The Success Story of The Month By ‘Business Plus’ ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2568 จะพาผู้อ่านมาพบกับบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจาก “ชลัช รัตนบุญนิธิ” กรรมการผู้จัดการคนใหม่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ถึงวิสัยทัศน์ในการนำ EXIM BANK ไปสู่บริบทใหม่ ของการเป็นธนาคารเพื่อสนับสนุนผู้ส่งออกของประเทศไทย เพื่อหวังจะนำพาผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ให้ก้าวผ่านสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนรุนแรงและมี ‘ความเสี่ยงยุคใหม่’ เป็นเดิมพัน
ภายใต้การนำของ “ชลัช รัตนบุญนิธิ” กรรมการผู้จัดการคนใหม่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ถือว่ามีความน่าสนใจอย่างยิ่ง
การที่ EXIM BANK แต่งตั้งลูกหม้อคนสำคัญที่มีประสบการณ์งานด้านการเงินและธุรกิจภาครัฐมาอย่างช่ำชองขึ้นมาบริหาร ย่อมมองออกว่า จากนี้ภารกิจของ EXIM BANK จะต้องเข้มข้นมากกว่าเดิม โดยเฉพาะ “โจทย์ใหญ่” คือ การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างการค้าโลก ความเปราะบางทางภูมิรัฐศาสตร์ ความผันผวนของการเงินโลก ไปจนถึงเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
ปัจจัยเหล่านี้ กำลังจัดระเบียบโครงสร้างการค้าโลกใหม่ และกระทบต่อการส่งออกของไทยอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ซึ่งผู้ประกอบการส่งออก จำเป็นต้องหาพันธมิตรทางธุรกิจ ที่พร้อมให้คำปรึกษาและแหล่งทุนได้ในเวลาเดียวกัน เพื่อรับมือกับการแข่งขันและข้อจำกัดที่เพิ่มขึ้น
Business+ สัมภาษณ์พิเศษท่าน ถึงวิสัยทัศน์ในการนำ EXIM BANK ไปสู่บริบทใหม่ ก็ได้คำตอบที่ชัดเจนว่า “จากนี้เราไม่ได้มองบทบาทตนเอง เป็นเพียงสถาบันการเงินที่ให้บริการสินเชื่อเพียงมิติเดียว หากเป็นการยกระดับสู่การเป็น ‘ธนาคารเพื่อสนับสนุนผู้ส่งออกของประเทศไทย’ อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อหวังจะนำพาผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ให้ก้าวผ่านสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนรุนแรงและมี ‘ความเสี่ยงยุคใหม่’ เป็นเดิมพัน
EXIM BANK วางโรดแม็ปเป้าหมาย เพื่อจะเป็น ‘สถาบันการเงินชั้นนำที่เชื่อมโอกาสด้านการค้าและการลงทุนตามบริบทโลกอย่างยั่งยืน’ ด้วยกลยุทธ์ ‘Co-pilot’ ที่จะเดินร่วมไปกับผู้ประกอบการด้วยการติดอาวุธ ให้สามารถแข่งขันภายใต้ ‘ความเสี่ยง’ ตลอดเวลา ตั้งแต่ข้อกำหนด ESG ที่เข้มงวดจากตลาดโลก มาตรการกีดกันทางการค้า ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กระทบห่วงโซ่อุปทานมากมาย”
จากคำกล่าวของ “ชลัช รัตนบุญนิธิ” กรรมการผู้จัดการคนใหม่ เราได้เห็นแนวคิดของการปลดล็อกผู้ประกอบการไทย ออกจาก “พันธนาการเดิม ๆ” ความคิดแบบเก่าที่ว่า การส่งออกเป็นเรื่องของธุรกิจใหญ่ การขาดความเชื่อมั่นในมาตรฐานตัวเอง หรือการไม่กล้าก้าวสู่ตลาดใหม่
แต่เป็นการประกาศศักราชใหม่ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อนำผู้ประกอบการไทยให้เคลื่อนตัวในยุคที่โลกเคลื่อนเร็ว โดย EXIM BANK ภายใต้แม่ทัพใหม่ พร้อมเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนความเร็วนั้น…
4 คลื่นยักษ์แห่งความท้าทาย SMEs ไทย
ก่อนเล่าถึงแผน “ปรับเปลี่ยน” คุณชลัชเริ่มต้นด้วยการสะท้อนภาพใหญ่ของความเสี่ยงที่กำลังคุกคามภาคส่งออกของไทย โดยกล่าวอ้างถึงสิ่งที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังได้ชี้แนะ ซึ่งประกอบด้วย 4 ปัจจัยภายนอกที่เป็น “เรื่องใหญ่” และส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประเทศ ได้แก่
- วิกฤตสงครามที่นำมาสู่ภาวะแตกขั้วอำนาจ และกำลังทำให้เศรษฐกิจโลกเป็นเศรษฐกิจเลือกข้าง (Geopolitical Fragmentation) โดยจากความขัดแย้งระหว่างประเทศที่คุกรุ่นและสงครามการค้า (Trade War) ได้นำไปสู่ภาวะ “เศรษฐกิจเลือกข้าง” ที่แบ่งโลกออกเป็นขั้วอำนาจชัดเจนระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน การกำหนดมาตรฐานทางการค้า และการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น การพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไปจึงเป็นความเสี่ยงหลักที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ส่งผลให้ภาคส่งออกของไทยได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรก ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญความท้าทายที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ปัจจัยดังกล่าวนี้ได้สร้างความเสี่ยงและความไม่แน่นอนทางด้านคำสั่งซื้อและห่วงโซ่อุปทาน ให้กับผู้ส่งออกไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
- สภาวะตลาดสูงวัย (Aging Society) การเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็วของประชากรไทย เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่กำลังคุกคามทั้งกำลังการผลิตและกำลังซื้อภายในประเทศ ทำให้ตลาดในประเทศเติบโตได้จำกัด และยังส่งผลต่อการขาดแคลนทายาทธุรกิจในกลุ่ม SMEs อีกด้วย
- การเปลี่ยนแปลงจากปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI Disruption การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของปัญญาประดิษฐ์ไม่ได้เป็นเพียงโอกาส แต่ยังเป็นความเสี่ยง หากธุรกิจตามไม่ทัน คุณชลัชตั้งคำถามถึงมิติของการเติบโตที่รวดเร็วเกินไปนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ประชากรสูงวัยที่ยังไม่สามารถใช้ AI ได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับการที่ AI เข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว จนผู้ประกอบการหลายราย โดยเฉพาะ SMEs ที่ขาดแคลนทรัพยากรและความรู้ อาจถูกทิ้งห่างอย่างรวดเร็ว
- พันธกิจด้าน ESG ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ได้ยกระดับจากแนวคิดไปสู่ “กฎเกณฑ์แห่งการค้า” (Trade Mandate) และเป็นเงื่อนไขสำคัญในการค้าขายระดับโลก หากธุรกิจไทยไม่ปรับตัวตามกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นนี้ อาจ “ตกขบวนและไม่สามารถแข่งขันได้”
คุณชลัชได้ฉายภาพถึงสถานการณ์ที่ผู้ประกอบการ SMEs ไทยกำลังเผชิญว่าอยู่ในภาวะ “ถูกกดทับ” อย่างรุนแรง โดยไม่สามารถเติบโตในประเทศได้อีกต่อไป เนื่องจากตลาดภายในที่ถึงจุดอิ่มตัวและได้รับผลกระทบจากสังคมสูงวัย ขณะเดียวกัน ปัญหาด้านการเงินก็เป็นอุปสรรคสำคัญ ท่ามกลางตลาดในประเทศที่เริ่มถึงทางตัน ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ก็มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและกฎระเบียบต่าง ๆ ทำให้ SMEs หลายรายต้องปรับตัวและพัฒนาเพื่อตามให้ทัน ขณะเดียวกันทางรอดของธุรกิจเหล่านี้ คือ การ “โตข้างนอก” หรือการขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ดังนั้น การพา SMEs ไปสู่ตลาดโลกนั้นไม่ใช่แค่การ “จูงมือ” เข้าไปอีกต่อไป แต่ต้องเตรียมความพร้อมทั้งด้านความรู้ ช่องทางการขายก่อนที่จะเติมทุน
