Samsung

ทำไม ‘Apple’ ไม่สามารถเป็น No.1 แทน ‘Samsung’ ในเกาหลีใต้ได้

ปัจจุบันตลาดธุรกิจสมาร์ทโฟนมีการแข่งขันที่ดุเดือด ซึ่งแต่ละค่ายก็จะมีการออกรุ่น ฟังก์ชันใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ชื่อแบรนด์ไม่จมหายไป โดยในหนึ่งปีอาจจะมีการออกรุ่นใหม่อย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งส่วนมากจะอยู่ในช่วงระหว่างกลางปีเพื่อให้ผู้บริโภคมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องเงิน สำหรับการออกสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในบางครั้งฟังก์ชัน หรือ ลูกเล่นอาจไม่ได้แตกต่างและเพิ่มขึ้นมากนักจากรุ่นก่อน แต่อาจเป็นการพัฒนาในเรื่องความสเถียรภาพของระบบการป้องกันให้มีความปลอดภัยมากขึ้น

โดยการพัฒนาแต่ละครั้งทางค่าย หรือ ทางแบรนด์ ก็จะมีจะมีการสำรวจความต้องการของผู้บริโภคเพื่อที่จะนำไปปรับปรุงพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในยุคนี้ที่มีความนิยมเสพสื่อผ่านทางช่องทางออนไลน์ เรื่องกล้อง และ ระบบจึงถือเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 แต่ทั้งนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชื่อแบรนด์ก็ถือเป็นจุดสำคัญในเลือกซื้อเช่นกัน ถึงแม้การออกรุ่นใหม่จะไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานมากนัก แต่หากแบรนด์มีชื่อติดตลาดยอดความต้องการก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูง

สำหรับสถิติล่าสุดเกี่ยวกับส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก ณ เดือนกรกฎาคม 2566 ผู้ผลิตอย่าง Apple แบรนด์สมาร์ทโฟนสัญชาติอเมริกา ครองส่วนแบ่งตลาด 28.39% ขณะที่ Samsung แบรนด์เกาหลีใต้ ครองส่วนแบ่ง 24.22% น้อยกว่า Apple เพียง 4.17% โดยทั้ง Apple และ Samsung ครองอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนและมีส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนรวมกันอยู่ที่ 52.61% ซึ่งผู้ผลิตสมาร์ทโฟนทั้งสองรายนี้เป็นผู้นำตลาดมาตั้งแต่ปี 2556 ส่วนแบ่งการตลาดของทั้งคู่แซงหน้า Nokia ซึ่งเป็นแบรนด์โทรศัพท์ของฟินแลนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปี 2543

ส่วน Xiaomi แบรนด์สมาร์ทโฟนจีน มีส่วนแบ่งตลาด 11.21%, Oppo มีส่วนแบ่งตลาด 6.06% ตามมาด้วย Vivo ครองส่วนแบ่ง 5.53% และ Huawei ครองส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน 4% ทั้งนี้เมื่อรวมกันแล้ว ทั้ง 6 แบรนด์ ครองส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกถึง 79.41% กล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็คือ สี่ในห้าสมาร์ทโฟนที่ใช้ทั่วโลกใช้แบรนด์เหล่านี้นั่นเอง

ซึ่งจากผลการสำรวจสมาร์ทโฟนที่มียอดขายดีที่สุดเดือนกรกฎาคม 2566 ใน 7 ประเทศ ประกอบด้วย ประเทศสหรัฐอเมริกา, จีน, เยอรมนี, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ โดย Apple ครองอันดับ 1 ไปแล้ว 6 ประเทศ ขณะที่เป็น Samsung ยังคงเป็นอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ ทั้งนี้จะสังเกตได้ว่าแม้ Apple จะสามารถเจาะตลาดหลายประเทศจนขึ้นเป็นแบรนด์ชั้นนำอันดับ 1 แต่ก็ไม่สามารถเจาะตลาดเกาหลีใต้ได้อย่างแท้จริง ด้วยเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีความเป็นชาตินิยมสูง มักจะใช้แต่สิ่งของที่ประเทศตัวเองเป็นคนผลิตเท่านั้น เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติโดยเจาะจง

อีกทั้ง Samsung ถือเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ครอบคุลมธุรกิจส่วนใหญ่ในประเทศ มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการลงทุน หรือเรียกอีกอย่างก็คือ ‘แชโบล’ ซึ่งรายได้ของ Samsung คิดเป็นประมาณ 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของประเทศ จึงมีการให้ความสำคัญแบรนด์ Samsung ค่อนข้างมาก ส่งผลให้กลายเป็นแบรนด์ที่มีอิทธิพลในเกาหลีใต้

ทั้งนี้หากดูส่วนแบ่งตลาดผู้จัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนในเกาหลีใต้ สิ้นสุด ณ เดือนกันยายน 2566 ทาง Samsung ครองส่วนแบ่งสูงถึง 65.89% รองลงมาเป็น Apple อยู่ที่ 28.21% เรียกได้ว่าถึงแม้จะผ่านไปอีกกี่สมัยกว่าที่ Apple จะขึ้นแซง Samsung ได้ก็นับเป็นเรื่องที่ยาก

อย่างไรก็ดีอ้างอิงข้อมูลจาก Fortune Business Insights ระบุว่า แนวโน้มมูลค่าตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกจะสูงถึง 792.51 พันล้านเหรียญในปี 2572 โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ 7.3% ในช่วงระหว่างปี 2565-2572 ซึ่งการเติบโตนี้เป็นผลมาจากการนำเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) มาใช้เพิ่มมากขึ้น

สำหรับทั้ง Apple และ Samsung นับเป็นคู่แข่งที่ดุเดือดในวงการตลาดสมาร์ทโฟน มักจะออกรุ่นใหม่ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน และการออกรุ่นใหม่แต่ละครั้งก็สร้างความแปลกใจให้กับผู้บริโภคอยู่เสมอ ซึ่งภาพรวมมูลค่าตลาดสมาร์ทมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแบรนด์ก็คาดจะเติบโตมากขึ้นจากความต้องการในปัจจุบันและอนาคตด้วยเทคโนโลยีที่ไม่เคยหยุดนิ่ง สุดท้ายนี้การที่ Apple ไม่สามารถเจาะตลาดเกาหลีใต้ขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งแทน Samsung ได้นั้น ก็เพราะความเหนียวแน่น และความมั่นใจในแบรนด์ของชาติตัวเองนั่นเอง

.

ที่มา : globenewswire, oberlo, counterpoint, gs.statcounter

.

เขียนและเรียบเรียง : ศิริวรรณ อรรถสุวรรณ

.

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.facebook.com/businessplusonline/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

.

#Businessplus #thebusinessplus #นิตยสารBusinessplus #ธุรกิจสมาร์ทโฟน #Apple #Samsung #สมาร์ทโฟน