ไม่ใช่แค่ลดคน “กสิกรไทย” เปิดฉาก Re-engineering สู่ธนาคารยุค AI

กับข่าวที่ออกมาโดย ธนาคารกสิกรไทย เปิดโครงการ “เกษียณก่อน เกษมสุข” ซึ่งเป็นโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดสำหรับพนักงานธนาคารกสิกรไทย บนเงื่อนไขรับพนักงานอายุ 45-59 ปี ไม่จำกัดอายุงาน และให้สิทธิประโยชน์เงินชดเชยตามปีอายุงาน พร้อมเงินช่วยเหลือพิเศษที่เพิ่มขึ้นตามช่วงอายุ ตั้งแต่ 8-12 เดือน ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการปรับลดกำลังคนธรรมดา แต่เป็นสัญญาณสำคัญของการ Re-engineering ครั้งใหม่ ในยุคที่เทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจการธนาคาร

นำมาซึ่งคำถามสำคัญ คือ ธนาคารกสิกรไทย เตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันในยุคดิจิทัลอย่างไร ท่ามกลางการเปลี่ยนไปกับพฤติกรรมลูกค้าและคู่แข่งที่ไม่ใช่ภาคธนาคารอีกต่อไป

มิติการแข่งขันใหม่ในภาคธนาคาร

การแข่งขันในภาคธนาคารไทยในปัจจุบัน ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว การแข่งขันไม่ได้จำกัดเฉพาะเพียงแต่ต้องแข่งขันกับธนาคารดั้งเดิม แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับ Fintech Startups, Big Tech Companies และ Neo Banks ที่เข้ามาท้าทายธุรกิจแบบเดิม โดยการเปลี่ยนแปลงแบบดิจิทัลของธนาคารกำลังเร่งความเร็วขึ้น โดยมี AI, Blockchain, Open Banking และ Embedded Finance เป็นแนวหน้า

อีกทั้งลูกค้าในยุคปัจจุบันก็คาดหวังประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ (Seamless Experience) บริการที่เป็นส่วนตัว (Personalized) และการตอบสนองแบบเรียลไทม์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยเทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติ มากกว่าแรงงานคนในรูปแบบเดิม

และเมื่อหันมามองถึงแนวทางการบริหารงานของธนาคารกสิกรไทย จะพบว่า ทางธนาคารกสิกรไทย กำหนดเป้าหมายใหม่สำหรับปี 2025 เพื่อพร้อมเข้าสู่ยุคของ Agentic AI ผ่านการเปลี่ยนแปลงแบบ Human-First x AI-First ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทิศทางที่ชัดเจนของการนำ AI เข้ามาใช้ในการดำเนินงาน

แน่นอนว่า บทบาทของเทคโนโลยี AI ในการ Re-engineering ในแต่ละองค์กร ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ อาทิ

1. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างงาน โดย AI จะเปลี่ยนแปลงรากฐานของการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในภาคธนาคารและตลาดทุน เพราะเมื่อสถาบันต่าง ๆ เริ่มยอมรับศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง เพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และจัดการความเสี่ยงให้ดีขึ้น โดยเทคโนโลยี AI สามารถทำหน้าที่ที่เคยต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก เช่น การวิเคราะห์เครดิตและประเมินความเสี่ยง การให้บริการลูกค้าผ่าน Chatbot และ Virtual Assistant การตรวจจับการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ หรือแม้แต่การทำ KYC และ AML อัตโนมัติ

2. การลงทุนในเทคโนโลยีของกสิกรไทย ซึ่งธนาคารกสิกรไทยมีการเคลื่อนไหวด้านการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลเสมอ และมุ่งเน้นไปที่ AI, Web3 และ Fintech โดยทั่วไป และยังได้เปิดตัว KXVC กองทุนร่วมลงทุน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่มุ่งเป้าไปที่ web3, DeFi และ AI

การลงทุนเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวของธนาคารในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี และเมื่อเปรียบเทียบกับ Investment Banking ระดับโลก เราก็พบว่า อย่างกรณีศึกษาจาก Goldman Sachs และ JPMorgan Chase ซึ่งปกติแต่ละปีจะลดจำนวนพนักงานลง แล้วลงทุนใหญ่กับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้บริการทางการเงินนั้นล้ำสมัยอยู่เรื่อย ๆ