บทบาทที่สำคัญยิ่งของ EXIM BANK จึงเป็นการทำหน้าที่เป็น “Co-pilot” ร่วมกับ SMEs โดยธนาคารจะมุ่งเน้นการวิเคราะห์และดึงตลาดภายนอกเข้ามา “แผ่” เพื่อให้พวกเขาเห็นโอกาสที่ชัดเจน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการ “ลองทำ”
เขาชี้แจงว่า การสนับสนุนในระยะเริ่มต้นจะใช้สินเชื่อระยะสั้น เพื่อให้ SMEs ได้พัฒนา ลองทำ และเริ่มปรับจูนตัวเองเข้ากับตลาดต่างประเทศที่มีอยู่จริง หากผู้ประกอบการไม่กล้าที่จะลองเริ่ม พวกเขาก็จะยังคงติดอยู่ในตลาด Local ที่กำลังหดตัว ซึ่งการแกะพวกเขาออกจาก Mindset เดิม ๆ นี้ทำได้ยาก ดังนั้น EXIM BANK จะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้ SMEs มีการส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดยเชื่อมั่นว่า หากผู้ประกอบการสามารถหาคำสั่งซื้อจากต่างประเทศมาได้จริงแล้ว ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งก็พร้อมที่จะปล่อยสินเชื่อสนับสนุนตามมาอย่างแน่นอน
“ปัจจัยภายนอก 4 เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ผลกระทบ แต่เป็นตัวกำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ของ EXIM BANK เราปฏิเสธไม่ได้ว่าข้างไหน เราต้องหาทางให้ผู้ส่งออกไทยยืนหยัดอยู่ได้ภายใต้การเลือกข้างที่กำลังเกิดขึ้น”
การปรับองค์กร จาก Banker สู่ Co-pilot
นอกจากปัจจัยภายนอกแล้ว EXIM BANK ยังต้องเผชิญกับข้อจำกัดภายใน ด้วยฐานะที่เป็น Government Arm ที่มีข้อจำกัดด้านเงินทุน ไม่สามารถระดมเงินฝากจากประชาชนได้เหมือนธนาคารพาณิชย์ทั่วไป และไม่มีเครือข่ายสาขาจำนวนมาก ทำให้การแข่งขันด้านสินเชื่อในตลาดธนาคารเป็นไปได้ยาก
คุณชลัชยอมรับว่า EXIM BANK มีข้อจำกัดเฉพาะตัวที่แตกต่างจากธนาคารพาณิชย์อื่น ที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อรองรับภารกิจที่ซับซ้อนขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ข้อจำกัดด้านทุน และการไม่สามารถระดมเงินฝากสาธารณะได้ ทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงกว่า ขณะเดียวกันการไม่มีสาขาทำให้การเข้าถึงผู้ประกอบการ SMEs ในต่างจังหวัดทำได้ยาก การเป็น Financing Partner เพียงอย่างเดียวจึงไม่ตอบโจทย์ นอกจากนี้ ข้อจำกัดในเรื่อง Mindset ของบุคลากร ที่มีความเคยชินกับการเป็น “Banker” หรือผู้ปฏิบัติทางการเงินที่เน้นการพิจารณาสินเชื่อตามกฎเกณฑ์ดั้งเดิม ก็ต้องถูกเปลี่ยนให้เป็น “Co-pilot” หรือที่ปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศที่เข้าใจการบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวมของลูกค้า
ดังนั้น ความท้าทายสำคัญของ EXIM BANK คือ การเปลี่ยน “วัฒนธรรมองค์กร” จากการเป็น Banker ไปสู่การเป็น Export Co-pilot ให้ได้ในทุกระดับ
“ความท้าทายของเราวันนี้ คือ การเปลี่ยน Mindset จาก Banker เป็น Export Co-pilot ให้ได้ เพราะการอยู่รอดของ EXIM BANK ขึ้นอยู่กับการอยู่รอดของผู้ส่งออกไทยในโลกที่กำลังเลือกข้าง”
