วงการประกันภัยไทย “จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” จากนี้ต้องเร่งปรับตัว เรียนรู้วิถี New Normal เน้น Digital Platform ยิ่งขึ้นกว่าเดิม

หลายคนอาจจะได้ตามข่าวเกี่ยวกับบริษัทประกันภัยมาพอสมควร จากกรณีข่าวการยกเลิกคุ้มครองลูกค้าประกันโควิด-19 เล่นเอาวงการสั่นสะเทือน เพราะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีเหตุการณ์แบบนี้ ถึงแม้ทาง คปภ. จะเข้ามาดูแลแล้วก็ตาม แต่ยังทำให้ลูกค้ารู้สึก “ไม่ไว้ใจ” ไปตามๆ กัน
.
สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้น เลยเป็นโจทย์ให้บริษัทประกันภัยต้องปรับตัว เรียนรู้ที่จะมองว่าแนวโน้มของประกันภัยและนำมาปรับตัวให้รับกับสิ่งที่เกิดขึ้น
.
“ดร.มหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับเราว่า “ปีนี้เรายังคงต้องปรับตัวและเรียนรู้วิถีใหม่กันอยู่จากการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 วงการประกันภัยเองก็เช่นกัน ผมจึงอยากพูดถึง 4 แนวโน้มสำคัญว่าประกันภัยจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน”
.
เมื่อประกันภัยเข้ามาอยู่ในทุก ๆ มิติของชีวิตคนไทย ธุรกิจประกันภัยจะต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นแพลตฟอร์ม เป็นตัวกลางเชื่อมต่อกับพันธมิตรต่าง ๆ นำผลิตภัณฑ์ประกันภัยไปพ่วงกับสินค้าและบริการที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น
.
1. Digitalization ประกันภัยจะเป็นดิจิทัลยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ช่วงการระบาดของ COVID-19 เมื่อปี 2020 หลายคนได้รู้จักกับการซื้อประกันผ่านช่องทางออนไลน์เป็นครั้งแรก ทั้งจ่ายเงินออนไลน์แบบไร้สัมผัส และรับกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ หรือกรณีของประกันภัยรถยนต์ เราสามารถเรียกเคลมผ่านช่องทางออนไลน์
.
โดยรู้ล่วงหน้าว่า Surveyor หรือคนเคลมประกันจะมาถึงจุดเกิดเหตุเมื่อใด
เราได้เห็นนวัตกรรมประกันภัยใหม่ ๆ จากเครือข่าย 5G และอุปกรณ์ไอโอที (IoT) เชื่อมต่อทุกสิ่งเข้าด้วยกัน ประมวลผลและรายงานข้อมูลได้ทันที (Real-time) ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร อุปกรณ์อัจฉริยะในบ้าน เซ็นเซอร์ Telematics ในรถยนต์ที่เก็บข้อมูลการเดินทางและการขับขี่ หรือแม้แต่สมาร์ทวอทช์ที่หลายท่านรู้จักดี
.
ซึ่งมองว่าตลาดไอโอทีในไทยจะเติบโตอีกมาก จากมูลค่า 3,600 ล้านบาทในปี 2018 เป็นเกือบ 66,000 ล้านบาทภายในปี 2030 หรือเติบโตเฉลี่ยทบต้นปีละ 27% ซึ่งข้อมูลสุขภาพ พฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือการขับขี่จำนวนมหาศาลเหล่านี้ จะช่วยให้เข้าใจผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้ง ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกคนเพื่อชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
.
2. Untapped Demand คนไทยและภาคธุรกิจ ยังต้องการทำประกันอีกมาก
เห็นได้ชัดจากประกันภัย COVID-19 ได้รับความนิยมสูงกว่า 9 ล้านกรมธรรม์ ภายในเวลาไม่นาน และเมื่อยิ่งคุ้นเคยกับการทำธุรกรรมออนไลน์ ได้สัมผัสกับตัวเองว่าการทำประกันเป็นเรื่องสะดวก รวดเร็ว ราคาไม่แพง ทำให้การประกันภัยในกลุ่มอื่น ๆ เติบโตไปด้วย เช่น ประกันโรคไข้เลือดออก ประกันอุบัติเหตุที่ครอบคลุมการขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ หรือประกันภัยที่ออกแบบมาให้เหมาะกับช่วงอายุและเพศ เป็นต้น
.
3. More Personalized and Affordable คนไทยทุกคนเข้าถึงประกันภัยที่คุ้มค่าและเฉพาะตัว ทั้งนี้ นวัตกรรมใหม่ ๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์ไอโอที การเชื่อมต่อข้อมูลต่าง ๆ เข้าด้วยกันแบบเรียลไทม์ และเทคโนโลยี AI เป็นหนึ่งในหัวใจหลักของการทรานส์ฟอร์มของ TIC ไทยประกันภัยตั้งแต่ต้นปี 2020 ช่วยให้ธุรกิจประกันภัยสามารถเข้าใจผู้บริโภคแต่ละคนได้ดียิ่งขึ้น
.
