ทำไม พลาสม่าคลัสเตอร์ ในเครื่องฟอกอากาศชาร์ป ถึงครองใจมหาชน

เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ ซึ่งได้รับการพิสูจน์และรับรองประสิทธิภาพจากมากกว่า 30 สถาบันชั้นนำทั่วโลก คือ หัวใจสำคัญที่ทำให้เครื่องฟอกอากาศ ชาร์ป ครองใจมหาชนเหนือคู่แข่ง

บอกเลยว่าถึงจะมีพิษ COVID-19 แต่ยอดขายของเครื่องฟอกอากาศชาร์ป กลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะแบรนด์ได้โชว์ให้เราเห็นแล้วว่า ที่ผ่านมาลูกค้ามั่นใจในแบรนด์สินค้าเหนือคู่แข่ง

เนื่องจากการที่มีชาร์ปมีเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ ซึ่งเทคโนโลยีนี้ผ่านการรับรองว่า ช่วยยับยั้งไวรัส H1N1, H7N9, H5H1 และแบคทีเรีย Bacillus cereus 99%

นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยยับยั้งสารก่อภูมิแพ้ แบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น กลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ รวมถึงฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หรือในช่วงที่  COVID-19 ระบาดเพิ่มขึ้น SHARP Corporation ได้จับมือศูนย์วิจัยแห่งชาติและการป้องกันโรคติดเชื้อ สถาบันเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น เผยผลวิจัยถึงประสิทธิผลในการลดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ลอยอยู่ในอากาศ (SARS-CoV-2) พบว่า เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ ช่วยลดจำนวนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอากาศได้มากถึง 91.3%

 

สิ่งที่แบรนด์ ‘ชาร์ป’ โดยบริษัท ชาร์ปไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศอันดับ 1 โดยคุณอัครเดช พันธิวานนท์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย เล่าให้ฟังว่า Key Success Factor สำหรับแบรนด์ชาร์ปคือ การที่แบรนด์ได้คิดค้นเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ เพื่อเป็นหัวใจต่อการดำเนินธุรกิจมานาน 20 ปี โดยผลิตภัณฑ์ของชาร์ป ที่มีเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ มียอดขายมากกว่า 90 ล้านเครื่องทั่วโลก

ที่สำคัญ เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ ซึ่งได้รับการพิสูจน์และรับรองประสิทธิภาพจากมากกว่า 30 สถาบันชั้นนำทั่วโลก ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ยังคงแข่งขันได้และได้รับความนิยมจากลูกค้าต่อเนื่อง

แม้คู่แข่งรายใหม่และคู่แข่งแบรนด์ใหญ่จะรุกเข้มในตลาดนี้มากเพียงใด แต่ก็ต้องยอมรับว่า สิ่งที่ผู้บริโภคยังภักดีต่อแบรนด์ชาร์ปนั้นเกิดจาก นวัตกรรมของเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ ซึ่งเสนอคุณค่าจากฟังก์ชันการใช้งานที่มากกว่า

เครื่องฟอกอากาศพลาสม่าคลัสเตอร์ ชื่อเต็มคือ PCI Technology ซึ่ง PCI ย่อมาจากคำว่า Plasmacluster Ion เป็นเทคโนโลยีการฟอกอากาศที่เป็นสิทธิบัตรหรือลิขสิทธิ์เฉพาะจากชาร์ปเท่านั้น

หลักการของเทคโนโลยีนี้คือ การปล่อยอนุภาคความเข้มข้นสูงออกมาสู่ในอากาศ ซึ่งอนุภาคที่ว่านี้เป็นอนุภาคไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า ไอออน (Ion) โดยการปล่อยนั้นจะมีทั้งประจุไฟฟ้าบวก (H+) และประจุไฟฟ้าลบ (OZ-) สลับสับเปลี่ยนกันไป ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่มีอยู่ในธรรมชาติ เข้าไปในอากาศพร้อม ๆ กัน เพื่อเป็นทำลายผนังของเซลล์เชื้อรา, ไวรัส, แบคทีเรีย กระทั่งสามารถช่วยขจัด ลด กลิ่นไม่พึงประสงค์ กลิ่นอับชื้น ต่าง ๆ รวมถึงฝุ่น PM2.5 ส่งผลทำให้เกิดอากาศสะอาดบริสุทธิ์จากเทคโนโลยีฟอกอากาศจากชาร์ปนั่นเอง

 

แน่นอนว่า เครื่องฟอกอากาศจากชาร์ป มีข้อแตกต่างจากสินค้าแบรนด์อื่น ๆ ซึ่งปล่อยแค่ประจุไฟฟ้าลบ (OZ-) เท่านั้น ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้คือ ทำได้แค่เกิดความสดชื่นเท่านั้น ต่างจากเครื่องฟอกอากาศของชาร์ป ซึ่งสินค้ารุ่นล่าสุดได้ดำเนินการติดตั้งเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์แบบข้มข้นได้มากถึง 50,000 ไอออน ต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ซึ่งผลลัพธ์จะทำให้บริเวณที่ใช้งานนั้นจะเกิดอากาศบริสุทธิ์ จากการที่ชาร์ปเติมเทคโนโลยีในปริมาณมากกว่าโมเดลรุ่นเก่าถึง 2 เท่า

มุ่งสร้างสังคมสะอาด ด้วยเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์
สำหรับวิสัยทัศน์ของชาร์ป ต่อทิศทางธุรกิจในอนาคตสำหรับประเทศไทย คุณอัครเดช เล่าว่า ชาร์ป มุ่งมั่นที่จะปฏิวัติโลกใบนี้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใต้บทบาทของการเป็นผู้นำด้านการริเริ่มนวัตกรรมใหม่ๆ ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘สังคมอากาศสะอาด Clean Air Society’ สำหรับคนไทยด้วยระบบนิเวศสมาร์ทโซลูชันแบบครบวงจร ผ่านเทคโนโลยี AIoT ที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์

ด้วยแนวคิดนี้ เราได้นำโซลูชันพลาสม่าคลัสเตอร์ของเราไปใช้ในพื้นที่สาธารณะ รวมทั้งระบบขนส่งสาธารณะ อสังหาริมทรัพย์ เช่น รถไฟฟ้า BTS รถโดยสารประจำทาง โรงแรม คอนโดมิเนียม หรือแม้แต่โรงพยาบาล และรถพยาบาล เราหวังว่าจะสามารถพัฒนาโซลูชันพลาสม่าคลัสเตอร์ของเราขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ต่อไป