ใครจะไปเชื่อว่า สินค้าที่ขายออนไลน์อย่างตู้เย็นของไฮเออร์ จะมียอดซื้อเป็นอันดับ 1 ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้
ปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีทองสำหรับไฮเออร์ หรือ บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กับยอดขายเติบโตสวนกระแส โดยคาดการณ์รายได้รวมทุกหมวดผลิตภัณฑ์ประมาณ 6,205 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 38% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ในจำนวนนี้แบ่งเป็นรายได้จากเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน 2,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% ตู้เย็น 1,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% เครื่องซักผ้า 835 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% ตู้แช่ 590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41%
เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ 365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% และผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ 322 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 65% และได้เตรียมรุกตลาดในช่วงครึ่งปีหลังอย่างแข็งแกร่ง พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้น 38 %
“ในช่วง Covid-19 ที่ผ่านมา ยอดสั่งสินค้าไฮเออร์ผ่านออนไลน์โตขึ้นเกือบ 400% โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มตู้เย็น เรามีรายได้จากสั่งสินค้าออนไลน์โตอันดับ 1 ขณะที่ยอดขายกลุ่มเครื่องปรับอากาศเติบโต 150% ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์ในภาพรวมเพิ่มขึ้นเป็น 7%”
แน่นอนว่า กลยุทธ์สำคัญ ๆ ที่ไฮเออร์มียอดขายดีขึ้น มาจากความมั่นใจของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์สินค้าดีขึ้นนั่นเอง ซึ่งในช่วงเวลาไม่ถึง 5 ปี จะพบว่า
Boston Consulting Group ได้จัดอันดับให้ไฮเออร์เป็น 1 ใน 10 บริษัทที่มีนวัตกรรมล้ำหน้าที่สุดในโลกในปี 2558
นอกจากนี้ ไฮเออร์ยังเป็น 1 ใน 50 แบรนด์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกประจำปี 2561 จัดอันดับโดย World Brand Lab และเป็นแบรนด์ IoT Ecosystem รายเดียวของโลกที่อยู่ในลิสต์รายชื่อที่ Top 100 แบรนด์มูลค่าสูงสุดของโลกในปี 2562 จากข้อมูลของ Brandz อีกด้วย
ในยุคไฮเทคอย่างยุคนี้ โดยที่ยังคงสามารถรักษาอุดมการณ์ที่จะผลิตของสินค้าที่สร้างสรรค์ ‘ฟังก์ชันครบ ราคาจับต้องได้’ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าตู้เย็น ซึ่งถูกโหวตให้เป็นสินค้าที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม ก็ต้องยอมรับว่า
“แนวคิดที่ปรับจากการเป็นแบรนด์อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า มาเป็นแบรนด์ที่สร้างประสบการณ์สมาร์ทโฮมให้แก่ลูกค้ามากขึ้น คือ อนาคตสำคัญของไฮเออร์”
ทั้งนี้ นวัตกรรมเด่นของตู้เย็น NAVI COOLING ที่สร้างสรรค์มาเพื่อเอาใจผู้บริโภคคนไทยโดยเฉพาะฟังก์ชันอย่าง Snow Beverage สามารถทำเครื่องดื่มให้เป็นวุ้นอย่างรวดเร็ว และสะดวกถูกใจทุกเพศทุกวัย มาพร้อมช่องแช่แข็งที่ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ถึง 5 แบบ ที่สามารถปรับอุณหภูมิ ทั้งช่องแช่แข็งและช่อง Magic Room พร้อมกัน
ตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ ให้ผู้ใช้งานสามารถปรับอุณหภูมิได้อิสระ -18 ถึง 5 องศา เหมาะสำหรับการแช่ของที่ต้องการอุณหภูมิที่จำเพาะ ด้วยปุ่มปรับอุณหภูมิอัจฉริยะหน้าตู้ทั้ง 3 ช่อง ด้วยเทคโนโลยี Smart Control ปรับง่ายที่หน้าตู้
และด้วยภาพลักษณ์ใหม่ ซึ่ง มร. จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เน้นย้ำว่า การดีไซน์คือสิ่งสำคัญสำหรับการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า คือสามารถเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งของบ้านได้ เรียกได้ว่า ตู้เย็นไฮเออร์ ทั้งสวย ทั้งฟังก์ชันครบ ราคาจับต้องได้
ด้วยการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของไฮเออร์ การนำคอนเซ็ปต์ Internet of things เป็นกลยุทธ์สำหรับปีถัดไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น และตู้เย็นอัจฉริยะใหม่ IoT Smart Series คือการก้าวสู่ยุคแห่งอนาคตด้วยนวัตกรรมที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้เรที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อเพื่อสั่งการทำงานผ่านแอปฯ รีโมท ทัชสกรีนขนาดใหญ่ที่ด้านหน้าเครื่องเพื่อการใช้งาน Entertainment อย่าง YouTube, Facebook และการทำอาหารที่ไม่น่าเบื่อ หรือแม้แต่การสั่งงานด้วยเสียง และการกดสั่งซื้อของผ่าน Groceries ออนไลน์ ทำให้ชีวิตง่ายมากขึ้น
นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มตู้แช่เย็น Ice Bar เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคระดับพรีเมี่ยม ที่ได้รวมหลาย ๆ ฟังก์ชั่นไว้ในตู้เดียว สามารถแยกการใช้งานได้หลากหลาย
โดย Ice Bar รุ่น LC-132 ได้ถูกออกแบบมาอย่างเรียบหรูและใช้วัสดุพรีเมียม โดยชั้นบนได้ถูกออกแบบให้เป็นที่เก็บไวน์ ทำจากไม้บีซ ลดแรงสั่นสะเทือน เพื่อรักษารสชาติของไวน์, ชั้นกลาง เหมาะกับการเก็บวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร และยังมีลิ้นชักสำหรับเก็บผักและผลไม้ที่มาพร้อมระบบ HCS เพื่อป้องกันความชื้นภายใน ช่วยคงความสดของผักและผลไม้ได้นานยิ่งขึ้น
และยังมี Multi-Zone ช่องแยกพิเศษสำหรับทำอุณหภูมิอิสระได้ 3 ระดับ คือ 4°C เหมาะสำหรับแช่นมแม่, 5°C แช่ใบชาแห้ง, 0°C แช่เครื่องดื่ม อีกด้วย
มร. จาง กล่าวในตอนท้ายว่า “เราเดินมาถูกทางแล้ว ด้วยแนวคิดสร้างสรรค์สินค้าด้วยนวัตกรรม โดยเราต้องให้ Benefit กับลูกค้าพร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้งในระดับโลกและประเทศไทยอย่างดีที่สุด”