Trend Business

ธุรกิจเหล่านี้ใครเป็นเบอร์หนึ่ง เปิด 7 บริษัทที่มีรายได้สูงที่สุดในกลุ่ม

ผ่านช่วงประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/2566 ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีรายได้รวมทั้งหมด 4,506,029 ล้านบาท (668 บริษัทที่ส่งงบ 9 เดือน) ซึ่งรายได้ลดลง 4% จากไตรมาส 3/2565 ซึ่งมีรายได้ 4,681,493 ล้านบาท (666 บริษัทที่ส่งงบ)

อย่างไรก็ตาม หากมองที่ความสามารถในการทำกำไรสุทธิของทุกธุรกิจรวมกันถือว่าเติบโตจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนเป็นอย่างมาก โดยในปีนี้ทำกำไรได้ที่ 276,205 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 214,261 ล้านบาท

โดย ‘Business+’ พบข้อมูลที่น่าสนใจว่าถึง 9 เดือนของปีนี้กลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำกำไรได้สูงที่สุดคือกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค ซึ่งมีกำไรสุทธิ 109,465 ล้านบาท (มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน) แตกต่างกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน (ไตรมาส 3 ของปี 2565) ที่มีกำไรสุทธิ 58,574 ล้านบาท

ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาในแต่ละกลุ่มธุรกิจต่างมีเบอร์ 1 ที่ทำรายได้สูงสุด เราจึงได้ทำการสำรวจและรวบรวม 7 กลุ่มธุรกิจที่ทำรายได้สูงสุดใน SET และคัดเลือกบริษัทที่มีส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) สูงที่สุดของกลุ่มเอาไว้ดังนี้

Trend Business

สำหรับผลประกอบการของกลุ่มพลังงานที่เป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้สูงที่สุดใน SET ช่วง 9 เดือนของปี 2566 ได้รับอานิสงส์จากการสต๊อกราคาน้ำมัน (ราคาน้ำมันไตรมาส 3 สูงขึ้น) โดยพบว่ามีหลายบริษัทที่ทำรายได้และกำไรสูงสุด อย่างเช่น กลุ่มบริษัทบางจาก ที่ในไตรมาส 3/66 มีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 39 ปี โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 94,528 ล้านบาท (+39% QoQ, +26% YoY)

โดยที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความกังวลอุปทานน้ำมันดิบโลกตึงตัว หลังจากซาอุดิอาระเบียมีมาตรการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ รวมถึงรัสเซียได้ประกาศขยายระยะเวลาลดการส่งออกน้ำมันดิบไปจนถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้กลุ่มพลังงานได้รับอานิสงส์ไปจนถึงสิ้นปี และผลประกอบการทั้งปีจะออกมาเป็นไปในทิศทางที่ดีกว่าปี 2565

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจจากข้อมูลชุดนี้ โดยเราจะเห็นได้ว่าในบางกลุ่มอุตสาหกรรมส่วนแบ่งการตลาดสูงเกิน 50% อย่างเช่น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ซึ่งหากวัดเฉพาะส่วนแบ่งการตลาดจากรายได้มากถึง 71.50% (เฉพาะบริษัทใน SET กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว) ซึ่งจริงๆ แล้วถือเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด แต่สำหรับประเทศไทยนั้น การมีส่วนแบ่งการตลาดเกิน 50% ตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ถือเป็น “ผู้มีอำนาจเหนือตลาด” แต่ไม่ได้มีความผิด ซึ่งจะมีความผิดก็ต่อเมื่อใช้อำนาจเหนือตลาด เช่น กีดกันคู่แข่งอื่นๆ หรือตั้งราคาไม่เป็นธรรมเท่านั้น

ที่มา : SETSMART

Data Analytic by Business+

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS