ขีดจำกัดของธุรกิจครอบครัว

ขีดจำกัดของธุรกิจครอบครัว
โดย : แจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ

เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ ตั้งใจจะมองเห็นธุรกิจของตัวเองเติบโตขยายกิจการได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งเป็นธุรกิจครอบครัวก็ยิ่งอยากเห็นรุ่นลูกรุ่นหลานมาสืบทอดกิจการ แต่ในโลกธุรกิจจริง ๆ กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะธุรกิจใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งเพียง 3-5 ปี มักจะล้มเลิกกิจการลงถึงเกือบครึ่งหนึ่ง และหากมองระยะยาวไปถึง 20 ปี ก็จะเห็นบริษัทที่อยู่รอดมาได้น้อยลงไปเรื่อย ๆ องค์กรธุรกิจของไทยที่มีอายุเกิน 100 ปี จึงมีจำนวนน้อยมาก



การสืบทอดความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งเป็นหัวใจของการสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน กำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างรุนแรงในทุกวันนี้ จนหลายองค์กรกำลังจะส่งต่ออำนาจการบริหารจากผู้ก่อตั้ง การที่คนรุ่นก่อนยังไม่วางมือให้กับคนรุ่นใหม่สะท้อนให้เห็นปัญหาหลาย ๆ ประการในเรื่องการวางแผนสืบทอดอำนาจในการบริหารที่ไม่ชัดเจน ส่งผลกระทบให้ธุรกิจขาดความต่อเนื่อง ซึ่งไม่ได้มีผลเฉพาะเพียงธุรกิจในครอบครัวเท่านั้น เพราะบริษัทเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงธุรกิจครอบครัวเล็ก ๆ แต่อาจเป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่มียอดขายมหาศาลจนส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ

ปัญหาใหญ่ที่เราจะพบในการสืบทอดอำนาจการบริหารในองค์กรก็คือ “ช่องว่างระหว่างเจเนอเรชัน” นั่นคือคนรุ่นเก่าไม่อยากพูด ในขณะที่คนรุ่นใหม่ก็ไม่กล้าพูด ส่งผลให้การสื่อสารขาดตอนระหว่างคนสองรุ่น ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพูดคุยกันไม่ชัดเจนโอกาสที่จะวางอนาคตร่วมกันก็เป็นไปได้ยากขึ้น

ประเด็นสำคัญที่คนรุ่นก่อนมักจะเก็บงำไว้ก็คือ จุดยืนในการรักษาผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูล เพราะนี่คือธุรกิจที่คนรุ่นเขาก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา เมื่อขยายใหญ่ก็มีการจัดสรรปันส่วนให้กับเครือญาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในครอบครัว รวมไปถึงคนนอกที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ เช่น ลูกเขย ลูกสะใภ้

อุปสรรคสำคัญที่คนทำธุรกิจครอบครัวหลีกเลี่ยงไม่ได้คือช่องว่างระหว่างวัยที่คนรุ่นพ่อกับคนรุ่นลูกนั้นอาจมีมุมมองในการทำงานที่ไม่เหมือนกัน คนรุ่นลูกจึงจำเป็นต้องสานต่อสิ่งที่คนรุ่นเก่าทำไว้ นั่นคือต้องรู้จักแก่นแท้ของธุรกิจตัวเอง อย่าหลงไปตามกระแสต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นที่นิยมเพียงชั่วครู่ชั่วยาม

คนรุ่นเก่าก็ต้องยอมรับและรู้จักพึงพอใจกับผลงานของคนรุ่นใหม่ แม้เขาจะมีแนวทางไม่เหมือนเรา แต่เขาก็มีวิธีของตัวเองที่ใช้ได้ผลไม่แพ้กัน การยอมรับซึ่งกันและกันจึงสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีและเสริมพลังซึ่งกันและกันได้

ปัญหาที่เกิดจากธุรกิจครอบครัวหลาย ๆ คนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัวและไม่น่าจะส่งผลกระทบถึงตัวเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วเราไม่อาจหลีกเลี่ยงผลของมันได้เลย เพราะองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่หลายแห่งในบ้านเราก็ล้วนเป็นธุรกิจครอบครัวทั้งนั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงส่งผลเป็นทอด ๆ ไปถึงคู่ค้า ผู้ถือหุ้น และลูกค้าที่มีจำนวนมหาศาล

หากการจัดการรอยต่อของการรับช่วงบริหารงานจากคนรุ่นเก่าไม่เป็นไปตามแผน หรือเกิดขึ้นโดยไม่ได้วางแผนเอาไว้ ธุรกิจครอบครัวที่สะดุดลงจึงทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจในระดับประเทศต้องตกต่ำตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้