ล่าสุด Goldman Sachs เพิ่งเปิดตัว AI assistant เมื่อเดือนมกราคม 2025 ส่วน JPMorgan Chase ได้ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยมีแผนลดพนักงานแผนกปฏิบัติการ 10% และส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในกำลังแรงงานภาคธนาคารด้วย

ทั้งสองกรณี เราจะพบความจริงที่ว่า ท้ายที่สุดทักษะที่จำเป็นของพนักงานธนาคาร อะไรคือข้อได้เปรียบของพนักงานที่เทคโนโลยีทดแทนไม่ได้

คำตอบนี้ ต้องมองเป็น 2 มิติ ได้แก่ งานที่ต้องการทักษะระดับกลาง (Middle-skill Jobs) และงานที่เป็น Routine มักถูกแทนที่ก่อน

ในขณะที่งานที่ต้องการ Creative Thinking, Strategic Planning และ Complex Problem Solving ยังคงต้องการความเชี่ยวชาญของมนุษย์

มาถึงแนวทางและกลยุทธ์ของกสิกรไทย สำหรับการรับมือการแข่งขัน เราพบว่า จากการปรับโครงสร้างกำลังคน “โครงการเกษียณก่อน เกษมสุข” เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการในยุคดิจิทัล ซึ่งวัตถุประสงค์ของธนาคาร คือ

1. ต้องการลดต้นทุนแรงงาน เพื่อนำไปลงทุนในเทคโนโลยี เปลี่ยนโครงสร้างทักษะ จากงาน Routine ไปสู่งานที่ต้องการ Digital Skills และเพิ่มความคล่องตัว ในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

2. การลงทุนด้านเทคโนโลยี โดยกสิกรไทยกำลังสร้างธนาคารดิจิทัลแห่งอนาคตด้วย Cloudera การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้าน Cloud และ Big Data เป็นรากฐานสำคัญสำหรับการนำ AI มาใช้

ทำให้ต้องลงทุนในการพัฒนา AI และ Automation ซึ่งธนาคารกำลังก้าวข้าม Pilot Projects ไปสู่การนิยามกลยุทธ์ เทคโนโลยี และการกำกับดูแลใหม่ หรือเสี่ยงที่จะสูญเสียการควบคุมภูมิทัศน์การเงินให้กับผู้เคลื่อนไหวที่เร็วกว่า

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองถึงอนาคตของกสิกรไทย เราจะพบว่า ทางธนาคารประกาศ Business Direction ชัดเจน คือ ทิศทางใน 3-5 ปีข้างหน้า จะมุ่งไปสู่การเป็น AI-First Bank

ดังนั้น คำประกาศของโครงการ “เกษียณก่อน เกษมสุข” ของธนาคารกสิกรไทย เรามองว่าเป็นมากกว่าการลดกำลังคนธรรมดา แต่เป็นการปูทางสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของภาคธนาคารในยุค AI

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของกสิกรไทยในการ Re-engineering ครั้งนี้จะขึ้นอยู่กับ 1. การจัดการการเปลี่ยนแปลง ที่คำนึงถึงทั้งเทคโนโลยีและคน 2. การลงทุนอย่างต่อเนื่องกับเทคโนโลยี AI และเทคโนโลยีใหม่ ๆ และ 3. การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

ท้ายที่สุด หากยังจำกันได้ ยุคที่ธนาคารกสิกรไทย ภายใต้การคุมบังเหียนของ บัณฑูร ล่ำซำ ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลล่ำซำ ที่มีผลงานที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดคือ การ Re-engineering องค์กร

โดยคุณบัณฑูรได้ให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งวางมือจากตำแหน่งในปี 2563 ว่า “ถ้าวันหนึ่งพายุมา ก็อย่าถึงกับล่ม” ซึ่งเน้นย้ำถึงการเตรียมความพร้อมรองรับวิกฤตและการเสริมฐานองค์ความรู้ใหม่เสมอ

และต้องยอมรับว่า คำกล่าวของคุณบัณฑูร ได้สะท้อนแนวคิดและมุมมองที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย คือ ทุกองค์กรต้องปรับตัวอยู่สเมอ

ดังนั้น ข่าวที่ออกมา จึงไม่ใช่แค่การลดคนธรรมดา ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับแนวคิด Re-engineering ที่ธนาคารเคยดำเนินในอดีต (ยุคสมัยในช่วง 2530–2540s) แต่เพื่อตอบสนองต่อการแข่งขันเสรีและรวดเร็วนั่นเอง …