เปิด 4 Key Players ธุรกิจ Ecotourism ระดับโลก

ความสวยงามของธรรมชาติ และความหลากหลายของวัฒนธรรมท้องถิ่น ถือเป็นตัวเลือกที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวรูปแบบใหม่อย่าง Ecotourism ซึ่งเทรนด์ใหม่นี้ถือเป็นการเพิ่ม Value Added ให้กับธุรกิจท่องเที่ยว และยังช่วยพัฒนาทั้งในเชิงของเศรษฐกิจ และสังคม อีกทั้งยังเป็นเทรนด์ธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 16% ยาวไปถึงปี 2571 จนทำให้มีผู้เล่นในตลาดโลกสามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาล

ซึ่งหลังจากเราทำความรู้จักและวิเคราะห์ตลาด Ecotourism ไปแล้วตามที่ ‘Business+’ เคยนำเสนอไปแล้วกับคอนเทนต์ ‘Ecotourism’ ธุรกิจ High Value กับโอกาสเติบโตขั้นต่ำ 16% ต่อปี วันนี้เราจะมาดูกันว่า บริษัทท่องเที่ยวในระดับโลกที่มีความโดดเด่นด้าน Ecotourism มีใครบ้าง โดยเราพบข้อมูลว่าปัจจุบันอเมริกาเหนือเป็นผู้นำตลาดด้าน Ecotourism และจะยังเห็นการเติบโตต่อเนื่องปีละ 8.9% ขณะที่เอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ก็เป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่มีจุดแข็งด้านทรัพยากร และวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ จึงทำให้ปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของมูลค่าตลาด Ecotourism ทั่วโลก

ทั้งนี้เมื่อทำการสำรวจ เราพบว่า Market Key Players ใน Ecotourism ระดับโลกที่น่าสนใจมีดังนี้

1. Adventure Alternative Ltd

2. Arcari Travel

3. Frosch International Travel, Inc.

4. G.Adventure

5. Intrepid Group Limited

6. Small World Journeys Pty Ltd

7. Rickshaw Travel Group

8. Steppes Travel Group

9. Travel Leader Group, LLC

10. Undiscovered Mountains Ltd

ที่มา : marketdataforecast

โดย ‘Business+’ ได้สำรวจและรวบรวมข้อมูลผู้เล่นในตลาด Ecotourism ที่น่าสนใจหลัก ๆ มา 4 รายด้วยกัน

รายแรกคือ Intrepid Travel จากออสเตรเลีย ซึ่งมีรายได้ถึง 478 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 15,774 ล้านบาท โดย Core Business จะเน้นรูปแบบการเดินทางที่พานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับชุมชน จุดแข็งของแบรนด์คือการสร้างเครือข่ายพันธมิตระดับชุมชนและพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประสบการณ์ใหม่ให้นักเดินทางได้เชื่อมต่อกับคนในท้องถิ่นและสร้างผลกระทบเชิงบวกในด้านเม็ดเงินหมุนเวียน นอกจากนี้ยังช่วยอนุรักษ์โลกสำหรับนักเดินทางรุ่นต่อไปที่จะเข้าไปเยือน มีตั้งแต่การปลูกป่าที่ขับเคลื่อนด้วยการเดินทางแห่งแรกในเคนยา ไปจนถึงการให้ทุนสนับสนุนโครงการฟื้นฟูสาหร่ายทะเล

ซึ่งบริษัทแห่งนี้มีกลุ่มลูกค้าเป็นระดับพรีเมียและมีแพคเกจท่องเที่ยวราคาสูง เช่น การทัวร์เคนยาและแอฟริกาตอนใต้แบบเจาะลึก ในระดับราคา 28,600 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 943,800 บาท ซึ่งจะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสแก่นสารของแอฟริกาตะวันออกในมาไซมารา ค้นหาสัตว์ป่าในภูมิภาคเกรทเทอร์ครูเกอร์ ตื่นตาตื่นใจกับน้ำตกวิกตอเรียที่โดดเด่น

อีกหนึ่งบริษัทที่เจาะตลาดระดับบนคือ G.Adventure บริษัทท่องเที่ยวสัญชาติแคนาดา ซึ่งทำรายได้สูงถึง 92.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 3,062.4 ล้านบาท เป็นบริษัทที่มีความโดดเด่นในแง่ของการท่องเที่ยวผจญภัยกลุ่มเล็กมานานกว่า 30 ปี ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนาและเพิ่มรูปแบบทัวร์ที่หลากหลาย ทั้งการเดินป่า ล่องเรือ

