเข้ากับราคาแล้ว ไม่แปลกใจที่รถยนต์รุ่นนี้จะได้รับรางวัล BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2022 กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ประเภทรถยนต์พลังงานทางเลือก ไปครอง

 

คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงรถยนต์รุ่น New MG VS HEV เป็นรถยนต์ไฮบริด (Hybrid) รุ่นแรกของ MG ซึ่งมีความแตกต่างกับรถยนต์ไฮบริดที่มีในท้องตลาด เพราะปกติรถไฮบริดทั่วไปจะเน้นเรื่องของความประหยัดน้ำมันเป็นหลัก ไม่ได้คำนึงถึงสมรรถนะของการขับขี่มากนัก แต่ New MG VS HEV จะแตกต่างออกไป เพราะรถยนต์รุ่นนี้ MG ได้เน้นในเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่ ดังนั้น โมเดลนี้จึงโดดเด่นด้วยการ เป็นรถ Sports Utility Vehicle (SUV) ขับขี่สนุก ตอบสนองได้ดั่งใจสั่ง

 

โดย NEW MG VS HEV  ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมกันทั้งระบบสูงสุด 177 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. เฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 9 วินาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 โหมด คือ Eco, Comfort และ Sport พร้อมกับโหมด (KERS) ที่เปลี่ยนพลังงานจลน์ขณะชะลอรถให้กลายเป็นไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่ อัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 14-17 กม./ลิตร ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่ของแต่ละบุคคล รวมถึงสภาพแวดล้อม

 

นอกจากนี้ อีกหนึ่งจุดเด่นของ  New MG VS HEV คือเรื่องของเทคโนโลยีที่ MG ใส่เข้าไปรวมถึงอุปกรณ์ที่ติดตั้งในรถยนต์รุ่นนี้ โดย New MG VS HEV มีฟีเจอร์ i-SMART ที่จะช่วยให้ใช้รถง่าย และสะดวกมากขึ้น เช่น ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์, ระบบสั่งการและค้นหาตำแหน่งรถ, ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์, ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ แจ้งเตือนนัดหมาย-บันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ, ระบบสั่งงานด้วยภาษาไทย, ระบบสั่งงานเปิด-ปิดแอร์ผ่านทางสมาร์ตโฟน, ระบบวางแผนการเดินทาง Travel Plan, ระบบเลขาส่วนตัว MG Call Centre, ระบบโทรอัตโนมัติกรณีฉุกเฉิน Emergency call

 

นอกจากนี้ยังมีระบบเชื่อมต่อ SMART CONNECT ผ่านอินเทอร์เน็ต เล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง, ระบบนำทางที่รายงานการจราจรแบบ Real Time หรือค้นหาร้านอาหาร ที่พัก เรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน ข้อมูลพยากรณ์อากาศได้ และฟีเจอร์ที่ถูกใจสายเทคโนโลยีเลยก็คือ กุญแจดิจิทัล สั่งการทำงานรถผ่านสมาร์ตโฟน ใช้งานง่ายเพียงดาวน์โหลด MG Thailand แอปพลิเคชัน นอกจากความโดดเด่นเรื่องสมรรถนะและเทคโนโลยีล้ำสมัยแล้ว ในส่วนของการดีไซน์ก็ถือว่ามีความโดดเด่น และแตกต่างจากรถยนต์ไฮบริดในตลาด

 

“ดีไซน์หน้ารถของ New MG VS HEV ค่อนข้างทันสมัย แปลกใหม่ โดยเฉพาะกระจังหน้ารถที่ดูคล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ส่วนภายในรถยนต์ จะสัมผัสได้ถึงความหรูหรา พรีเมียมด้วยการเลือกใช้วัสดุ นอกจากความสวยงามแล้ว และหนึ่งเดียวในคลาสที่ติดตั้งหน้าจอขนาดใหญ่ 12 นิ้ว จำนวน 2 จอต่อเนื่องกัน การมาของ New MG VS HEV จะสามารถตอบสนองกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะ และเทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำสมัย แต่อยู่ในราคาที่เข้าถึงง่ายด้วยรุ่นเริ่มต้น 859,000 บาท” คุณพงษ์ศักดิ์ กล่าว

 

ขณะที่เมื่อมองภาพรวมแล้วจะเห็นว่าแบรนด์รถยนต์ MG สามารถดึงดูดผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด โดยสาเหตุที่ทำให้ MG ได้รับความไว้วางใจเป็นเพราะว่า MG เป็นแบรนด์ที่เก่าแก่มากที่สุดแบรนด์หนึ่งในประเทศอังกฤษ โดย MG ถือกำเนิดในปี 1924 และใกล้จะครบรอบ 100 ปีในอีกไม่กี่ปีนี้ และ MG ก็เข้ามาทำตลาดเมืองไทยครบ 1 ทศวรรษ มีรถยนต์ MG โลดแล่นอยู่บนถนนเมืองไทยกว่า 160,000 คัน มองเห็นการเติบโตต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 ปี ประกอบกับปริมาณโชว์รูม และศูนย์บริการกระจายทั่วประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยได้เป็นอย่างดี

 

MG ประกาศเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนคือ ต้องการให้อุตสาหกรรมของไทยก้าวทันอุตสาหกรรมโลก ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเราจึงได้สัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างไม่ขาดสาย

 

และยังมีความแข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำของตลาดรถยนต์ EV ปัจจุบันมีรถไฟฟ้าแบรนด์ MG ส่งถึงมือลูกค้ามากที่สุดกว่า 7,000 คัน อีกหนึ่งผลงานของ MG ในการวางรากฐานระบบ EV Ecosystem ติดตั้งจุดชาร์จไฟฟ้าเป็นของตัวเอง ถือว่าเป็นบริษัทรถยนต์ที่วางเม็ดเงินลงทุนการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จมากที่สุดในประเทศไทย เพื่อเป้าหมายในการทลายข้อจำกัดที่มีต่อการใช้รถไฟฟ้าให้กับคนไทย ล่าสุดได้มีการนำเสนอ NEBULA PURE ELECTRIC ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นสำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยนำเสนอผ่าน New MG4 ELECTRIC โมเดลรถไฟฟ้ารุ่นล่าสุดของ MG ที่กำลังเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลกขณะนี้

 

ส่วนในแง่ของราคา MG มีความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิต ที่เหมาะสมกับคุณภาพของรถยนต์ เพราะบริษัทแม่เป็นบริษัทจากประเทศจีน ได้เข้าลงทุนใน Supply chain การผลิตรถยนต์อย่างครบวงจร ซึ่งทำให้สามารถคุมต้นทุนได้ดี และกลายเป็นความได้เปรียบ ขณะที่ในอนาคต MG จะทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามตลาดโลก โดยไม่ได้ยึดติดการพัฒนาที่ผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว  เพราะปัจจุบันตลาดค่อนข้าง Dynamic มาก ๆ “เราเป็นแบรนด์ที่ไม่ถูกตีกรอบยึดติดตายตัว แต่จะอิงเทรนด์ของตลาดเป็นหลัก หากความต้องการในตลาดเปลี่ยนไปเราก็ต้องปรับเปลี่ยนตาม โดยยึดหลักการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตลาดอย่างรวดเร็วที่สุด” คุณพงษ์ศักดิ์ กล่าวในตอนท้าย

 

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า New MG VS HEV นั้นเป็นรถยนต์ไฮบริดที่เปิดตัวได้เพียงไม่นาน แต่สามารถเข้าไปอยู่ในใจลูกค้า ด้วยจุดเด่นด้านสมรรถนะการขับขี่ ความคุ้มค่า คุ้มราคา หากเทียบกับเทคโนโลยีที่ได้รับทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกใช้ New MG VS HEV ได้ไม่ยาก ถือว่าเป็นรถยนต์ไฮบริดที่เข้ามาสร้างสีสันรถยนต์ไฮบริดเมืองไทยเลยก็ว่าได้

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #NEWMGVSHEV #MG #เอ็มจี