ยกระดับการทำงานด้วยระบบ Dell Optimizer จาก เดลล์ เทคโนโลยีส์ ตัวช่วยธุรกิจที่ดี รับวิถี Next Normal

ปัจจุบันความท้าทายขององค์กรต่อการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจเกิดขึ้นตลอดเวลา ทุกองค์กรต้องมีการปรับตัวให้เท่าทันความท้าทายที่เกิดขึ้นเพื่อความอยู่รอด และกลับมาดำเนินกิจการได้และมีรายได้ให้กลับมาเร็วที่สุด จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีมาใช้สนับสนุนรูปแบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่นมาก ซึ่งการลงทุนในเทคโนโลยีเป็นเรื่องสำคัญมีผลต่อการดำรงอยู่และล่มสลายของการทำธุรกิจอย่างมาก

องค์กรจึงต้องรู้ว่าเทคโนโลยีแบรนด์ไหนที่ช่วยทำให้ธุรกิจสามารถเปลี่ยนผ่านเป็นไปด้วยความราบรื่น  ปรับกระบวนการทำงานแบบเดิมให้เท่าทัน Next Normal และสนับสนุนการทำงานในอนาคตได้อย่างยั่งยืน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ เดลล์ เทคโนโลยีส์ แนะนำคอมพิวเตอร์ ที่ให้ความปลอดภัยและให้ความเป็นอัจฉริยะมากที่สุด สำหรับธุรกิจ ที่มีความสำคัญในการช่วยให้การทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา (Work from anywhere) ของธุรกิจเป็นจริง ในขณะเดียวกันก็สร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ Seamless Experience ให้พนักงาน ทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถของประสิทธิภาพการทำงานด้วย

อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ของเดลล์ มี Dell Optimizer ที่นำระบบ AI อัตโนมัติที่ช่วย Optimization การทำงานของเครื่องให้มีประสิทธิภาพสูง โดยระบบจะนำข้อมูลมาเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้เพียงเท่านั้น ไม่มีการส่งต่อข้อมูลหรือตรวจสอบพฤติกรรมการใช้งานออกไปนอกตัวเครื่อง ดังนั้นผู้ใช้งานยังคงมีความเป็นส่วนตัว

ระบบ Dell Optimizer ประกอบไปด้วย

  1. Express Sign-in (Proximity Sensor) ระบบช่วยล็อกอินเข้าสู่ระบบด้วย Face ID หรือลายนิ้วมือ เมื่อผู้ใช้งานลุกออกจากหน้าจอ ระบบจะทำการปรับแสงหน้าจอให้อัตโนมัติเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และเมื่อผู้ใช้งานกลับเข้ามาทำงานระบบล็อกอินให้อัตโนมัติ
  2. Express Response (Application) เป็นการบริหารจัดการแอปพลิเคชันโดยการเก็บพฤติกรรม เรียนรู้ว่าผู้ใช้งานมีการใช้แอปพลิเคชันใดบ่อย ๆ และทำการจัดลำดับความสำคัญ 5 แอปพลิเคชัน ทำให้ทำงานกับแอปพลิเคชันทั้ง 5 นั้นได้เร็วขึ้นกว่า 40%
  3. Express Charge (Power)  ชาร์จไฟได้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง ชาร์จไฟได้ 80% นอกจากนี้ยังปรับการใช้งานแบตเตอรีให้เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้ใช้งาน
  4. Intelligent Audio (Audio) ปรับแต่งระบบเสียง โดยมีเซ็นเซอร์ช่วยให้ตัดเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อม (Noise Cancelation) เวลาเข้าประชุม

นอกจากนี้ เดลล์ยังมีซอฟต์แวร์และบริการที่รวมกันเรียกว่า  Dell Technologies Unified Workspace เป็นการรวมโซลูชันจากเดลล์ วีเอ็มแวร์ และ Secureworks ช่วยให้ฝ่ายไอทีของธุรกิจดูแลการใช้อุปกรณ์ทั้งหมดโดยไม่ยุ่งยาก ช่วยให้ผู้ใช้งาน (End-user Computing) ได้รับประสบการณ์ที่เหมือนนั่งทำงานที่ออฟฟิศ

ในส่วนเรื่อง Security หลากหลายปัญหาที่องค์กรธุรกิจเคยประสบจนทำให้เกิดผลเสียหายต่อธุรกิจ เดลล์ เทคโนโลยีส์ มียูทิลิตี้ Dell Safe BIOS รับผิดชอบความปลอดภัยและตรวจสอบการคุกคาม BIOS ที่อยู่บนคลาวน์ไม่ใช่โฮสต์ ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจในมาตรฐาน BIOS มีการ Encryption ล็อกยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ด ไม่อนุญาตให้มีการปรับเปลี่ยนแก้ไข แม้จะถอดฮาร์ดดิสไปติดตั้งเครื่องอื่นก็ตาม หรือกรณีที่ฮาร์ดดิสก์เสีย สามารถ Sync กลับไปบนคลาวน์ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้ข้อมูลกลับคืนมา 100%

การทำงานของฮาร์ดแวร์เดลล์เมื่อผนวกกับ Windows 10 Pro จะทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา Remote Desktop ได้ พร้อมเครื่องมือใน Microsoft 365 ที่มีให้เลือกใช้อย่างจุใจ สร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยด้วย Windows Defender ทั้งการเข้ารหัสข้อมูลด้วยเทคโนโลยี BitLocker ทำให้ข้อมูลทางธุรกิจของคุณปลอดภัยมากขึ้น ระบบการยืนยันบุคคลในการใช้งานด้วย Windows Hello ทำให้แน่ใจได้ว่าคุณเท่านั้นจะเป็นคนที่เข้าใช้งานเครื่องได้ โดยมีตัวช่วยดูแลข้อมูลและปกป้องเครื่อง 24 ชั่วโมง 7 วัน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ป้องกันการสูญหายของไฟล์ข้อมูลด้วยการ Backup ผ่าน OneDrive (พื้นที่ฟรี 5 GB) ทำให้ข้อมูลไม่สูญหาย และคุณสามารถจัดการกับภัยคุกคามยุคใหม่ที่โจมตีธุรกิจได้

สำหรับอุปกรณ์เสริม เดลล์ยังมีจอดิสเพลย์ใหม่ที่มีขอบจอบางมาก คุณสมบัติ UltraSharp 43 4K USB-C Monitor พีซีที่เชื่อมต่อถึงสี่เครื่องพร้อมกัน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูเนื้อหาได้ชัดเจน จอภาพ USB-C UltraSharp 27 4K พร้อม VESA Display HDRTM 400 ให้การครอบคลุมของสีที่กว้าง มองมุมไหนก็สามารถแสดงสีได้ไม่มีผิดเพี้ยน

ข้อมูลนี้ทำให้เห็นว่า การลงทุนด้านเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ต้องไตร่ตรองให้ดี เลือกเทคโนโลยีที่ดี มีความปลอดภัยสูง และช่วยสนับสนุนการทำงานให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนแม้อยู่ในภาวะวิกฤต ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดเวลาในการแก้ไขปัญหา เลือกเทคโนโลยีที่ถูกต้องก่อนที่ธุรกิจต้องปิดตัว หรือหายไปจากอุตสาหกรรม