ควบคู่ไปกับการเปลี่ยน Mindset บุคลากร วิธีการ “Approach” ต่อตลาดก็ต้องปรับเปลี่ยนด้วย
“แทนที่เราจะจำกัดการค้นหาตลาดเพียงแค่กลุ่ม Corporate ผู้ส่งออกรายใหญ่ หรือ SMEs เท่านั้น เราจะขยายนิยามของ “ผู้ส่งออก” ให้กว้างและชัดเจนขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมและไม่ทับซ้อนกับบริการของธนาคารพาณิชย์ซึ่งการกำหนดทิศทางของบุคลากรและตลาดที่ชัดเจนนี้ จะเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนแผนระยะกลางต่อไป”
ไม่แย่งลูกค้า แต่เป็น “การติดอาวุธ” และ “สร้างลูกค้าใหม่”
คุณชลัชกล่าวต่อว่า การเป็นสะพานเชื่อมโอกาสในความตกลงการค้าต่าง ๆ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ EXIM BANK ยังคงเป็นเสาหลักในการสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันที่ยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจไทยในทศวรรษนี้
หัวใจสำคัญ คือ การไม่แย่งลูกค้าจากธนาคารพาณิชย์ แต่เป็นการ “สร้างลูกค้าใหม่” และ “ติดอาวุธเสริม” ให้ลูกค้าเดิมของระบบธนาคารพาณิชย์สามารถส่งออกได้มากขึ้น โดยคุณชลัชระบุว่า
“เราไม่ได้ซ้ำซ้อนกับธนาคารพาณิชย์ สินเชื่อใช้ที่คุณ (ธนาคารพาณิชย์) ก็ได้ แต่ EXIM BANK จะไปช่วยสนับสนุนลูกค้าท่านให้มีการส่งออกมากขึ้น”
จากรากฐานที่มั่นคงนี้ แผนในระยะกลางจะถูกเติมเต็มด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์หลักอย่าง “ประกันการส่งออก” เข้าไปเสริมการทำงานร่วมกับธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ในฐานะพันธมิตร เพื่อสนับสนุนผู้ส่งออกได้อย่างครบวงจรยิ่งขึ้น
มากกว่าเงินทุน คือ “ความเข้าใจตลาด”
จากประสบการณ์ความคุ้นเคยกับ SMEs ไทย คุณชลัชให้มุมมองวิเคราะห์ว่า ปัญหาที่แท้จริงของผู้ส่งออกไทยไม่ใช่เพียงแค่การขาดเงินทุน แต่คือการขาด “ความเข้าใจตลาด” และ “ความมั่นใจ” ในการเผชิญโลกภายนอก
“SMEs ไทยไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเงินทุนเพียงอย่างเดียว แต่ถูกจำกัดด้วย Mindset และความกังวลกับความเสี่ยง สิ่งที่พวกเขาต้องการคือ ความเข้าใจตลาด ความมั่นใจ และการเข้าถึง Buyer ที่แท้จริง”
เขาเผยว่า บ่อยครั้งที่ SMEs ไทยมักมุ่งเน้นแต่การส่งออกและหาเงินทุน แต่บางครั้งก็ลืมเรื่องสำคัญ เช่น สิทธิทางการค้าและลิขสิทธิ์ หรือผู้ส่งออกบางรายส่งออกไปโดยไม่พิจารณาว่า สินค้ามีความยั่งยืนหรือไม่ ทำให้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดที่ต้องการมาตรฐาน ESG ได้ เมื่อมีการออกกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น
“ผมสังเกตได้ว่า ปัญหาของ SMEs ไทยนั้นมีความหลากหลาย แต่มีประเด็นสำคัญที่น่าจะเป็นหมุดหมายหลัก นั่นคือสิ่งที่กำลังส่งออกไปนั้นจะมีความยั่งยืนได้อย่างไร ซึ่งนี่แหละที่เชื่อมโยงกับปัญหาใหญ่ของโลก เพราะเมื่อตลาดมันกำลัง ‘เปลี่ยนข้าง’ การส่งออกในลักษณะเดิม ๆ โดยไม่วางแผน ย่อมสร้างปัญหาตามมา หากสินค้าไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่นิยม ‘ก็อปปี้’ ก็จะโดนเรื่องลิขสิทธิ์
