แกะรอยไทยยูเนี่ยน บริษัทขยันต่อยอด 9 เดือนแรก รายได้รวมกว่าแสนล้านบาท!!

 

เป็นอีกหนึ่งปีที่หลาย ๆ อุตสาหกรรมจะต้องพบเจอกับอุปสรรคที่ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย แต่บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU บริษัทในกลุ่มอุตสาหกกรมอาหารกลับสามารถลุยตลาดสวนกระแส ต่อยอดกิจการให้เท่าทันกันเทรนด์ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย

 

ทีนี้ เรามาเริ่มดูผลประกอบการของบริษัทกัน ว่าในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีผลการดำเนินงานเป็นอย่างไรบ้าง

 

ผลประกอบการของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ในช่วง 9 เดือนของปี 2564

สามารถทำรายได้รวมไปกว่า 103,131.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วราว 2.80% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 27.02% หรือมูลค่ากว่า 6,082.55 ล้านบาท

 

ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากมาตรการผ่อนปรนต่างๆ ที่ทำให้ธุรกิจสามารถกลับมาเปิดได้เกือบปกติ มีผลให้ยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารทะเลจำพวกกุ้งและล็อบสเตอร์ที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความต้องการในตลาดมากขึ้น 

 

ซึ่งนอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังมีการต่อยอดธุรกิจที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

 

ลงทุนในกลุ่มบริษัท 

บริษัทฯ ได้มีการเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ 10% หรือมูลค่าราว 3,000 ล้านบาท ในบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร (Food Ingredients) เช่น วัตถุแต่งรส สี และสารปรุงแต่งอาหาร

 

ซึ่งบริษัทฯ เองก็เห็นถึงโอกาสเติบโตสู่ตลาดอาหารที่ปัจจุบันผู้บริโภคมีความต้องการหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากกัญชง โปรตีนทางเลือก หรือแม้แต่อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีความต้องสูงเพิ่มขึ้นทุกปี

 

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในก่อสร้างโรงงานผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยเป็นความร่วมมือระหว่างทางบริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน ด้วยทุนจดทะเบียน จำนวน 250 ล้านบาท โดย SFLEX และไทยยูเนี่ยนผู้ถือหุ้นสามัญในสัดส่วน 51% และ 49%  ตามลำดับ

 

ทั้งนี้ยังได้มีการลงทุนกับบริษัทในเครือ อย่าง ออร์ก้าฟีด บริษัทสตาร์ทอัพแนวหน้าของประเทศไทย ผู้ผลิตขนมสัตว์เลี้ยงที่มีส่วนผสมจากแมลง โดยเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายครอบคลุมภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ เช่น  Marvo, Bellota, Paramount และ Calico Bay นอกจากนี้ยังได้ขยายธุรกิจอาหารสัคว์เลี้ยงไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยมีการจัดตั้งบริษัทสำหรับจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ  อีกด้วย

 

ออกผลิตภัณฑ์ใหม่

จากความต้องการของอาหารทะเลกระป๋องที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ทำให้บริษัทไม่พลาดที่จะคว้าโอกาสออกผลิตภัณฑ์ทูน่ากระป๋องที่มีอัดแน่นวิตามินต่าง ๆ มาเต็ม ๆ  ภายใต้แบรนด์ที่มีชื่อว่า John West ที่วางจำหน่ายและลุยตลาดในยุโรป

รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ทูน่ากระป๋อง “น้ำพริกนรกทูน่า” ภายใต้แบรนด์ SELECT ที่จำหน่ายภายในประเทศ

 

ธุรกิจใหม่ของบริษัท

ในช่วงเดือนกันยายน 2564 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวแบรนด์ ZEAVITA ที่จำหน่ายสินค้าประเภท คอลลาเจน แคลเซียม และน้ำมันปลาทูน่า 

 

และบริษัทฯ ยังได้มีการวางแผนสร้างโรงงานผลิตไฮโดรไลเสตและคอลลาเจนเปปไทด์ เพื่อขยายตัวออกสู่ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง เครื่องสำอางค์และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ซึ่งได้เตรียมออกจำหน่ายในไตรมาส 4/2565

 

เรียกได้ว่าจากการเลือกลงทุน หรือออกสินค้าใหม่ ๆ ของบริษัทฯ นั้น เป็นการมองโอกาสทางตลาดได้อย่างแหลมคม กับเทรนด์และแนวโน้มการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นทุกปี จึงไม่แปลกใจว่าช่วงที่ผ่านมาของปี 2564 นี้บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในบริษัทของกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารที่ติดอยู่อันดับต้น ๆ ของบริษัทที่สามารถทำรายได้รวมมากที่สุด และมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปีอีกด้วย 

 

ติดตาม Business+ ได้ที่ thebusinessplus.com
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHCuS
.
#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #ไทยยูเนี่ยน