ตลาดค้าปลีกไทยและธุรกิจร้านอาหารในปี 2569 ถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตน้อยลง เมื่อเทียบกับปี 2568 หลังจากที่มีการประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลง ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจยังมีปัจจัยกดดันทั้งในประเทศและต่างประเทศทำให้กำลังซื้อลดน้อยลง และผู้บริโภคจะรัดเข็มขัดมากยิ่งขึ้น ชะลอการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยลง
โดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินว่า ในปี 2569 ตลาดค้าปลีกไทย จะเติบโตที่ประมาณ 3.7% จากในปี 2568 ที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3.9% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่ชะลอลงเล็กน้อย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน จากปัจจัยกดดันทั้งภายในประเทศ และภายนอกประเทศ ที่ส่งผลต่อกำลังซื้อ และทำให้ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับสินค้าจำเป็น และอาจชะลอการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยออกไป
ขณะที่นักท่องเที่ยว มีแนวโน้มชะลอตัวทั้งในแง่ของจำนวน และการใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดค้าปลีกคือ Non-store segment ที่ยังขยายตัว
กลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโต
ในปี 2569 หมวดร้านค้าสินค้าจำเป็น กลุ่ม Modern grocery อย่าง Supermarket, Hypermarket และกลุ่ม Health & Beauty ตามเทรนด์การรักษาสุขภาพ และความสวยความงาม ยังคงเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง
กลุ่มที่ยังต้องจับตามอง ได้แก่ Department store และกลุ่มสินค้า Fashion ซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ผู้บริโภคอาจจะชะลอการใช้จ่ายในกลุ่มนี้ไปก่อน อีกทั้งกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ยังเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่เป็นไปตามคาด
นอกจากนี้กลุ่ม Home and garden ยังมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่อาศัยที่ซบเซาต่อเนื่อง ขณะที่ตลาด E-commerce ยังคงเติบโตได้ดี แม้การเติบโตจะไม่ร้อนแรงเท่ากับช่วงโรคระบาด โดยมีปัจจัยหนุนจากพฤติกรรมที่ผู้บริโภคเน้นความสะดวกสบาย ในขณะที่ร้านค้าต่าง ๆ ก็มีทางเลือกให้ลูกค้าสำหรับการซื้อทั้งที่หน้าร้าน และช่องทางออนไลน์ รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อย ที่เน้นการขายออนไลน์มากกว่าหน้าร้าน โดยคาดว่าสัดส่วนยอดขายจาก E-commerce ของตลาดค้าปลีกจะอยู่ที่ราว 30% ในปี 2569
ธุรกิจร้านอาหารปี 2569 แนวโน้มเติบโต 3.2%
ส่วนธุรกิจบริการอาหารในปี 2569 มีแนวโน้มเติบโตค่อนข้างทรงตัวจากปีนี้ โดยคาดว่าจะขยายตัวที่ราว 3.2% จากช่วงเดียวกันของปี 2568 ที่จะขยายตัวราว 3.3% โดยในช่วงปลายปี 2568 ธุรกิจบริการอาหาร ได้อานิสงส์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ เช่น คนละครึ่งพลัส และเที่ยวดีมีคืน ทำให้ธุรกิจร้านอาหาร มีบรรยากาศที่ฟื้นตัวขึ้นบ้าง
อย่างไรก็ดี ในปี 2569 การเติบโตอาจจะชะลอตัวจากปี 2568 เล็กน้อย เป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและมีความเสี่ยงของการชะลอตัวอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายบางส่วนที่ไม่จำเป็นลง รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นตัวค่อนข้างช้า ส่งผลให้ผู้บริโภคบางส่วน
โดยกลุ่มเปราะบางที่อาจได้รับผลกระทบจากการที่ผู้บริโภคลดการรับประทานอาหารนอกบ้านลงทำให้ยอดขายกลุ่ม Full-service restaurant ได้รับผลกระทบ สะท้อนได้จากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ติดลบอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่ม Limited-service มีการขยายสาขาในอัตราที่ลดลง และกลุ่ม Cafe/Bars เริ่มจะประสบปัญหา Oversupply
– ธุรกิจบริการอาหารแบบ Full-service คาดว่าจะเติบโต 3% ในปี 2569 จากที่เติบโตประมาณ 3.2% ในปี 2568 โดยร้านอาหารกลุ่มนี้ จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจค่อนข้างมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ แต่ยังได้รับแรงหนุนจากกลุ่มลูกค้าไทย และนักท่องเที่ยว ที่มีกำลังบริโภคสูง ที่หาประสบการณ์จากการรับประทานอาหารในร้านใหม่ ๆ เช่น บรรยากาศ รสชาติ เรื่องราว
– ธุรกิจร้านอาหาร Limited-service คาดว่าจะเติบโต 2.7% ในปี 69 จากที่คาดว่าเติบโตราว 2.3% ในปี 2568 โดยมีปัจจัยหนุนจากไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่สามารถควบคุมมาตรฐานของคุณภาพ และรสชาติได้ดี และในราคาที่เข้าถึงง่าย จะทำให้ร้านอาหารกลุ่มนี้ ได้รับผลกระทบไม่รุนแรงเท่ากลุ่มอื่น ๆ ในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
– ร้านอาหารแบบคาเฟ่/บาร์ คาดว่าจะเติบโต 3.7% ในปี 2569 จากที่คาดว่าเติบโตราว 3.9% ในปี 2568 โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค อาทิ ความต้องการสถานที่พบปะสังสรรค์ การทำงานนอกสถานที่ และการท่องเที่ยวในเมืองเพิ่มขึ้น รวมไปถึงความต้องการในการค้นหาประสบการณ์ที่แตกต่าง โดยเฉพาะร้านคาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ที่มา : IQ , SCB EIC
#BusinessPlus
#ธุรกิจ
#ธุรกิจร้านอาหาร
#ธุรกิจค้าปลีก
The Business Plus บิสิเนสพลัส