เป็นการมอบความคุ้มครองอย่างเหมาะสมกับข้อมูลความเสี่ยงของแต่ละบุคคล คำนวณเบี้ยอย่างเป็นธรรมจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตจริงไม่ใช่จากแบบทดสอบความเสี่ยง TIC ต้องการมอบผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจและมี value สูงที่สุดให้ลูกค้า พร้อมทั้งสร้างความต้องการใหม่จากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณลักษณะใหม่ (Supply creates demand) อีกด้วย
.
ในภาพรวมของธุรกิจ เมื่อมีอุปทานของการทำประกันภัยสูงขึ้น ก็จะก่อให้เกิด Economy of Scale หรือจุดคุ้มทุนที่ทำให้ธุรกิจประกันภัยไทยสามารถนำเสนอความคุ้มครองที่หลากหลายและครอบคลุมแก่คนจำนวนมากขึ้น ในราคาที่ถูกลง โดยเฉพาะเมื่อทุกอย่างเป็นดิจิทัลและไม่ก่อให้เกิดต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มแม้มีผู้ทำประกันจำนวนมาก รวมถึงพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจประกันภัยที่ประกอบด้วยประกันหลากหลายประเภท จะช่วยกระจายความเสี่ยงจากกรณีเรียกร้องสินไหมจำนวนมากพร้อมกันจากประกันประเภทใดประเภทหนึ่ง ซึ่งสุดท้าย ประโยชน์สูงสุดจะตกอยู่ที่ลูกค้า
.
4. Insurance will never be the same ประกันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เมื่อประกันภัยเข้ามาอยู่ในทุก ๆ มิติของชีวิตคนไทย ธุรกิจประกันภัยจะต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นแพลตฟอร์ม เป็นตัวกลางเชื่อมต่อทั้ง Front-end และ Back-end กับพันธมิตรต่าง ๆ ผ่านเทคโนโลยี Open API สามารถนำผลิตภัณฑ์ประกันภัยไปพ่วงกับสินค้าและบริการที่หลากหลาย โดยเฉพาะอยางยิ่งบนช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น
.
นอกจากแบงก์แอสชัวรันส์ (Bancassurance) หรือการขายประกันผ่านธนาคารแล้ว ประกันภัยมีโอกาสสร้างพันธมิตรใหม่กับธุรกิจอื่นอีกมาก เช่น นำเสนอประกันอัคคีภัยเมื่อซื้อบ้าน ประกันอุบัติเหตุเมื่อซื้อหรือเช่ารถยนต์ ประกันการเดินทางเมื่อจองตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น
.
ซึ่งทาง TIC ไทยประกันภัยได้เดินหน้า Open API เพื่อจับมือกับธนาคารทหารไทยนำเสนอประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลผ่านช่องทางสาขาธนาคาร และล่าสุดจับมือกับกรุงศรีคอนซูเมอร์ เพื่อรับมือการระบาดระลอกใหม่ นำเสนอประกันภัย COVID-19 TIC Freedom ที่ซื้อได้จากทุกที่ผ่านแอป UCHOOSE และในอนาคตเทคโนโลยี Open API จะทำให้ TIC สามารถออกผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางขายใหม่ ๆ ร่วมกับพาร์ทเนอร์ได้อย่างรวดเร็วและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ลึกขึ้น ซึ่งขณะนี้ TIC อยู่ระหว่างการ Connect กับ Partners ต่าง ๆ อีกมากมาย
.
เมื่อประกันภัยกลายเป็นแพลตฟอร์ม จะดึงดูดพันธมิตรเข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่าของการทำประกันภัย (Value-added) สร้างสรรค์เป็นบริการใหม่ ๆ มอบแก่ผู้บริโภค เช่น บริการตรวจเช็ครถยนต์เมื่อถึงคราวต่อประกันอุบัติเหตุ บริการติดตั้งสัญญาณเตือนภัยหรือกล้องวงจรปิดเมื่อทำประกันภัยที่อยู่อาศัยหรือสถานประกอบการ หรือบริการตรวจสอบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเมื่อทำประกันภัยไซเบอร์ ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างความประทับใจแก่ผู้ทำประกันแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงและค่าสินไหมที่จะเกิดขึ้นจากการเคลมประกันได้ด้วย
.
“กล่าวได้ว่า วงการประกันภัยไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยยกระดับให้ประกันภัยเป็นเรื่องสะดวก คุ้มค่า ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล และมีพันธมิตรใหม่ ๆ ช่วยเสริมให้ประกันภัยน่าสนใจ และสร้างวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยงของคนไทย วิสัยทัศน์สำคัญของ TIC ไทยประกันภัย จึงมุ่งเป็นผู้นำนวัตกรรมเพื่อก้าวขึ้นเป็น Thailand’s No. 1 Innovative Insurer ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ซึ่งในปี 2564 นี้เราเตรียมออกผลิตภัณฑ์มากมายที่ตอบโจทย์คนไทย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยความคุ้มครองที่ทุกคนเข้าถึงได้ เราปรับใช้กลยุทธ์บน 3 แนวทางหลัก นั่นก็คือ Transform, Innovate และ Expand บนแนวคิด Insurance Will Never be the Same”
.
.
ติดตาม Business+ ได้ที่ thebusinessplus.com
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHC