งบการเงิน 5 โรงแรมดังยังขาดทุนเกินพันล้าน!! ลุ้นต่อปี 2565 นักท่องเที่ยวกลับคืนได้แค่ไหน?

ถึงแม้ในช่วงปลายปี 2564 สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยจะได้เห็นการฟื้นตัวขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 หลังอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงช่วงที่ผ่านมามีมาตรการสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวจากรัฐบาล

จึงทำให้ในช่วงปลายปี 2564 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น (ในไตรมาส 4/64 เท่ากับ 342,024 คน ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมากจาก 38,699 คน ในไตรมาสก่อนหน้า)

แต่รายได้ของโรงแรมที่เปิดกิจการยังอยู่ในระดับต่ำ โดยพบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของโรงแรมที่เปิดกิจการรายได้ยังไม่สามารถกลับมาได้ถึง 30% ก่อน COVID-19 ดังนั้น ผลประกอบการของโรมแรมในปี 2564 ยังประสบกับผลขาดทุนสุทธิ

ครั้งนี้ ‘Business+’ ได้ทำการสำรวจรวบรวมผลประกอบการของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านโรงแรม โดยเรียงลำดับจากบริษัทที่ประสบผลขาดทุนสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก มานำเสนอดังนี้

– บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT สิ้นปี 2564 มีโรงแรมที่ลงทุนเองจำนวน 372 แห่ง และมีโรงแรมและเซอร์วิส สวีทที่รับจ้างบริหารอีก 155 แห่งใน 56 ประเทศ (มีจำนวนห้องพักรวมทั้งหมด 75,621 ห้อง เป็นห้องที่ลงทุนเองและเช่าบริการ 56,675 ห้อง และห้องที่รับจ้างบริหาร 18,946 ห้อง) โดยโรงแรมในเครือได้แก่แบรนด์อนันตรา,อวานี, โอ๊คส์,ทิโวลี,เอ็นเอช คอลเลคชั่น , เอ็นเอช โฮเทลส์, นาว และเอเลวาน่า คอลเลคชั่น

โดยมีห้องพักในประเทศไทย 4,892 ห้อง คิดเป็น 6% และเป็นห้องพักในต่างประเทศ 70,729 ห้อง คิดเป็น 94% ในอีก 55 ประเทศ ครอบคลุมทั่วทวีปเอเชีย โอเชียเนีย ยุโรป อเมริกา และแอฟริกา

– บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW มีโรงแรมทั้งหมด 73แห่ง และจำนวนห้องพักทั้งหมด 9,807 ห้อง ณ สิ้นปี 2564 โดยเป็นผู้ให้บริการโรงแรมกลุ่มโรงแรม 5 ดาว (Luxury) กลุ่มโรงแรมระดับกลาง (Midscale) กลุ่มโรงแรมชั้นประหยัด (Economy) ซึ่งโรงแรมในเครือเช่น โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ และกลุ่มโรงแรมฮ็อป อินน์(HOP INN)

– บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL มีโรงแรมภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 85 โรงแรม ทั้งหมด 17,448 ห้อง เปิดดำเนินการแล้ว 46 โรงแรม (9,410 ห้อง) และกำลังพัฒนา 39 โรงแรม (8,038 ห้อง) โรงแรมในเครือเช่น เซ้นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทาราแกรนด์บีช รีสอร์ทและวิลลาหัวหัว

– บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ GRAND มีโรงแรมที่เปิดดำเนินการ 5 แห่ง คือ เดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท, เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา, เชอราตัน หัวหิน ปราณบุรี วิลล่า, รอยัลออคิด เชอราตัน และ ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพ สุขุมวิท ขณะที่มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 4 โครงการ คือ โครงการไฮด์ สุขุมวิท 11 คอนโด โครงการไฮด์ สุขุมวิท 13 คอนโด โครงการหัวหิน บลูลากูน รีสอร์ท โครงการเดอะเทรนดี้ คอนโดมิเนียม

– บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR โดย บริษัทฯ มีโรงแรมที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วทั้งหมด 38 แห่ง ประกอบด้วยโรงแรมที่บริษัทฯ บริหารจัดการเอง, โรงแรม Outrigger, โรงแรมในโครงการ CROSSROADS เฟส 1, โรงแรมของบริษัทฯในสหราชอาณาจักร, และโรงแรมที่มีการดำเนินงานในลักษณะการร่วมค้า ซึ่งมีจำนวนห้องพักรวมกันทั้งสิ้น 4,522 ห้อง โดยโรงแรมในเครือที่บริหารเองได้แก่ โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย, โรงแรม ทราย พีพีไอส์แลนด์ วิลเลจ, โรงแรม ทราย ลากูน่า ภูเก็ต,โรงแรม ทราย เกาะสมุย เชิงมน

ทั้งนี้น่าจับตามองต่อว่าในปี 2565 บริษัทเหล่านี้จะมีผลประกอบการเป็นเช่นไร เมื่อต้นปีที่ผ่านมาทาง ‘แบงก์ชาติ’ ได้เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (Hotel business operator Sentiment Index: HSI) เดือนมกราคม 2565 พบว่า อัตราการเข้าพักลดลงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ในประเทศ โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 32% ลดลงจาก 36.9% เมื่อเดือนธ.ค.2564

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ที่มา : SETSMART

ติดตาม Business+ ได้ที่ https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHCuS

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #มูลค่าบริษัท #โรงแรม #ที่พัก #ธุรกิจโรงแรม #ท่องเที่ยว