The Business Plus บิสิเนสพลัส
‘Major Cineplex’ ผู้นำอันดับหนึ่งอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ของเมืองไทย กับการเป็นมากกว่าโรงภาพยนตร์ด้วยความบันเทิงที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น คอนเสิร์ต กีฬา งานประกวดต่าง ๆ และโอเปรา พร้อมการค้นพบ Opportunity ใหม่ที่ช่วยเสิร์ฟความอร่อยถึงมือลูกค้าทุกท่านด้วย ‘Popcorn’ หลากหลายรสชาติ หาซื้อได้ง่ายทุกที่ทุกเวลา
คุณนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด เปิดเผยกับทาง Business+ ถึงธุรกิจโรงภาพยนตร์ ‘Major Cineplex’ ว่า ในช่วงปีที่ต้องเผชิญกับการระบาดของ COVID-19 ทำให้การให้บริการโรงภาพยนตร์เกิดข้อจำกัด ซึ่งทางบริษัทก็ได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในต้นปี 2023 ที่ผ่านมากว่า 95% แล้ว พร้อมกับการปรับเปลี่ยนธุรกิจให้เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยหลากหลายความบันเทิงใหม่ ๆ ที่ทางบริษัทตั้งใจจะนำเสนอให้กับลูกค้า
4 กลยุทธ์สำคัญของ ‘Major Cineplex’
- Content หนังที่หลากหลาย โดย ‘Major Cineplex’ มี Content ภาพยนตร์ฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์ ที่แข็งแรง และมีภาพยนตร์ไทยกว่า 20 เรื่อง เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด พร้อมทั้งเปิดตลาดใหม่ ๆ ด้วยการนำภาพยนตร์ Local Content ของจีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดียฯ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่มีความนิยมเพิ่มขึ้น เมเจอร์จึงนำเข้ามาเพื่อให้ลูกค้าได้รับชมภาพยนตร์ที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ แอนิเมชันจากญี่ปุ่นกว่า 20 เรื่องที่เอาใจกลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะ และด้วยความหลากหลายของคอนเทนต์หนัง ทำให้ในทุก ๆ เดือนมียอดสมัครสมาชิกใหม่ M Pass บัตรดูหนังรายเดือน เฉลี่ยเดือนละ 30,000 คนเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ในปัจจุบันกลุ่มผู้บริโภคก็เริ่มหันมาดูหนังที่บ้านมากขึ้น ทำให้ Major Cineplex ได้ขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ไทยในเครือลงสื่อสตรีมมิ่งต่าง ๆ
- Innovation ทาง Major Cineplex ได้นำเทคโนโลยีการฉายภาพยนตร์ใหม่ ๆ ที่ดีที่สุดจากทั่วโลก มาสู่ลูกค้าทุกคน อาทิ การอัปเกรดระบบ IMAX LASER จอยักษ์ คมชัดสูงสุดระดับ 4K Laser หรือ ระบบ Screen X การฉายภาพแบบ 3 จอ 3 ทิศทาง ให้ภาพกว้างถึง 270 องศา อีกทั้งในปีนี้จะนำเทคโนโลยีมาพัฒนาการฉายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย
- Customer Happiness การคิดค้น และพัฒนาความสะดวกสบายให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ อาทิ การซื้อตั๋วหนังผ่านแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็นจะต้องซื้อหน้าโรงหนังอีกต่อไป ทำให้ในปัจจุบันมีลูกค้าซื้อผ่านแอปแล้วประมาณ 35% คาดการณ์ปลายปีจะมากถึง 70%
- New Business ในช่วงที่ COVID-19 กำลังระบาดอยู่ ยังมีโอกาสทางธุรกิจใหม่อย่าง ‘Popcorn Out Cinema’ ที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งการจำหน่ายป๊อปคอร์นนอกโรงภาพยนตร์ สามารถสร้างรายได้ 50 ล้านบาทต่อเดือน และมีเป้าหมายให้ถึง 100 ล้านบาทต่อเดือน
โดยทางบริษัทได้วางการตลาดจำหน่าย ‘Popcorn’ ผ่าน 4 ช่องทางหลักเพื่อที่จะทำให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายที่สุด
- Food Delivery เช่น Grab, LINE MAN, foodpanda
- E-Commerce ผ่านช่องทาง Major Mall ใน Application ของ Shopee และ Lazada
- Supermarket และ Hypermarket เช่น Tops, Villa Market, BigC และห้างสรรพสินค้าชั้นนำอื่น ๆ
- Kiosk ภายในศูนย์การค้า และเคาน์เตอร์หน้าโรงภาพยนตร์
ทั้งนี้ ทางเมเจอร์ยังมุ่งมั่นให้ธุรกิจ ‘Popcorn’ เติบโตและเป็นหนึ่งในธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัท โดยเร็ว ๆ นี้จะจัดจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ในราคาที่เข้าถึงได้ รสชาติอร่อย มาตรฐานเดียวกับโรงภาพยนตร์ถูกใจกลุ่มผู้บริโภค
ความสำเร็จที่มาจาก Customer Empathy
ทาง Major Cineplex เป็นผู้ให้บริการโรงภาพยนตร์ที่ปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป พร้อมทำความเข้าใจและตอบรับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และมุ่งมั่นที่จะเป็นโรงภาพยนตร์ที่สร้างความสุขให้กับลูกค้า โดยในปีนี้ลูกค้าจะพบกับความบันเทิงที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ คอนเสิร์ต BTS : Yet To Come ที่สามารถกวาดรายได้ไปสูงถึง 10 ล้านบาท โดยในอนาคตเราจะได้รับชม Variety ที่หลากหลาย ตั้งแต่ คอนเสิร์ต การแข่งขันกีฬา โอเปรา งานประกวด งานประกาศรางวัล และอื่น ๆ อีกมากมาย
คุณนรุตม์ เจียรสนอง กล่าวว่า “ปัจจุบันคนใช้เวลากับ Social Media มากขึ้น ทำให้การเดินทางออกนอกบ้านเป็นเรื่องที่ต้องตระหนัก ซึ่ง Major Cineplex เป็นเหมือน Affordable Entertainment ที่ทำให้ลูกค้าออกมาใช้เวลานอกบ้านในราคาที่เข้าถึงได้ Social Life กับครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่คนรัก ในราคาที่ไม่แพง จับต้องได้ สามารถออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านในราคาที่สมเหตุสมผลที่สุด”
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่า Major Cineplex ถือเป็นผู้ให้บริการโรงภาพยนตร์ชั้นนำที่มุ่งมั่น เรียนรู้ ปรับเปลี่ยน และเติมเต็มสิ่งใหม่พร้อมสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอยู่เสมอ จนสามารถคว้ารางวัล Thailand Top Company Awards 2023 ในสาขาความเป็นเลิศทางด้าน BEST CUSTOMER EXPERIENCE AWARD ไปครอง