เช่นเดียวกับเรื่อง ESG ที่กลายเป็นกระแสหลักของโลก เราต้องหาทางสร้าง Total Solution ให้กับผู้ประกอบการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อตอบโจทย์ภาวะแวดล้อมในทุก ๆ มิติ นั่นคือ Key Message ที่ชัดเจนจากกระทรวงการคลังที่ส่งสัญญาณมาว่า นอกจากการดูแลเรื่องการเงินแล้ว EXIM BANK ต้องเข้าไปดูแลเรื่องความยั่งยืนด้วย ซึ่งเป็นบริบทใหม่ที่เราจะก้าวเข้าไปทำอย่างเต็มตัว”
เขาระบุว่า ในวิกฤตย่อมมีโอกาส EXIM BANK มองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ที่กำลังจะพลิกฟื้นศักยภาพของผู้ส่งออกไทย โดยสิ่งที่กรรมการผู้จัดการใหม่คนนี้ เชื่อว่าเป็นโอกาสของ EXIM BANK และ SMEs ไทย คือ การบุกเบิกตลาด New Frontier ลดการพึ่งพาตลาดเดิม มุ่งเน้นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง เช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ซึ่งเขามองว่า ตลาดเหล่านี้มีอัตราการเติบโตของชนชั้นกลางสูง มีความต้องการโครงสร้างพื้นฐานและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไทยมีศักยภาพในการผลิต และการยกระดับสู่ Green and Smart Supply Chain เป็นการผลักดันให้ธุรกิจไทยนำมาตรฐาน ESG และเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ จะช่วยสร้างความแตกต่าง (Differentiation) ให้สินค้าไทย ซึ่งในที่สุดจะกลายเป็น “ใบเบิกทาง” สำคัญในการเข้าสู่ตลาดพรีเมียม ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยอาวุธเสริมที่ EXIM BANK จะมอบให้ได้แก่
Market Trial Financing การให้สินเชื่อระยะสั้นสำหรับการทดลองตลาด (Pilot Project) ในตลาด New Frontier โดยที่ความเสี่ยงส่วนใหญ่ถูกปกป้องด้วยประกันการส่งออก
Export Analysis Course สอนให้ SMEs วิเคราะห์ต้นทุนการส่งออกแบบองค์รวม ไม่ใช่แค่ต้นทุนการผลิต แต่รวมถึงต้นทุน ESG ต้นทุนโลจิสติกส์ และต้นทุนอื่น ๆ เพื่อให้สามารถตั้งราคาได้อย่างมีกลยุทธ์และยั่งยืน
“EXIM BANK จะเป็นผู้ที่กล้าพอที่จะพา SMEs ไปลองบุกตลาดใหม่ โดยใช้สินเชื่อระยะสั้น ให้ผู้ประกอบการได้เริ่มต้นธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ เพราะหาก SMEs ไม่เริ่มต้นส่งออก ก็จะยังคงจำกัดอยู่แค่ตลาดภายในประเทศและไม่สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนได้”
ก้าวข้ามขีดจำกัดด้วย ESG
คุณชลัชกล่าวต่อว่า ในยุคปัจจุบัน แนวคิดเรื่อง ESG ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมไปแล้ว จนอาจกล่าวได้ว่า ต้องเป็น “ESG Plus” ซึ่งหมายถึงการขยายขอบเขตความยั่งยืนไปอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดนิ่ง
เขาย้ำว่ากระแส Green ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือ “ทางรอด” ของธุรกิจไทย EXIM BANK จึงให้ความสำคัญกับ Green Finance อย่างยิ่ง
“ตลาด Green ไม่ได้หยุดอยู่แค่คำว่าสีเขียว แต่กำลังขยายตัวและต่อยอดไปในทุกมิติ โดย ESG ได้กลายเป็นระบบที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญ ทั้งการดูแลภายในองค์กรและการปฏิบัติตามมาตรฐานภายนอกที่เคร่งครัด
สำหรับประเทศไทย แม้ตลาดคาร์บอนอาจยังไม่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ แต่หากธุรกิจไทยขาดคำว่า ESG เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลักจะส่งผลให้ลักษณะการทำธุรกิจนั้นไม่ยั่งยืนอีกต่อไป ผู้ส่งออกไทยมักจะมุ่งเน้นไปที่การแสวงหาคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) และการหาสินเชื่อสนับสนุน จนละเลยที่จะพิจารณาถึงมาตรฐานที่จำเป็นต่อการค้าสากล ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานเฉพาะด้าน เช่น ฮาลาล มาตรฐานคุณภาพ ISO หรือมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำลังเข้ามาเป็นกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ
EXIM BANK จึงไม่ได้จำกัดบทบาทตัวเองแค่การพัฒนาและให้สินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับ Green Finance เท่านั้น แต่ยังต้องพัฒนาไปสู่การเป็น “ผู้บอกกล่าว” หรือ “ผู้แจ้งเตือน” ให้แก่ผู้ประกอบการ โดยชี้ให้เห็นว่า นอกจากเรื่องคาร์บอนแล้ว ยังมีมิติอื่น ๆ ของ ESG ที่ต้องให้ความสนใจ นี่คือสิ่งที่ EXIM BANK ต้องมีเพื่อสร้างบริบทที่สอดคล้องกับพันธกิจหลัก ในการสนับสนุนการส่งออกอย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นธีมใหญ่และเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญที่ธนาคารต้องเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง
โดยหากย้อนมองในเชิงตัวเลข สัดส่วนการให้สินเชื่อที่เป็น Green Finance ของ EXIM BANK นั้นกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่ประมาณ 40% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมด และกำลังมุ่งสู่หมุดหมายถัดไปที่ 50% ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเป็นสถาบันการเงินที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และมีความปรารถนาที่จะพัฒนาฐานลูกค้าให้บรรลุความยั่งยืนไปพร้อมกัน
นอกเหนือจากการสนับสนุนด้านสินเชื่อแล้ว EXIM BANK ยังให้ความสำคัญกับการเป็น “ผู้สนับสนุนตลอดห่วงโซ่อุปทาน” ของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเกษตร ซึ่งเป็นฐานรากสำคัญของเศรษฐกิจไทย ไม่ว่าจะเป็นข้าว แป้งมัน น้ำตาล ยางพารา ตลอดจนน้ำมันปาล์ม โดยที่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ยังคงเป็นลักษณะของวัตถุดิบที่มี Productivity ลดลง และยังไม่เข้าสู่โหมด ESG ได้อย่างเต็มกำลัง
โดย EXIM BANK จะเข้าไปมีบทบาทเพิ่มเติมในการประสานงานและร่วมมือกับพันธมิตรของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง โดยมีแนวคิดหลักคือ การสนับสนุนให้ใช้เทคโนโลยีมายกระดับรากฐานการผลิตของประเทศ พร้อมทั้งผนวกมาตรฐาน ESG Plus เข้าไปในกระบวนการ ซึ่งจะเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและสร้างความยั่งยืนให้กับภาคการส่งออกของไทยในระยะกลางและระยะยาวต่อไป
ยุทธศาสตร์ 5 เสาหลัก S-M-A-R-T ขับเคลื่อนฝ่าวิกฤต
เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ในการเป็น “สถาบันการเงินชั้นนำที่เชื่อมโอกาสด้านการค้าและการลงทุนตามบริบทโลกอย่างยั่งยืน” EXIM BANK ได้กำหนด 5 ยุทธศาสตร์หลัก (S-M-A-R-T) ที่ครอบคลุมทั้งการสร้างความยั่งยืน การขยายตลาด การใช้ดิจิทัล และการพัฒนาบุคลากร
S – SME Export Grooming คือ การยกระดับผู้ประกอบการไทยสู่สากล ยุทธศาสตร์นี้เน้นการเพิ่มศักยภาพ SMEs ให้สามารถส่งออกได้ โดยเป็นตัวกลางนำพาสินค้าไทยแนะนำให้เป็นที่รู้จักในตลาดเป้าหมาย การสนับสนุนไม่ได้จำกัดเฉพาะสินเชื่อ แต่รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านลิขสิทธิ์ สิทธิทางการค้า และการเข้าถึง Buyer ที่แท้จริง เป้าหมายคือ การเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการ SMEs ส่งออกของประเทศเป็นสำคัญ
M – Market Expansion มุ่งเน้นการให้บริการที่ครบวงจร ทั้งสินเชื่อและเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (Cross-Selling/Bundling) พร้อมทั้งขยายโมเดลธุรกิจไปยังประเทศเป้าหมายใหม่ (Targeted Countries) เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เพื่อลดการพึ่งพาตลาดส่งออกหลักที่เป็นศูนย์กลางของสงครามการค้า
A – Advocacy & Sustainability คือ การสร้างการรับรู้และการเติบโตอย่างยั่งยืน หัวใจสำคัญคือ การยกระดับกระบวนการผลิตของผู้ประกอบการสู่ความยั่งยืน ให้สอดรับมาตรฐานสากล โดยเฉพาะการสนับสนุน Transition Finance และ Sustainability Linked Loan เพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถแข่งขันในตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับ ESG ได้
R – Revamp Digital Systems ความมุ่งมั่นในการทำ Digital Transformation เพื่อรองรับการขยายธุรกิจและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ โดยเน้นการพัฒนาระบบ Super App+ เพื่อเพิ่มช่องทางที่สะดวก เช่น บริการ FX และการใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลเครดิตอัตโนมัติ (Formula Lending) ที่รัดกุม เพื่อให้ SMEs เข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้น
T – Teamwork Spirits เน้นการสร้าง EXIM One Team Culture ภายใต้ One Goal และการพัฒนาทักษะบุคลากร (Upskilling) ให้มีความรู้ความสามารถด้าน ESG, Investment Banking (IB) และ Digital เพื่อให้บุคลากรทุกคนเปลี่ยนจาก “Banker” เป็น “Co-pilot” หรือที่ปรึกษาระดับสูงที่สามารถเข้าใจการบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวมของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
ภารกิจเร่งด่วน Quick Big Win รับมือวิกฤตระยะสั้น
อย่างไรก็ดี ภายใต้แนวนโยบาย “Quick Big Win” ของภาครัฐ นอกเหนือจากแผนระยะกลาง-ยาวนั้น จะมุ่งเน้นไปที่การ “ลงทุนเพื่ออนาคต” และ “รักษาเสถียรภาพ” เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพให้มุ่งสู่ความยั่งยืน EXIM BANK ได้กำหนดภารกิจเร่งด่วน 3 ด้าน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันแบบทันท่วงที ประกอบด้วย
- กระตุ้นการส่งออก เนื่องจากการส่งออกได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจภายนอก นโยบาย Reciprocal Tariffs และสถานการณ์ชายแดน ธนาคารจึงผนึกกำลัง สนับสนุนเครื่องมือทั้งการเงินและไม่ใช่การเงิน ผ่านสินเชื่อ Packing Credit เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน พร้อมทั้งเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง เช่น บริการประกันการส่งออก (Export Credit Insurance) เพื่อให้ผู้ประกอบการขยายตลาดได้อย่างมั่นใจ
- แก้หนี้ ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ผ่านโครงการ “คุณสู้ เอ็กซิมช่วย” และให้ความสำคัญกับการติดตามและแก้ไขหนี้ในกลุ่มลูกหนี้กล่าวถึงเป็นพิเศษ (Special Mention: SM) เพื่อควบคุม NPLs เชิงรุก
- เพิ่มสภาพคล่อง ให้สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
New Frontier อาวุธเสริมรับมือเชิงกลยุทธ์ในยุค Trade War
