ภาพลักษณ์ใหม่ของ BBL ในยุคเปลี่ยนผ่าน

ภาพลักษณ์ใหม่ของ BBL ในยุคเปลี่ยนผ่าน

 

เบื้องหลังภาพวิดีโอปลาทูน่าครีบน้ำเงิน หรือ Bluefin ที่ว่ายในมหาสมุทรใหญ่อย่างว่องไว ณ โรงแรมหรูแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพ กับงานเปิดตัวโครงการ Bangkok Bank InnoHub ของBBL หรือธนาคารกรุงเทพ เพื่อค้นหาสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคสำหรับการคิดค้นบริการใหม่ๆ ต่อจากนี้

 

พร้อมกับคำที่อธิบายไว้อย่างน่าสนใจว่า “ท่ามกลางภาวะการแข่งขันทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป จากปลาใหญ่ กินปลาเล็ก มาสู่การเป็นปลาเร็ว กินปลาช้า ในปัจจุบัน”

 

ทำให้คิดต่อได้ว่า ภาพลักษณ์ของ BBL หรือธนาคารกรุงเทพ ที่ดูเคร่งขรึม สุขุม อาจดูย้อนแย้งกับเนื้อหาในภาพวิดีโอวันเปิดตัวโครงการ Bangkok Bank InnoHub

 

Bangkok Bank InnoHub คือ โครงการค้นหาสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทค ร่วมกับพันธมิตรอย่างเนสท์ Nest ซึ่งคือผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในนวัตกรรมและพัฒนาศักยภาพของสตาร์ทอัพชั้นนำระดับโลก โดยมีบัวหลวง เวนเจอร์ส บริษัทในเครือที่มีทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 2,000 ล้านบาท ในการพัฒนาและร่วมลงทุนบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพ (Accelerator Program)

 

และหากดูวิดีโอ พรีเซ็นต์ นั้นจบลง หลายคนอาจสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับธนาคารยักษ์ใหญ่ที่มีเครือข่ายสาขาต่างประเทศมากที่สุดของเมืองไทย

 

ธนาคารกรุงเทพ ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2487 ปัจจุบันธนาคารให้บริการแก่ลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจ เป็นจำนวนรวมกว่า 17 ล้านบัญชี ผ่านสำนักธุรกิจและสำนักธุรกิจย่อยกว่า 240 แห่ง และสาขาทั่วประเทศกว่า 1,200 แห่ง

 

ปีที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพ มีกำไรสุทธิ 31,815 ล้านบาทลดลง 6.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เมื่อเทียบกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของกลุ่มธนาคาร (ณ 29 มิ.ย.60) จะพบว่า มูลค่าในตลาดหุ้นแบรนด์ของธนาคารกรุงเทพ เท่ากับ 351,227 ล้านบาท  เป็นรองกสิกรไทย ที่มีมูลค่าในตลาดหุ้น เท่ากับ 476,258 ล้านบาท และไทยพาณิชย์ ที่มีมูลค่าในตลาดหุ้น เท่ากับ 527,983 ล้านบาท

 

วลีที่ว่า “ปลาใหญ่ กินปลาเล็ก มาสู่การเป็นปลาเร็ว กินปลาช้า”ในดูวิดีโอ พรีเซ็นต์นั้น ช่างเป็นการเปรียบเทียบการทำธุรกิจในยุค Digital Transformation ได้ชัดเจนที่สุด

 

 

ธุรกิจแข็งแกร่งอย่างธนาคาร ยังต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

ในยุคนี้ ธนาคารกรุงเทพ แบรนด์ที่มีสโลแกนว่า “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ก็ไม่มีข้อยกเว้น และสิ่งที่น่าชื่นชมก็คือ การสร้างระบบนิเวศหรือ Ecosystem ใหม่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจากสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคระดับโลก ทั้ง 8 ราย

 

คุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวใจความตอนหนึ่งในเวทีวันนั้นได้อย่างน่าสนใจว่า

 

“เพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารจะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรม และพร้อมรับมือกับความท้าทายจากเทคโนโลยีทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โลกการเงินใหม่ที่ไม่อาจนิ่งนอนใจในสถานการณ์ทีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”

8 บริการใหม่จะเปลี่ยนโฉมหน้า BBL

 

สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้ หลังเนสท์ (Nest) ซึ่งคือผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในนวัตกรรมและพัฒนาศักยภาพของสตาร์ทอัพชั้นนำระดับโลก 8 บริษัทระดับเวิลด์คลาส จาก 32 ประเทศทั่วโลก มานำเสนอแผนธุรกิจและคัดเลือกทีมชนะเลิศในอีก 2 เดือนข้างหน้า  และคาดเดาได้ว่า 8 บริการใหม่ จากทีมผู้พัฒนาบริการด้าน Wealth Management 3 แห่ง ได้แก่ Bambu, Bento และ Canopy ประเทศสิงคโปร์

 

ด้าน Security ได้แก่ Covr Security ประเทศสวีเดน ด้าน Block chain ได้แก่ Everex ประเทศไทย ด้าน Lending ได้แก่ First Circle ประเทศฟิลิปปินส์

 

ด้าน P2P Invoice Trading ได้แก่ Invoice Interchange ประเทศสิงคโปร์ และด้าน Mutual Fund Investment ได้แก่ FundRadars ประเทศไทย

 

จะเห็นได้ว่า ทั้ง 8 บริการจากสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทค คือ การพยายามรักษาสมดุลระหว่างการทำธุรกิจรูปแบบเก่า ไปสู่การทำธุรกิจรูปแบบใหม่ สามารถให้บริการลูกค้ารายย่อย เอสเอ็มอี และลูกค้าขนาดใหญ่ ได้อย่างกลมกลืน

 

ธนาคารกรุงเทพ เปรียบตัวเองดั่งปลาทูน่าครีบน้ำเงิน (Bluefin) ที่อยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ แต่จะเคลื่อนที่ได้เร็ว จากการวมตัวของสตาร์ทอัพที่จะรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ออกมา ภาพลักษณ์ใหม่ของ BBL ในยุคเปลี่ยนผ่าน แต่จากนี้ดูท่าว่า คุณชาติศิริ ได้บริหารงานแบบ Aggressive เสียแล้ว ..