MAJOR กับคำนิยาม ‘More than just a Cinema’ อีกขั้นของโรงภาพยนตร์

MAJOR ได้พัฒนาบทบาทของธุรกิจโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นอีกขั้น จนได้รับคำนิยามว่า ‘More than just a Cinema’ อีกทั้งยังมีการนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่างเครื่องฉายไอแมกซ์เลเซอร์ การซื้อตั๋วหนังออนไลน์ และการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมาสร้างความสุขความประทับใจให้กับลูกค้า

 

คุณนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เผยถึงความสำเร็จที่ MAJOR สามารถคว้ารางวัล Product of the year awards 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 มาจากการที่ให้ความสำคัญกับความสุขของลูกค้า (Customer Happiness)เป็นอันดับแรก โดยได้มีการนำนวัตกรรม (Innovation) ใหม่ ๆ เข้ามาอำนวยความสะดวกสบายในการซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ อีกทั้งยังมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการฉายภาพยนตร์ให้มีความทันสมัย ภาพคมชัดมากขึ้น

 

โดยเทคโนโลยีที่ถือได้ว่าครองใจลูกค้าก็คือ เครื่องฉายไอแมกซ์เลเซอร์ (Imax Laser) เป็นเทคโนโลยีสำหรับการฉายภาพยนตร์ที่ผสมผสานการฉายภาพเลเซอร์ระดับ 4K ด้วยระบบออปติคัลใหม่ ทำให้ภาพมีความละเอียดมากขึ้น และช่วงสีที่กว้างที่สุดสำหรับหน้าจอ IMAX ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของทางโรงภาพยนตร์ IMAX จะทำให้ผู้ชมสามารถมองเห็นภาพขนาดใหญ่และได้ยินเสียงที่ชัดเจนเหมือนกันทุกที่นั่ง รวมทั้งยังมีโรงภาพยนตร์ ScreenX PLF ซึ่งเป็นรูปแบบโรงภาพยนตร์แบบแรกของโลกที่ใช้ระบบการฉาย 3 ทิศทางด้วยเครื่องฉายเลเซอร์หลายตัว (Multi-Projection System) ซึ่งมีคุณภาพความละเอียดขั้นสูง จะทำให้ผู้ชมเห็นภาพที่ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น และสมจริงขึ้น ถือเป็นผู้นำการฉายหนังภาพยนตร์อีกขั้นอย่างแท้จริง

 

อีกทั้งยังมีในเรื่องของสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกของ MAJOR โดยจะแบ่งเป็น บัตร M Pass ซึ่งเป็นเหมือนกับบัตรดูหนังแบบสมาชิกรายเดือน เพื่อรับสิทธิ์ดูหนังในโรงภาพยนตร์ของ MAJOR ได้ทุกเรื่อง ทุกรอบ ทุกสาขา ล่าสุดมีสมาชิกราว 3 แสนคน โดยสัดส่วนของลูกค้าที่ถือบัตรนี้จะเป็น นักเรียน นักศึกษา 70% ผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 30% ขณะเดียวกัน บัตร M GENERATION NEXT หรือ M GEN จะใช้เป็นสิทธิ์ส่วนลด 30 บาท ในการซื้อบัตรชมภาพยนตร์ ซึ่งคะแนน M GEN สามารถนำมาแลกบัตรชมภาพยนตร์ได้ทุกเรื่อง ทุกรอบ รวมถึงแลกป๊อปคอร์นและน้ำอัดลมได้ ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ราว 6 ล้านคน โดยสัดส่วนการถือบัตรจะเป็นนักเรียน นักศึกษา 50% และผู้ใหญ่ 50%

 

ขณะเดียวกันในเรื่องการซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ทาง MAJOR ได้มีการผลักดันใช้ Mobile Ticketing เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าให้สามารถเช็กรอบฉาย และซื้อตั๋วผ่าน Major Cineplex  Application  ได้โดยไม่ต้องเดินทางมาซื้อถึงโรงภาพยนตร์ ล่าสุดจากฐานข้อมูลมีลูกค้าประมาณ 35% ที่ซื้อผ่านออนไลน์ ทั้งนี้การซื้อผ่านออนไลน์ทาง MAJOR ก็ได้มีการมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า ในรูปแบบ M Coupon จะมีทั้งส่วนลดหนัง ป๊อปคอร์น และน้ำอัดลม ซึ่งก็ได้มีการทำ Segmentation Marketing Automation เพื่อให้การส่งมอบคูปองถูกใจลูกค้ามากที่สุด โดย M Coupon ถือเป็นนวัตกรรมที่จะดึงดูดให้ลูกค้าซื้อตั๋วผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ดังนั้น MAJOR จึงได้มีการวางเป้าหมายในปีหน้าจะผลักดันให้ลูกค้าซื้อตั๋วผ่านช่องทางออนไลน์อย่างน้อย 50% ขึ้นไป

 

นอกจากนี้ MAJOR ไม่เพียงแค่ฉายภาพยนตร์เท่านั้น แต่ได้มีการนำ Non-Movie หรือ Alternative Content เข้ามาฉายด้วยเพื่อสร้างความบันเทิงให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดย คุณนรุตม์ กล่าวว่า ทาง MAJOR ต้องการส่งเสริมรูปแบบการฉาย Non-Movie จึงได้มีการนำคอนเสิร์ต กีฬาถ่ายทอดสดเข้ามาฉาย หรือแม้กระทั่งการจัดประชุมทางไกลก็ตามเข้ามาไว้ในโรงภาพยนตร์ซึ่งโรงภาพยนตร์ของ MAJOR ตอนนี้สามารถใช้คำนิยามได้ว่า More than just a Cinema คือเป็นมากกว่าโรงภาพยนตร์ แต่สามารถทำอย่างอื่นได้ อย่างล่าสุดการฉายคอนเสิร์ต TAYLOR SWIFT THE ERAS TOUR สร้างยอดขายตั๋วให้ MAJOR ได้ราว 20 ล้านบาท

 

Strategic Planning in The Future

Business+’ ได้มีการสอบถามถึงแผนพัฒนาธุรกิจโรงภาพยนตร์ในอนาคต คุณนรุตม์ กล่าวว่า ตอนนี้ทาง MAJOR เดินหน้าสู่การเติบโตยั่งยืนอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีนโยบายความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างจริงจัง ภายใต้โครงการ ‘Green Cinema’ โรงหนังรักษ์โลก ที่ให้ความสำคัญกับปัญหาขยะ การคัดแยกขยะ ควบคู่ไปกับการหาแนวทางแปรรูปเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยเครื่องฉายเลเซอร์ ที่ทาง MAJOR ได้เปลี่ยนมาใช้แทนรุ่นเก่านั้นช่วยประหยัดพลังงานได้ราว 20% ซึ่งในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ตั้งเป้าหมายจะมีโรงภาพยนตร์ที่ใช้เครื่องฉายเลเซอร์ครบ 800 จอ

 

นอกจากนี้จะมีการดึงพาร์ตเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี มาร่วมพัฒนาจอฉายภาพยนตร์เพื่อให้ได้คุณภาพที่แตกต่างไปจากเดิม อีกทั้งจะมีการปรับปรุงในเรื่องของการบริการให้ดีขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ และกลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนี่ถือเป็นกลยุทธ์ที่สร้าง Brand Loyalty ทั้งนี้ MAJOR ได้มีการวางยุทธ์ศาสตร์จะเปิดโรงภาพยนตร์ให้ครอบคลุมทุก 77 จังหวัด เพื่อให้การเข้าถึงแบรนด์เป็นเรื่องง่ายขึ้น

 

การดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์ต้องมีการพัฒนาในหลายมิติ เพื่อให้สามารถดึงดูดใจลูกค้าได้ ซึ่ง MAJOR ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทางบริษัทได้ให้ความสำคัญกับทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี การบริการ รวมถึงการคำนึงถึงส่วนรวมอย่างเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ทุกคนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

 

เขียนและเรียบเรียง : ศิริวรรณ อรรถสุวรรณ
ติดตาม Business+ ได้ที่ Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS