‘อลิอันซ์’ เติบโตด้วยคุณภาพ เน้นผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ Personalization

ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตในครึ่งแรกของปี 2566 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 3 แสนล้านบาท โต 3.78% และในอนาคตมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการที่คนหันมาใส่ใจสุขภาพและกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่อการรักษามากขึ้น ‘อลิอันซ์ อยุธยา’ ดำเนินธุรกิจประกันในไทยมานานกว่า 72 ปี ได้วางเป้าหมายประกันสุขภาพในปีนี้จะเติบโต 2 Digit

คุณพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้า บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา อลิอันซ์ อยุธยา เติบโตแตะระดับตัวเลข 2 หลัก (Double-Digit) เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจาก 3 ช่องทางขายหลักอย่างขายผ่านธนาคาร ขายผ่านช่องทางตัวแทนขาย และขายผ่าน Call Center ซึ่งได้เห็นการเติบโตมากที่สุด

โดยการเติบโตที่โดดเด่นท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด ว่าเกิดจากการวาง Positioning ทางการตลาดที่ชัดเจนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่า อลิอันซ์ อยุธยา จะไม่แข่งขันด้านราคา เพราะบริษัทมองว่าแนวโน้มของยอดเคลมประกันอาจจะสูงกว่าความคุ้มครองของแผนกรมธรรม์ที่กำหนดเอาไว้ในเงื่อนไขประกัน ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงที่บริษัทประกันจะต้องแบกรับ ดังนั้นการเติบโตของอลิอันซ์ อยุธยา จึงถือเป็นการโตอย่างมีคุณภาพ

เทรนด์ใหม่ประกันสุขภาพ + การลงทุน

หากพูดถึงแผนการตลาดที่บริษัทจะพุ่งเป้า คุณพัชรา กล่าวว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพ โดยปรับแผนการลงทุนในช่วงที่เกิดการระบาดของไวรัส COVID-19 เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น เนื่องจากธุรกิจประกันเป็นสถาบันการเงินที่ต้องลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ ด้วยพันธสัญญาระยาวของกรมธรรม์ ดังนั้นการที่จะนำเบี้ยที่ได้รับไปลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้เกิดความเสียหายตามมา อลิอันซ์ อยุธยาจึงได้นำเบี้ยไปลงทุนในแง่ของพันธบัตรรัฐบาล เพราะมีความมั่นคง เพื่อให้สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้ถึงการดูแลคุ้มครองชีวิตและสุขภาพของลูกค้า

ขณะที่ในแง่ของการออกแบบผลิตภัณฑ์ คุณพัชรา กล่าวว่า จะออกแบบเงื่อนไขประกันให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า ด้วยการศึกษาจาก Pain Point ที่ลูกค้าต้องจ่ายค่าส่วนต่างเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็น ค่าดมยาสลบ ค่าห้องพักฟื้น ซึ่งการปิดจุดอ่อนเหล่านี้ทำให้อลิอันซ์ อยุธยาได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ช่วยบรรเทาลูกค้าได้ตอบโจทย์มากที่สุด และเป็นที่มาของประกันแบบเหมาจ่ายรูปแบบใหม่ ๆ

ดึงจุดเด่นสู่แผนประกัน

คุณพัชรา กล่าวถึงโอกาสของการเติบโตในตลาดประกันสุขภาพว่า ประเทศไทยมีประชากรราว 60 ล้านคน แต่มีเพียงคนส่วนน้อยที่ทำประกัน ซึ่งทางอลิอันซ์ อยุธยาให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของประกันสุขภาพ และดึงจุดที่พิเศษของผลิตภัณฑ์ คือ การครอบคลุมการรักษา ความคุ้มค่าในการซื้อประกัน รวมถึงการเปรียบเทียบแผนกรมธรรม์เพื่อให้ง่ายต่อความต้องการแบบเจาะจงของลูกค้า ซึ่งแต่ละแผนของกรมธรรม์มีรายละเอียด และความคุ้มครองที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

สำหรับเป้าหมายของการเติบโตของประกันสุขภาพในปีนี้ คาดการณ์ว่าเบี้ยประกันจะเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลัก ท่ามกลางความท้าทายภายนอก อย่างเศรษฐกิจชะลอตัวที่ถือเป็นด่านใหญ่ เพราะหากเศรษฐกิจไม่ดีคนก็จะใช้จ่ายน้อยลง และคำนึงถึงการซื้อประกันน้อยลง

ทั้งนี้หากมองถึงความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน ปัจจุบัน อลิอันซ์ อยุธยามีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR Ratio) 365% ซึ่งสูงกว่าที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดมาตรฐานไว้ที่ 120% แสดงให้เห็นถึงการเงินแข็งแกร่ง มีความมั่นคง และความปลอดภัยของการเคลมประกัน

นอกจากการเติบโตที่มีคุณภาพแล้ว อลิอันซ์ อยุธยายังถือเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเป็นอย่างมาก จนได้ฉายาว่า เป็น KING ของความยั่งยืน (Sustainability) ด้วยแผนการขับเคลื่อนองค์กรที่เน้นการใส่ใจสิ่งแวดล้อม อย่างการทำโครงการแยกขยะ ซึ่งอลิอันซ์ อยุธยาได้จัดกิจกรรมแข่งขันให้พนักงานทุกแผนกเข้าร่วม นอกจากนี้ยังช่วยเหลือสังคม ด้วยการบริจาคเงินให้กับมูลนิธิรักษ์อาหาร (Scholars of Sustenance Thailand) ซึ่งเป็นมูลนิธิที่บริหารจัดการอาหารเหลือ หรืออาหารส่วนเกินของซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพาพนักงานไปปรุงอาหารกับชุมชน และแจกให้กับคนยากไร้ และช่วยสร้างแพลตฟอร์ม SOS Cloud Food Bank เพื่อเชื่อมต่อผู้มีอาหารส่วนเกิน (Food surplus) กับผู้ขาดแคลน เปลี่ยนอาหารส่วนเกินเป็นมื้ออาหารให้กับชุมชนที่ขาดแคลนได้ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะสามารถช่วยขยายการรับรู้อย่างกว้างขวางของการแบ่งปัน และช่วยคนได้อีกจำนวนมาก

นอกจากนี้ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ยังมีกลุ่มมหามิตร Project พันธมิตรสู่ความยั่งยืน ที่ได้รวมกลุ่มกับพันธมิตรเพื่อสร้างความยั่งยืน โดยเริ่มต้นจาก 5 หน่วยงาน ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน), โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพ และบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต (จำกัด) มหาชน ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีการผลักดันให้เกิดโครงการปทุมวัน Zero Waste ขึ้นมา เพื่อช่วยขับเคลื่อนเรื่องขยะ และสิ่งแวดล้อมด้านอื่นๆ ในเขตปทุมวันไปด้วยกัน พร้อมเป็นต้นแบบการจัดการขยะให้กับชุมชมและกลุ่มธุรกิจ

อีกทั้งยังนำหลักเกณฑ์ด้านความยั่งยืนมาใช้กับการเข้าลงทุนในธุรกิจประกัน โดยจะใช้เกณฑ์มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย NET ZERO ซึ่งจะคัดเลือกบริษัทที่ทำเรื่องความยั่งยืน และยังช่วยสนับสนุนบริษัทที่เป็นพันธมิตรให้บรรลุเป้าหมายสู่การขับเคลื่อนไปสู่ธุรกิจสีเขียว (GREEN) ไปด้วยกัน

ในมุมมองของ ‘Business+’ กลุ่มอลิอันซ์ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจประกันในไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2494 ราว 72 ปี ปัจจุบันมีสำนักงานตัวแทนทั่วประเทศ ซึ่งกลุ่มอลิอันซ์ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าด้วยการรักษาเสถียรภาพทางการเงินให้อยู่ในระดับสูง นับเป็นบริษัทประกันที่มีการเติบโตอย่างมั่นคง และยังมีจุดยืนที่ชัดเจนคือไม่เข้าไปแข่งขันทำราคากับเจ้าอื่น ซึ่งนำมาสู่การเติบโตแบบคุณภาพ

.

เขียนและเรียบเรียง : ศิริวรรณ อรรถสุวรรณ

.
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.facebook.com/businessplusonline/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
.
#Businessplus #thebusinessplus #นิตยสารBusinessplus #อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต #อลิอันซ์อยุธยา #ประกันชีวิต