คุณชลัชกล่าวต่อว่า ในยุคที่โลกเผชิญกับ US-China Trade War และบริษัทข้ามชาติกำลังทำ Supply Chain Diversification และ Reshoring/Friend-shoring ทำให้ EXIM BANK มีความตระหนักถึงความเปราะบางของผู้ประกอบการ SMEs ที่มีต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยมักจะ “โดนต่อรองราคาจากผู้นำเข้า” ที่ต้องการแบ่งภาระความรับผิดชอบในมาตรการภาษี และยังต้องเผชิญกับการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้น
บทบาทของ EXIM BANK ต้องปรับจาก “นักรบ” เป็น “นักวางกลยุทธ์” และ “ผู้อำนวยความสะดวก” ที่ช่วยผู้ส่งออกไทยในการกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสใหม่ สำหรับแผนขับเคลื่อนที่อยู่ในมือของเอ็มดีคนใหม่นี้ เล็งเห็นการนำกลยุทธ์ต่าง ๆ มาปรับ ได้แก่
- การบริหารความเสี่ยงด้าน Geopolitical EXIM BANK จะใช้ผลิตภัณฑ์ประกันการส่งออกและเงินทุนหมุนเวียน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศที่มีความเสี่ยงสูง แต่มีโอกาสทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีการให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ลูกค้าว่าควร Diversify การผลิตและตลาดอย่างไร
- การหา Buyers ใน New Frontier โดยบทบาทของ EXIM BANK จะมุ่งรุกหาตลาดส่งออกใหม่ เช่น เอเชียใต้ แอฟริกา และตะวันออกกลาง เพื่อลดการพึ่งพาตลาดส่งออกหลัก ธนาคารจะเข้าไปช่วยผู้ประกอบการในการรุกและเจรจาหา Buyers ในตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ นี่คือบทบาทสำคัญที่สุด EXIM BANK ต้องทำงานในเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อวิเคราะห์ความต้องการเฉพาะเจาะจงของตลาด และหาช่องทางเจาะตลาดที่เหมาะสม
- สนับสนุนการลงทุนต่างประเทศ (Outward Investment) สนับสนุนเงินทุนให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนสร้างฐานการผลิตในต่างประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์จากแหล่งวัตถุดิบและสิทธิประโยชน์ทางการค้า (Preferential Trade Agreements) กับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ โดยเฉพาะการตอบโจทย์กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า (Rules of Origin)
หาก EXIM BANK สามารถบรรลุการเปลี่ยนแปลงภายใต้การดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ S-M-A-R-T ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็เชื่อได้ว่า EXIM BANK จะกลายเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งในการสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันที่ยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ความเสี่ยงใหม่ ๆ กำลังก่อตัวขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน
ผู้ส่งออกไทยจะมี “Co-pilot” ที่พร้อมจะช่วยลดความเสี่ยง สร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน และนำพาทุกธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในสมรภูมิการค้ายุคใหม่

เขียนและเรียบเรียง : ยุพาพร คุณานันท์
ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG : https://instagram.com/businessplus.th
Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business
The Business Plus บิสิเนสพลัส

