Moccona แบรนด์ดังจากเนเธอร์แลนด์ ที่ไม่ใช่แดนกาแฟ แต่ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2

ยามเช้าของใครหลาย ๆ คนมักเริ่มต้นด้วย ‘กาแฟ’ ซึ่งแน่นอนว่ากาแฟสำเร็จรูปสำหรับชงดื่ม เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะทั้งประหยัดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่าย โดยหนึ่งในแบรนด์ที่คุ้นเคยอย่าง ‘MOCCONA’ แบรนด์สัญชาติเนเธอร์แลนด์ ก็มีจุดเริ่มต้นมาเกิดจากความลังเลของครอบครัวชาวดัตส์ ที่ไม่รู้ว่าจะค้าขาย ชา กาแฟ หรือบุหรี่ดี 

ต้องเกริ่นก่อนว่าเนเธอร์แลนด์ ก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีการเกษตรครบครัน ทั้งการวิจัยพัฒนาและเป็นจุดศูนย์กลางการค้าขายและส่งออก แต่ไม่ได้โดดเด่นในการปลูก’กาแฟ’ โดยเนเธอร์แลนด์จะโดดเด่นในการส่งออกดอกไม้ด้วยสัดส่วนการตลาดทั่วโลกกว่า 75% พร้อมทั้งยังโดดเด่นในภาคการเกษตรอย่าง พืช, ผัก โดยสามารถครองสัดส่วนการตลาดทั่วโลกได้ 15%

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้เราคงเห็นแล้วว่าเนเธอร์แลนด์ไม่ได้มีภาคอุตสาหกรรมกาแฟเท่าไหร่นัก เพราะอุตสาหกรรมกาแฟหลัก ๆ จะอยู่ที่ บราซิล เวียดนาม โคลอมเบียร์และอื่น ๆ ทำให้เนเธอร์แลนด์ยังคงเพิ่งพาการนำเข้ากาแฟมากถึง 36% เลยทีเดียว

แต่ในทางกลับกันแบรนด์ ‘MOCCONA’ ก็สามารถครองสัดส่วนการตลาดโลกได้เป็นลำดับที่ 2 ได้แม้เนเธอร์แลนด์จะไม่ได้โดดเด่นในอุตสาหกรรมกาแฟ

คำถามคือ แล้ว MOCCONA ทำอย่างไรให้กลายมาเป็นผู้เล่นในตลาดโลก?
แล้วจุดเริ่มต้นของแบรนด์เป็นอย่างไร?

ย้อนกลับไป 200 กว่าปีก่อน (1753) ในเมือง Joure ทางตอนเหนือของเนเธอร์แลนด์คุณ Egbert Douwes และภรรยาชาวดัตซ์ได้เปิดร้านขายของชำที่มีชื่อว่า ‘De Witte O’ ได้เริ่มมองหาสินค้าที่จะทำให้ทุก ๆ เช้าของทุกคนกลายเป็นวันที่ดี ซึ่งสินค้า 3 อย่างที่ขายดีในช่วงเช้าก็ได้แก่ ชา กาแฟ และบุหรี่

ซึ่งพวกเขาดำเนินธุรกิจมาเรื่อย ๆ โดยยังคงไม่มั่นใจว่าอะไรคือสินค้าเรือธงของร้าน จนกระทั่งเขามอบหมายให้ลูกชาย ชื่อว่า คุณ Douwe Egberts และภรรยามาสืบทอดกิจการร้านของชำต่อ ซึ่งเขาก็มองแล้วว่าธุรกิจของเขาเป็นที่รู้จักแค่ในท้องถิ่นเท่านั้น จำเป็นจะต้องมีสินค้าหลักได้จริง ๆ เสียที จึงได้เริ่มเปิดธุรกิจสินค้า D.E. ที่มีมากมายหลายชนิด

และอย่างที่เรารู้กันว่าชาวยุโรปมักจะดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ ทำให้คุณ Egberts ได้ริเริ่มธุรกิจกาแฟสำเร็จรูปขึ้นในปี 1919 ที่เมือง Utrecht โดยเขาได้ก่อตั้งสำนักงานและโรงคั่วกาแฟในเมือง ซึ่งช่วงแรก ๆ ใช้รถม้าในการขนส่งกาแฟดิบเข้าสู่โรงคั่ว ซึ่งสามารถผลิตได้ไม่เต็มกำลังมากนัก

แต่ธุรกิจก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ ด้วยความหลากหลายของสินค้าจนกระทั่งในปี 1924 ที่คุณ Douwe Egberts ได้ทำให้ชาวตัส์ได้ตกหลุมรักแบรนด์ D.E. ขึ้นเพราะสามารถใช้เป็นของขวัญในวันสำคัญต่าง ๆ ได้ ไม่เพียงเท่านี้ 70% ของชาวดัตส์ล้วนดื่มกาแฟจากแบรนด์และซื้อให้กันไปของขวัญจนกระทั่งยอดขายไปอยู่ที่ 2.5 ล้านชิ้นในระยะเวลาไม่นาน

ทั้งนี้ D.E. ได้เริ่มคิดค้นโลโก้ของแบรนด์ขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้จดจำสินค้ามากขึ้น และในปี 1954 ได้เปิดตัว MOCCONA ในกระปุกขนาด 50 กรัม ซึ่งครั้งแรกที่เปิดตัวก็สามารถสร้างกระแสตอบรับที่เกินคาด เพราะด้วยความใส่ใจในการผลิตที่นำเมล็ดกาแฟทั้ง 2 ชนิดอย่าง อาราบิก้าและโรบัสต้า มาสร้างสรรค์ผสมเข้ากันจนได้รสชาติกาแฟที่ลงตัวและเป็นรสชาติที่คนยุโรปชื่นชอบ จึงไม่แปลกที่ในระยะเวลาเพียงไม่นานความต้องการของ MOCCONA ก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า

ต่อมาคุณ Douwe Egberts ไม่หยุดที่จะเป็นผู้ด้านกาแฟ เพราะเขาได้นำเครื่องดริปกาแฟไฟฟ้าที่มีชื่อว่า ‘Wigomat’ มาใช้กับ MOCCONA เพื่อเพิ่มความอร่อยให้กับกาแฟแก้วโปรด ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมกาแฟเริ่มมีความยั่งยืนมากขึ้นและแพร่กระจายไปทั่วโลก ทางบริษัทจึงเริ่มส่งออกสินค้าไปยังประเทศออสเตรเลีย และก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจวบจนปัจจุบัน

ภายหลังจากนั้นมาเราก็เห็น MOCCONA อยู่ในห้างสรรพสินค้าหลาย ๆ ประเทศมาตลอด ในปัจจุบัน MOCCONA อยู่ภายใต้บริษัท JDE Peet’s และมีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 7, 643 ล้านยูโร โดยสามารถครองสัดส่วนการตลาดกาแฟไว้ได้เป็นอันดับที่ 2 ของโลกด้วยสัดส่วน 1.73%

ท้ายที่สุดแล้วความลังเลใน 200 ปีที่แล้วก็พิสูจน์ได้ด้วยเวลา ซึ่งตระกูล Egberts ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าความยั่งยืนในอุตสาหกรรมนั้น ๆ และเวลาคือคำตอบของธุรกิจ เช่นเดียวกับการสร้างแบรนด์ MOCCONA ให้กลายมาเป็นที่รู้จักมาจนถึงทุกวันนี้

ที่มา : Moccona, douwe-egberts, mordorintelligence, deallab, tatlerasia

เขียนและเรียบเรียง : อโญศิริ สุระตโก

 

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

 

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #Moccona