Magic Room นวัตกรรม พลิกโฉม ตู้เย็น ‘ไฮเออร์’ สู่อนาคตที่ดีกว่า

ไฮเออร์ (Haier) แก้ไขจุดที่เป็น Pain point สำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อตู้เย็น 4 ประตู ซึ่งเป็นสินค้าระดับพรีเมียม คือราคาที่สูงเกิน 30,000 บาท ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ ที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่าทั้งราคา ฟังก์ชันการใช้งาน ตลอดจนเทคโนโลยีล้ำสมัย ส่งผลให้การเติบโตในกลุ่มตู้เย็นเพิ่มกว่า 45% ในปีที่ผ่านมา และปีนี้ยิ่งท้าทายกว่านั้น กับเป้าหมายขยับขึ้นเป็นอันดับ 3 ของตลาดรวม

ท่ามกลางการแข่งขันกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า แบรนด์ไอเออร์ (Haier) กลายเป็นแบรนด์ที่ครองใจคนไทยเพิ่มมากขึ้น สะท้อนจากข้อมูลวิจัยของจีเอฟเค (GfK : Gesellschaft für Konsumforschung) สมาคมวิจัยผู้บริโภคแห่งเยอรมนี ระบุว่า ยอดขายช่องทางออนไลน์แบรนด์ ไฮเออร์ รั้งอันดับ 1 และรั้งอันดับ 2 สำหรับการเป็นผู้จัดจำหน่ายตู้เย็นแบบ 4 ประตู

หรือแม้แต่คว้าตำแหน่งแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่อันดับ 1 ของโลก ด้านยอดขายประจำปี พ.ศ. 2563 จากการจัดอันดับโดยสถาบัน Euro monitor International

ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจในการทำธุรกิจอย่างมุ่งมั่นเพื่อสังคมไทย ผ่านปัจจัยต่าง ๆ เช่น การนำเสนอผลิตภัณฑ์และการบริการที่หลากหลายต่าง ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกช่วงอายุ

 

มร.จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกกับเราว่า ความสำเร็จของแบรนด์ไฮเออร์ เกิดจากการวิจัยกลยุทธ์การตลาดและจัดเก็บข้อมูลเชิงลึกด้านความต้องการของลูกค้า เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีกว่าคู่แข่ง โดย ไฮเออร์ปรับเปลี่ยนทิศทางธุรกิจ รวมถึงกลยุทธ์ใหม่และหันมาเน้นการสร้างประสบการณ์การใช้งานจริงให้กับผู้บริโภค

อีกทั้งยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าแบบ Ecosystem เน้นฟังก์ชันที่ครบและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยการพัฒนาที่ไม่เคยหยุดนิ่งทำให้ ไฮเออร์สามารถก้าวสู่เวทีระดับโลกในเวลาอันรวดเร็วและกลายเป็นแบรนด์ชั้นนำในทุก ๆ กลุ่มสินค้า อาทิ แบรนด์ยอดขายอันดับหนึ่งในหมวดผลิตภัณฑ์ตู้เย็น 13 ปีซ้อน และแบรนด์ยอดขายอันดับหนึ่งในหมวดผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้า 12 ปีซ้อน

“จุดสำคัญคือ ไฮเออร์รับฟังความต้องการของผู้บริโภคและปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ พร้อมทั้งอาศัยพลังแห่งเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อสร้างความโดดเด่นในตลาด แน่นอนมันเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบริษัท ในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ตลอดจนความสามารถในการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวโน้มล่าสุดของเทคโนโลยีและผู้บริโภค

โดยตลอดหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต, IoT, AI และ 5G

อย่างไรก็ดี แทนที่จะไหลไปตามกระแส ไฮเออร์ได้ก้าวนำในการกำหนดนิยามให้กับอุตสาหกรรมด้วยผลิตภัณฑ์ที่ปฏิวัติวงการ” มร.จาง กล่าว

อย่างสินค้ากลุ่มตู้เย็น ซึ่งจากการเปิดเผยของ คุณเกษมสันต์ โอซาว่า ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ตู้เย็น บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า สินค้าเรือธง กลุ่มตู้เย็นของไฮเออร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในตู้เย็นยุคใหม่ของตลาดประเทศไทย 3rd Generation หรือ GEN3 ซึ่งเป็นตู้เย็นที่ก้าวสู่ยุคใหม่ ด้วยนวัตกรรมที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้ดีที่สุด และเพื่อให้ตู้เย็นไฮเออร์ GEN3 เป็นมาตรฐานที่ตู้เย็นยุคใหม่ (HRF-330 MGI) มีความโดดเด่นด้วยดีไซน์ เรียบหรู มาพร้อม Smart Temp Control ควบคุมอุณหภูมิได้ง่าย ๆ ตามความต้องการด้วยหน้าจอระบบสัมผัส

และนอกจากเทคโนโลยีช่องแช่แข็งอัจฉริยะที่เปลี่ยนโหมดได้ 5 โหมดดั่งใจ ที่มีใน Navi Cooling รุ่นเดิมแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญเรียกได้ว่า เป็นหัวใจหลักของตู้เย็นของไฮเออร์คือ ฟังกชันเมจิก รูม (Magic Room Functional) สามารถปรับอุณหภูมิได้ทั้งแช่เย็นและแช่แข็ง ด้วยองศาความเย็นที่ละเอียดสุด อาทิ ทำเครื่องดื่มวุ้นแบบขวดไม่แตก แช่เนื้อแบบพร้อมปรุงไม่ต้องรอละลายให้เสียรสชาติ

สามารถแช่ไอศกรีมแบบพร้อมรับประทานโดยไม่แข็งเกินไป ทำให้อาหารสดแต่ละประเภท คุมรสชาติความสดที่เพอร์เฟค พร้อมฟังก์ชันกำจัดแบคทีเรียในตู้ ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของทุกคนในครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

เพิ่มเติมอีกหนึ่งจุดเด่นที่ขาดไม่ได้คือ ตัวดีไซน์รอบนอกของตู้เย็น มาพร้อมกับมาตราฐานที่ตู้เย็นยุคใหม่ต้องมีรูปแบบจอควบคุมแบบทัชสกรีน สามารถกำหนดทิศทางอุณหภูมิของแต่ละช่องแช่แข็งให้แตกต่างกันออกไป รวมถึงการดีไซน์ 3 ช่องแยกอิสระ เพื่อช่วยให้กลิ่นอาหารไม่ปะปนกัน และระบบ Twin Inverter เพื่อให้ลูกค้าสามารถประหยัดพลังงานด้วยคอม และพัดลมอินเวอร์เตอร์รุ่นล่าสุด

รุกเข้มทุกช่องทาง
วิกฤติ COVID-19 ทำให้หลายภาคอุตสาหกรรมดิ้นรนเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่กับไฮเออร์ โดยคุณเกษมสันต์ บอกว่า เป้าหมายปีนี้ ไฮเออร์ ประเมินว่า แบรนด์จะรุกเข้มทุกช่องทางการจำหน่าย ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และออนกราวด์ โดยเตรียมผนึกพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อนำสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ดียิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันได้เตรียมกลยุทธ์การตลาด เพื่อแนะนำสินค้าในรุ่นต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับ Keyword สำคัญประกอบด้วย
1. Affordable ราคาจับต้องได้

2. Available หาซื้อง่ายขึ้น โดยปีนี้เน้นเพิ่มเติมที่โมเดิร์นเทรด และ

3. Value for Money เพราะยุคปัจจุบัน หากสามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคที่ชาญฉลาดได้ ควบคู่ไปกับประโยชน์และความคุ้มค่า เชื่อว่าอันดับทางการตลาดที่มองไว้อันดับ 3 หรือ 4 คงไม่เหนือเกินความคาดหมายสำหรับไฮเออร์