ตัวอย่างของแพคเกจที่น่าสนใจคือ เดินป่าคิลิมันจาโร ถือเป็นทัวร์ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบน ด้วยราคาตั้งแต่ 2,212 ไปจนถึง 4,987 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคน หรือราว 72,996-164,571 บาท โดยจะเป็นทัวร์ที่พานักท่องเที่ยวเดินทางตามรอยเท้าของนักสำรวจและนักปีนเขาที่มีชื่อเสียงไปยังยอดเขาที่สูงที่สุดของแอฟริกา ซึ่งการเดินทางนี้จะพานักท่องที่ยวได้เดินป่าผ่านป่าฝนและทะเลทรายอัลไพน์ ข้ามธารน้ำแข็ง ซึ่งจะช่วยให้นักท่องเที่ยวได้เห็นถึงความสำคัญของธรรมชาติ และปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีจนเกิดเป็นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (Sustainable Tourism)

อีกหนึ่งบริษัทที่น่าสนใจคือ Adventure Alternative Ltd บริษัทท่องเที่ยวเชิงผจญภัยจากอังกฤษก่อตั้งในปี 2544 ที่เป็นแบรนด์ที่เน้นการเดินทางที่หลากหลายตั้งแต่การเดินทางบนภูเขาสูง การเดินป่ารอบโลก ซาฟารีในแอฟริกาตะวันออก การสำรวจโรงเรียน และปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารโดย Gavin Bate นักปีนเขาเอเวอเรสต์ โดยความโดดเด่นของ Adventure Alternative คือการเป็นบริษัทท่องเที่ยวที่ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ และยังลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาลในวิสาหกิจในท้องถิ่น เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลภาคพื้นดินและจัดหาอาชีพมากมายในประเทศกำลังพัฒนา ขณะที่ทำการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวด้วยการเปิด Blog ให้รีวิว พร้อมใช้ช่องทางสื่อสารทาง Social Media อย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างทัวร์ Ecotourism ที่น่าสนใจอย่างเช่น ทัวร์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมออกหากินเวลากลางคืนบนเกาะบอร์เนียว ทริป 15 วันในราคา 4,000 ปอนด์ หรือราว 177,099 บาท และถ้ำมูลูและสวนบาโก รัฐซาราวัก ซึ่งจะพานักท่องเที่ยวสำรวจไฮไลท์ของซาราวัก ตั้งแต่กูชิงเชิงวัฒนธรรมไปจนถึงอุทยานแห่งชาติบาโก และถ้ำมูลูที่มีชื่อเสียงระดับโลก พร้อมทริปเสริมเพื่อเยี่ยมชมชนเผ่าปีนัง หรือปีนภูเมามูลูทริป 1 วันในราคา 645 ปอนด์ หรือราว 28,557 บาท โดยรายได้ของ Adventure Alternative Ltd อยู่ที่ 5.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 185 ล้านบาท

อีกหนึ่งตัวอย่างบริษัทที่โดดเด่นในตลาดระดับโลก คือ Arcari Travel จากประเทศเปรู ซึ่งบริษัทแห่งนี้มีรายได้ราว 178 ล้านบาท ถือว่าเป็นผู้บุกเบิกการเดินทางส่วนตัว แบบหรูหราในอเมริกาใต้ ตั้งแต่ปี 2539 โดยมี Ecotourism ที่น่าสนใจอย่างเช่น การเดินทางส่วนตัว 2 สัปดาห์ในเปรู ที่สร้างประสบการณ์และแนะนำนักท่องเที่ยวให้รู้จักกับชุมชนแอนเดียนดั้งเดิม พร้อมทั้งสนับสนุนความคิดริเริ่มด้านการท่องเที่ยวที่ดำเนินการโดยท้องถิ่น ถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดความใส่ใจเกี่ยวกับผลกระทบของการเดินทางที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่ไปสัมผัส ซึ่งราคาของแพคเกจ 14 วัน /13 คืน ในราคา 7,400 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 244,200 บาท

จะเห็นได้ว่าทัวร์แบบ Ecotourism นอกจากจะช่วยให้เกิดความยั่งยืน ส่งเสริมวัฒนธรรม และเพิ่มการจ้างงานให้กับท้องถิ่นได้อีกทั้งยังเพิ่มมูลค่าให้ตลาดท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามทัวร์เหล่านี้ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ และไกด์ท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายที่บริษัทนำเที่ยวต้องลงทุนเพิ่มจากการท่องเที่ยวแบบธรรมดา แต่หากเทียบกับรายได้จากแพคเกจทัวร์เหล่านี้ที่บวกเพิ่มเข้าไปแล้วก็ถือว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับทัวร์ได้เป็นอย่างมาก ซึ่งส่งผลดีต่อรายได้และกำไรของบริษัทในท้ายที่สุด

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ที่มา : zoominfo ,intrepidtravel , marketdataforecast
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS